รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 8

กระทู้สนทนา
G.K.Line

          8.

                ขึ้นชื่อว่าความรัก...ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง ลองได้รักใครแล้วก็อยากเอาอกเอาใจ อยากอยู่ใกล้ชิดและอยากทำในสิ่งที่เขาหรือเธอพึงพอใจ เมื่อลงมือทำไปแล้ว แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มแห่งความพึงใจฉาบบนใบหน้าของคนที่ตนรักก็แสนจะชื่นใจ นายแพทย์หนุ่มก็ไม่ต่างกัน วันนี้เขาลงมือทำบางสิ่งให้แก่สาวคนรัก

                นำเลือดนกกระทาผสมกับน้ำอุ่นในอัตราส่วนหนึ่งต่อสองเพื่อลดความคาวของเลือดลง จากนั้นเติมผงวุ้นลงไปและคนจนกระทั่งผงวุ้นละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เพิ่มความหวานอีกเล็กน้อยด้วยน้ำตาลทราย

                ได้ที่แล้วก็นำน้ำวุ้นกรอกลงไปในเปลือกไข่นกกระทาที่เจาะรูเอาเนื้อไข่ข้างในออก นำไปแช่ตู้เย็นและรอให้วุ้นแข็งจนอยู่ตัว ที่เหลือก็แค่รอประดับจานด้วยกระหล่ำปลีม่วงซอย คลุกเคล้าด้วยน้ำผึ้ง เท่านี้ก็จะได้เมนูของหวานรสอร่อยแปลกใหม่ที่ผสมผสานความคาวหวานได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ลิ้มรสได้ไม่ยาก

                เมนูนี้มีชื่อตรงตัวว่า ‘ไข่ทับทิม’ เป็นสูตรที่บรรพตเคยได้ยินจากคนรู้จักเมื่อนานมาแล้ว ช่วงเวลาสองปีที่ต้องอยู่คนเดียวทำให้เขาต้องหยิบจับเครื่องครัว ได้ทดลองดัดแปลงเมนูอาหารทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มอยู่บ้าง

                หลังรู้จักเพียงพลอยมาระยะหนึ่ง แม้ยังรู้สึกละอายและกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย แต่ในที่สุดอดีตนายแพทย์ก็ต้องยอมรับความจริงว่าตนเองมีความรู้สึกให้เด็กสาวมากกว่าเพียงเพื่อนข้างบ้าน

                ชายหนุ่มอยากทำให้เด็กสาวรู้สึกประทับใจในตัวเขา เรื่องอาหารเป็นคำตอบแรกๆ ที่แล่นเข้ามาในสมอง เป็นหัวข้อทั่วไปที่ใครๆ ก็หยิบยกมาเป็นประเด็นพูดคุยต่อยอดกันได้

                และเขายังเชื่อว่าถ้าใครมีเสน่ห์ปลายจวักจะสามารถเพิ่มความน่าสนใจในตัวเองให้กับคู่สนทนาเพศตรงข้ามได้มากขึ้น และหากเธอชอบ เขาก็จะถือโอกาสนี้รุดหน้าความสัมพันธ์โดยการอาสาทำให้เธอทานทุกคืน

                บรรพตมีโอกาสพบเพียงพลอยเพียงแค่ช่วงเวลากลางคืนซึ่งล่วงเลยเวลาอาหารเย็นไปแล้ว การทำอาหารคาวจึงดูไม่เหมาะนัก ของหวานที่ใช้สำหรับกินเล่นจึงน่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า อีกทั้งเขายังเห็นว่าเด็กสาวมีผิวที่ซีดมากซึ่งอาจเกิดจากภาวะโลหิตจาง

                ดังนั้น เมนูไข่ทับทิมนี้จึงดูจะเหมาะสมกับเธอ เพราะนอกจากเยลลี่ในเปลือกไข่ที่จะทำให้เธอประหลาดใจ พร้อมกับรสหวานปนคาวที่เย็นฉ่ำในขณะลิ้มลองประกอบกับสีแดงของเยลลี่ที่สวยงามดั่งทับทิมตามชื่อของมันแล้ว ยังมีประโยชน์กับร่างกายของเธออีกด้วย

                เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมสรรพแล้ว เขาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง ยังเหลือเวลาอยู่อีกพักใหญ่กว่าตะวันจะลับขอบฟ้า เขาน่าจะงีบหลับเอาแรงเสียหน่อยก่อนดีกว่า ชายหนุ่มรู้สึกเพลียจากอาการหลับไม่ค่อยเต็มตื่น เพราะหมู่นี้มักฝันเห็นอะไรแปลกๆ และวันนี้เขายังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปซื้อหาวัตถุดิบสำหรับมาประกอบอาหารอีกด้วย
 

                บนโซฟาที่ใช้เอนกาย บรรพตนอนกระสับกระส่ายด้วยรู้สึกถึงความร้อนอบอ้าวชอบกลจนไม่อาจทนนอนอยู่ไหว เขาลืมตาตื่นและก็พบว่าท้องฟ้าภายนอกได้ถูกความมืดกลืนกินไปแล้ว

                ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งใช้มือนวดขมับเบาๆ คลายความหนักอึ้งของสมอง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็ยังฝันเห็นอะไรต่อมิอะไรสับสนมั่วซั่วไปหมด และนั่นส่งผลให้การงีบในช่วงเย็นนี้ไม่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย

                นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาห้าทุ่มกว่า ตายละ...ไม่ใช่การงีบช่วงสั้นๆ อย่างที่เข้าใจไปเองเสียแล้ว หมอหนุ่มออกอาการตกใจเพราะเลยเวลาที่จะพบกับเพียงพลอยมานานพอดูทีเดียว เขาผลุนผลันลุกขึ้นเดินไปยังหน้าประตูอย่างร้อนใจจนเกือบจะเตะขาโต๊ะเข้าให้

                โชคยังดีที่ขณะนั้นเด็กสาวกำลังยืนเกาะกำแพงรั้วแหงนหน้ามองฟ้า พอได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน เธอจึงหันกลับมายิ้มให้เหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกโล่งอกที่เธอยังไม่ได้กลับเข้าบ้านไปเสียก่อน

                “เห็นว่าดึกแล้วพี่พตยังไม่ออกมา นึกว่าคืนนี้จะไม่ได้เจอกันเสียแล้วสิคะ”

                เสียงใสกับรอยยิ้มอ่อนหวานที่ส่งมาให้ราวน้ำทิพย์ชโลมใจไม่มีผิด เธอคงกำลังยืนรอเขาอยู่เช่นกัน บรรพตคิดเข้าข้างตัวเอง

                “พอดีพี่เผลอหลับไป ตื่นมาเมื่อกี้ตกใจแทบแย่ คิดว่าพลอยจะกลับเข้าบ้านไปแล้วเสียอีก”

                “แหม พี่พตก็พูดเกินไป ตกใจอะไรกันคะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เสียหน่อยหรือว่ามีเรื่องอะไรใหญ่กันคะ”

                เขาถูกเด็กสาวหยอก เธอพูดพลางหัวเราะขำเสียงใส บรรพตถึงกับออกอาการเขินหน้าแดงเพราะไม่คิดว่าจะถูกเธอเย้าทีเล่นทีจริงเอาอย่างนี้ สามเดือนที่พบเจอกัน นับวันเพียงพลอยยิ่งดูสดใสร่าเริงมากขึ้นผิดกับวันแรกๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นพูดคุยกันได้ไม่รู้เบื่อ

                คงเป็นเหมือนคำคนที่เคยพูดไว้ว่า สำหรับคนที่ถูกใจกันแล้ว ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรเลยแต่เราก็จะพยายามสรรหาเรื่องมาพูดคุยกับเขาจนได้ เพียงเพราะต้องการให้เขาได้อยู่ใกล้กันกับเรา แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่ ต่อให้มีเรื่องราวจำเป็นมากมายขนาดไหน เพียงแค่คำเดียวก็ยังเต็มกลืนเพราะไม่อยากพูดด้วย

                “จริงสิ พลอย วันนี้พี่มีอะไรมาให้ด้วย”ได้เวลาจะทำให้เธอประหลาดใจแล้ว ชายหนุ่มเริ่มเกริ่นขึ้นตามแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่เช้า

                “อะไรเหรอคะ” เพียงพลอยเอียงคอถามจ้องเขาตาแป๋ว ทำท่าสงสัยในตัวคู่สนทนาที่คืนนี้มาแปลกกว่าทุกครั้ง

                “รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวพี่มา” ชายหนุ่มไม่ตอบ เขายกสองนิ้วชี้มาที่เธอ ก่อนรีบเดินลิ่วกลับเข้าไปในครัว เสียเวลานิดหน่อยเพื่อซอยกระหล่ำปลีม่วงแล้วตกแต่งวางลงในจานให้คล้ายกับรังนก ราดน้ำผึ้งเป็นช่วงๆ ให้สวยงาม ก่อนจัดเยลลี่ในเปลือกไข่ที่แช่เอาไว้ลงไปในรังนกกระหล่ำปลี

                “มาแล้วจ้า พลอย”ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับออกมาหาเธอพร้อมด้วยของหวานจานพิเศษ ชายหนุ่มยิ้มกว้างพลางยื่นมันส่งให้ เด็กสาวพิจารณาสิ่งที่อยู่ในมือเขาด้วยความสงสัย  

                “มันคืออะไรเหรอคะ ดูเหมือนรังนกใส่ไข่นกกระทา”

                “มันชื่อว่าไข่ทับทิม พี่อยากให้พลอยลองกินดู พี่ทำให้พลอยสุดฝีมือเลยนะ” ชายหนุ่มคะยั้นคะยอ ตาทอประกายมาอย่างมีเลศนัย

                “โอ้โฮ ชื่อไข่ทับทิมเชียว มันแค่ไข่นกกระทาต้มเองไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าไม่ใช่ พี่พตจะอำอะไรพลอยรึเปล่าคะเนี่ย” เธอพูดพลางหัวเราะเสียงใสที่เขาลงทุนทำของหวานพิเศษมาเอาใจ

                “ลองชิมดูซักใบก่อนเถอะน่า พลอยก็...”

                ชายหนุ่มรบเร้า ใจอยากเห็นเธอชิมของหวานสูตรพิเศษของตัวเองโดยเร็ว เด็กสาวจึงหยิบไข่ที่เขายื่นส่งให้มาถือเอาไว้ ในใจขำท่าทางที่ดูกระตือรือร้นเกินเหตุของหมอหนุ่ม

                เธอค่อยๆ บรรจงแกะเปลือกไข่ออกทีละชิ้น ในขณะที่ชายหนุ่มก็ยืนอมยิ้ม เฝ้าคอยสังเกตความรู้สึกของเธออย่างภูมิอกภูมิใจ และเมื่อเปลือกไข่ถูกปอกออกจนหมด สีแดงดุจทับทิมที่อยู่ภายในก็อวดโฉมออกมาให้ได้เห็น

                “ว้าว สวยจังเลยค่ะ นี่มันคืออะไรคะพี่พต”

                เป็นปฏิกิริยาตามคาดที่อยากเห็น นายแพทย์หนุ่มยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นท่าทางตื่นตาตื่นใจของเด็กสาว เธอหมุนเยลลี่รูปไข่ในมือไปมาราวกับต้องการจะสำรวจทุกซอกมุมของมันสีแดงสะท้อนแสงจากหลอดไฟวิบวับ อวดความชุ่มฉ่ำของผิวเนื้อเยลลี่ที่อัดแน่นอยู่ข้างใน

                นี่เป็นหนึ่งในเมนูแปลกที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นและได้ลิ้มรส เพราะนอกจากความหอมหวานแล้ว ทับทิมไข่ยังซ่อนรสชาติอื่นเอาไว้อีกด้วย

                “ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ ลองชิมดูสิ แล้วพลอยจะประหลาดใจมากกว่านี้อีก”

                ชายหนุ่มเร่งให้เธอลองชิมรสชาติของมัน ท่าทีที่เข้ามายืนติดขอบรั้วแล้วยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกโด่งแทบจะชนหน้านวลขณะคะยั้นคะยอให้เธอทานแบบนั้น ทำให้เด็กสาวเกิดตกประหม่า รู้สึกว่าแก้มเริ่มร้อนวูบวาบและมันคงกลายเป็นสีชมพูจากความขวยเขิน เหลือบตามองเขาแล้วก้มหน้าลงซ่อนความเขินอาย ก่อนค่อยๆ ส่งลูกเยลลี่เข้าปาก 

                เพียงแค่ฟันและลิ้นสัมผัสถูกลูกเยลลี่ พลันมันก็แตกออกปล่อยรสชาติที่กักเอาไว้ข้างในให้ทะลักออกมา

                เด็กสาวพริ้มเปลือกตาลง ปล่อยให้ประสาทในการรับรสทำงานอย่างเต็มที่ ความหอมหวานซ่านไปทั่วต่อมรับรสของลิ้น ก่อนจะกระจายอาบไปทั่วทั้งปาก เพียงพลอยรู้สึกว่ารสชาติที่กำลังซึมซาบอยู่นี้กระจายออกไปเรื่อยๆ มันวิ่งไปตามเส้นเลือด แตกแขนงไปตามกิ่งก้านสาขาตรงไปยังสมอง ไปที่หัวใจ ปลายมือ ปลายเท้า จนแม้กระทั่งทุกรูขุมขน

                ประสาทรับสัมผัสทั้งหมดกำลังแย่งกันตักตวงรสชาติและความหอมหวานที่กำลังเกิดขึ้น ทว่ามันไม่ใช่ความหอมจากเยลลี่และความหวานจากน้ำตาล ส่วนประกอบที่กำลังส่งรสชาติอันน่ามหัศจรรย์ให้แก่เธออยู่ตอนนี้มันคือเลือดต่างหาก
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่