Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อรุ่น iPhone 12 ใช้ชิป A14 Bionic 5nm โดยเป็นรุ่นแรกของ iPhone ที่รองรับเครือข่าย 5G แบบ Millimeter Wave (mmWave) รองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 4Gbps (บนเครือข่ายที่รองรับ) สามารถใช้งาน 5G ได้ 100 เครือข่าย ใน 30 ภูมิภาค ข้อดีคือมี Smart data mode ที่จะใช้ 4G ตอนที่เราไม่ต้องการใช้ความเร็วสูง เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ เพราะ 5G เปลืองแบตมากกว่า
การออกแบบด้านข้าง iPhone 12 แวบแรกนึกถึง iPhone 4 ทันทีเลย ใช้ชิป A14 Bionic เป็น CPU 6 คอร์ และ GPU 4 คอร์ หน้าจอเซรามิก (ceramic-hardened display) หน้าจอรองรับ HDR ความสว่าง 1200 nits รองรับ Dolby Vision, HLG และ HDR 10 กล้องคู่ 2 เลนส์ (Dual camera) รองรับการถ่ายภาพ Ultrawide 120 องศา f/1.6 มาพร้อม Night mode time-lapse การชาร์จแบตเตอรี่ ใช้พอร์ต Lightning รองรับการชาร์จไร้สาย รองรับ MagSafe for iPhone ในกล่องไม่มีหูฟังและไม่มีอแดปเตอร์ชาร์จไฟให้
iPhone 12 mini ได้เครื่องขนาดเล็กกว่า แต่ได้จอใหญ่กว่า iPhone SE คือเป็นจอขนาด 5.4 นิ้ว รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K 60fps กันน้ำ IP68
(ซ้าย iPhone 12 mini ขวา iPhone SE (2020) จะเห็นว่าตัวเครื่องเล็กลง จอใหญ่ขึ้น)
ราคาเปิดตัว iPhone 12 mini: $699 ประมาณ 22,000 บาท ส่วน iPhone 12 เริ่มต้น $799 ประมาณ 25,000 บาท
ส่วน
iPhone 12 Pro & Pro Max วัสดุเป็นขอบข้างเป็น Stainless steel แต่หน้าจอเป็น Ceramic Shield แข็งแรงกว่ากระจก มาพร้อมหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วสำหรับรุ่น Pro และ 6.7 สำหรับรุ่น Pro Max มี 3 กล้อง มี LIDAR sensor เพิ่มเข้ามา ส่วนรุ่น Pro Max รองรับ 5X telephoto zoom
LIDAR sensor นี่ฉลาด เพราะค้นหา สแกนวัตถุ มองดูรอบๆ ห้อง ช่วยในการโฟกัสในที่แสงน้อยได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนงานวีดีโอ
HDR video recording รองรับ Dolby Vision HDR โดยบันทึก 10-bit HDR ได้ แต่เครื่องที่ดูวีดีโอนี้ หน้าจอต้องรองรับฟีเจอร์นี้ด้วย
ถ้ามองดูการเปิดตัว จะเห็นว่า หากต้องการกล้องโปร ควรเลือกรุ่น Pro ที่มีกล้องดีกว่า iPhone 12 รอบนี้ตอกย้ำผู้นำกล้องมือถือที่ดีเยี่ยม แต่ถ้าอยากจัดเต็มเรื่องกล้อง ให้ไปหยุดที่ Pro Max ได้กล้องดีกว่ารุ่น Pro แต่บางคนก็อาจจะชอบมือถือเล็กๆ
ราคารุ่น iPhone 12 Pro ความจุ 128GB เริ่มต้น $999 ประมาณ 32,000 บาท ส่วน iPhone 12 Pro Max เริ่มต้น $1,099 ประมาณ 35,000 บาท
และแน่นอนว่า iPhone 11 ยังขายอยู่ แต่รอดูราคาปรับลงมาอีกครั้ง และ iPhone SE 2020 ก็ยังเป็นรุ่นเล็กสุดท้องที่เปิดตัวเมื่อกลางปี
ภาพจาก
theverge
Apple เปิดตัว iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max รองรับ 5G ใช้ชิป A14 Bionic
ส่วน iPhone 12 Pro & Pro Max วัสดุเป็นขอบข้างเป็น Stainless steel แต่หน้าจอเป็น Ceramic Shield แข็งแรงกว่ากระจก มาพร้อมหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วสำหรับรุ่น Pro และ 6.7 สำหรับรุ่น Pro Max มี 3 กล้อง มี LIDAR sensor เพิ่มเข้ามา ส่วนรุ่น Pro Max รองรับ 5X telephoto zoom
LIDAR sensor นี่ฉลาด เพราะค้นหา สแกนวัตถุ มองดูรอบๆ ห้อง ช่วยในการโฟกัสในที่แสงน้อยได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนงานวีดีโอ HDR video recording รองรับ Dolby Vision HDR โดยบันทึก 10-bit HDR ได้ แต่เครื่องที่ดูวีดีโอนี้ หน้าจอต้องรองรับฟีเจอร์นี้ด้วย
ถ้ามองดูการเปิดตัว จะเห็นว่า หากต้องการกล้องโปร ควรเลือกรุ่น Pro ที่มีกล้องดีกว่า iPhone 12 รอบนี้ตอกย้ำผู้นำกล้องมือถือที่ดีเยี่ยม แต่ถ้าอยากจัดเต็มเรื่องกล้อง ให้ไปหยุดที่ Pro Max ได้กล้องดีกว่ารุ่น Pro แต่บางคนก็อาจจะชอบมือถือเล็กๆ
ราคารุ่น iPhone 12 Pro ความจุ 128GB เริ่มต้น $999 ประมาณ 32,000 บาท ส่วน iPhone 12 Pro Max เริ่มต้น $1,099 ประมาณ 35,000 บาท
และแน่นอนว่า iPhone 11 ยังขายอยู่ แต่รอดูราคาปรับลงมาอีกครั้ง และ iPhone SE 2020 ก็ยังเป็นรุ่นเล็กสุดท้องที่เปิดตัวเมื่อกลางปี
ภาพจาก theverge