[CR] เ ชี ย ง ใ ห ม่ ห น้ า ฝ น ไ ม่ ไ ป คื อ "พ ล า ด"


เชียงใหม่ไปกี่รอบ ก็เที่ยวไม่หมดจริงๆ ครั้งนี้เราเดินทางไปช่วงต้นเดือนตุลา 63 ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด  3 วัน 2 คืน
เราจะสรุปให้เพื่อนๆดูกันว่ามีที่ไหนน่าไปตามกันบ้าง ทั้งหมดทริปนี้ก็เป็นสถานที่ใหม่สำหรับเราหมดเลยย
แต่บอกเลยว่า คุ้มจริงๆ แม้จะเดินทางไกล ทางจะชัน ก็ตาม แต่บรรยากาศ และวิวที่ได้รับ มันคุ้มม เรียกได้ว่า ไม่ไปคือพลาด


การเดินทาง
1. บินด้วยสายการบินพี่หางแดงอีกเช่นเคย ด้วยราคาสุดประหยัด คนละ 275 บาท
   DMK-CNX 07.30-08.45
   CNX-DMK 19.55-21.05
2. เช่ารถขับของบริษัท Bizcar ประมาณ 2,000 บาท ไม่รวมน้ำมัน
3. ดอยแม่โถ ไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปได้ ต้องเปลี่ยนเป็นรถกระบะของชาวบ้าน ไปกลับ 500 บาท เฉพาะเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนา
    ติดต่อจองล่วงหน้า คุณเอก 0614750085 ​หรือเพจ พาเที่ยวดอยแม่โถ360องศา
4. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปได้เช่นกัน ค่ารถไปกลับ 500 บาท ไปชมทุ่งดอกไฮเดรนเยีย
    ไม่ต้องจอง สามารถนำรถไปจอด และติดต่อพี่ๆที่หน้างานได้เลย หรือใครโชคดีไปพร้อมคนอื่นๆ ก็สามารถจอยไปกันได้ ค่ารถจะได้ถูกหน่อย


ที่พัก
อำเภอ แม่แจ่ม : Chadaporn Mae Chaem Hotel 600 บาทต่อห้อง ต่อคืน (ราคาดี ห้องสะอาด)
หมู่บ้านแม่กำปอง : บ้านน้อยกลอยใจ 2,000 บาทต่อห้อง ต่อคืน (ทำเลดีมาก ตั้งอยู่แลนด์มาร์คเลย)


โปรแกรมการเดินทาง
D1 สนามบินเชียงใหม่-ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ-สวนสนบ่อแก้ว-ทุ่งหญ้าสะวันนา ดอยแม่โถ-เข้าที่พัก อำเภอแม่แจ่ม
D2 ป่าบงเบียง-Hillsborough The English Country House Hotel & Leisure-หมู่บ้านแม่กำปอง-ร้านระเบียงวิว
D3 อุตสาชงที่บ้าน คาเฟ่-Take a Walk เตวแอ่ว house and coffee-ตะเวนกินในตัวเมืองเชียงใหม่-สนามบิน



เราเช่ารถของ Bizcar ซึ่งในสนามบินจะไม่มีเค้าเตอร์นะ แต่เมื่อเราถึง ก็โทรหาพี่ พนง จากนั้นเขาก็จะมารับ
และพาไปรับรถที่ออฟฟิศ เรามาไฟล์ทเช้าก็เริ่มหิวหน่อยๆ จึงถามพี่ พนง ว่ามีอาหารเช้าอะไรแนะนำไหม
พี่ๆเขาแนะนำเป็นร้าน จิงจูไฉ่ ขายข้าวต้ม เกาเหลา โจ๊ก รสชาติโอเค ร้านไม่แพง
อิ่มมแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าไป ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากเชียงใหม่
ระหว่างทางก่อนถึง ผ่านหลายโค้งอยู่นะ เนื่องจากอยู่บนเขา แต่ทางไม่อันตราย สามารถขับไปได้
เมื่อถึงลานจอดรถ เราต้องเปลี่ยนเป็นรถกระบะของชาวบ้าน เพื่อเข้าไปชมสวน
เนื่องจากทางที่จะเข้าไปชมสวน ชันมากๆ แคบ และอันตรายย โดยค่าใช้จ่าย เหมาเป็นคัน คันละ 500 บาท
ถ้าไปพร้อมกับคนอื่นๆเวลาเดียวกัน ก็สามารถจอยกันได้ ค่าเข้าชมสวนคนละ 30 บาท ส่วนใครอยากมีพร้อพตระกร้าดอกไม้ ก็เพิ่มอีก 20 บาท

ถ่ายรูปกับดอกไม้เต็มอิ่มแล้วว ก็เดินทางต่อไปยัง ทุ่งหญ้าสะวันนา ดอยแม่โถ แต่ระหว่างทางก่อนถึงดอยแม่โถ ก็จะผ่านสวนสนบ่อแก้ว
เลยแวะถ่ายรูปแปปนึง ไม่เสียค่าบริการ สามารถเข้าไปถ่ายได้เลย 
ขับรถไปกันต่อที่ทุ่งหญ้าสะวันนา ดอยแม่โถ หากจองรถกับพี่เขาไว้ พี่เขาจะแอดไลน์มา เพื่อแชร์ location ลานจอดรถมาให้ ไปตามมุดที่พี่เขาให้มาได้เลย ไม่หลง ไปถึงแน่นอนน (ไม่แนะนำให้ปักมุด ดอยแม่โถ เพราะมันอยู่คนละชุด) หรือพิมพ์ว่า จุดบริการรถขนส่งนักท่องเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนาและดอย 360 แม่โถ​ ก็ได้ ทางขึ้นอาจจะเล็กๆ แต่ไม่ได้อันตราย เมื่อถึงลานจอดรถก็เปลี่ยนรถกระบะ (บริการลานจอดมีห้องน้ำ) จากนั้นขับขึ้นไปประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงแล้วว ทุ่งหญ้าสะวันนา บอกเลยว่า เป็นดอยที่ไม่เหนื่อย รถจอดปุ๊ป ลงไปถ่ายรูปได้เลยย เดินไป ถ่ายรูปไป อากาศก็ดี ฟินนไปอีก แต่หากใครคิดว่ายังไม่สุด ก็ไปต่อที่จุดชมวิว 360 องศาได้เลย​ ขับไปต่อจากทุ่งหญ้าสะวันนา และต้องเดินเท้าต่อด้วย​ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลา ส่วนครั้งนี้เราเที่ยวแค่ ทุ่งหญ้าสะวันนา​ เนื่องจากเวลาไม่พอ หากใครต้องการนอนเต๊นท์ก็สามารถนำไปได้นะ แต่ข้างบนไม่มีไฟฟ้าใช้ ห้องน้ำมีประมาณ 2 จุด
ถ้าได้เห็นหมอกตอนเช้าๆ น่าจะฟินสุดๆ พร้อมจิบกาแฟท่ามกลางทุ่งหญ้า 

สรุปสั้นๆ 
จุดชมวิวหลักๆบนดอยแม่โถ มี 2 จุด ​ คือ ทุ่งหญ้าสะวันา และจุดชมวิว 360 องศา​
- ทุ่งหญ้าสะวันนา ค่ารถ 500 บาท/คัน (ไป-กลับ)​
- ทุ่งหญ้า + จุดชมวิว 360 องศา ค่ารถ 1,000 บาท/คัน (ไป-กลับ)​
เนื่องจากเราไม่ได้พักบนดอยแม่โถ เราจึงลองหาที่พักใกล้ๆ และเช้าอีกวันเราจะไปเที่ยวป่าบงเบียง จะเลือกที่จะพักที่อำเภอแม่แจ่ม
โรงแรม Chadaporn Mae Chaem Hotel (ที่พักโอเค ราคาไม่แพง ห้องสะอาด รวมอาหารเช้าด้วย) เนื่องจากห่างจาก ป่าบงเบียงเพียง 45 นาทีเท่านั้น จากดอยแม่โถมายังที่พักใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่แนะนำว่าควรที่จะออกเดินทางก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะระหว่างทางค่อนข้างมืด
ไม่ค่อยมีไฟ และต้องขึ้นลงเขาด้วย ทำให้อันตราย  

หลังทานอาหารเช้าเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยังป่าบงเบียง ทางค่อนข้างชัน ไม่ได้เรียบ มีทางทางขรุขระบ้าง แต่ก็ขับไหวอยู่ แนะนำให้กลับทางเดิม เนื่องจากเราคิดว่าทางเดิมไม่ค่อยโอแล้ว ยอมเสี่ยงจะไปอีกทางที่ไปออกทางดอยอินทนน์ บอกเลยว่า อย่าาา เด็ดขาดด ยิ่งกว่าเดิมร้อยเท่า ถึงจุดนั้นอยากจะร้องไห้กลับทางเดิมให้ได้ มันมีหลุมเยอะมากๆ และทางแคบ ชันน ได้แต่ภาวนาให้ออกจากจุดนี้ให้ไวที่สุดด มาดูรูปกันดีกว่าาา

ก่อนเข้า ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาวัดอุณหภูมิกันก่อนน เที่ยวในช่วงโควิด ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนน และเก็บค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท จากนั้นก็ต่อขึ้นไปอีก 20 นาทีก็จะถึงจุดถ่ายรูป สามารถจอดรถได้ตามข้างทางเลยย จะมีจุดที่เป็นที่พัก เราสามารถเดินลงไปถ่ายรูปข้างล่างกับนาได้เลยย มีหลายมุม ไปช่วงนี้นาเขียว สวยมากก 
หลังจากลงมาจากป่าบงเบียงแล้ว เราก็เดินทางไปยังหมู่บ้านแม่กำปอง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ทางไปแม่กำปอง โอเค ไม่อันตราย ทางดี แต่ภายในหมู่บ้านแม่กำปอง ทางจะชันหน่อยย ยิ่งทางไปชมวิวข้างบน ชันสุดๆ แต่สามารถขับรถยนต์ขึ้นไปได้ เมื่อเรามาถึงหมู่บ้านแม่กำปอง เราก็ไม่พลาดที่จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ร้านระเบียงวิว ตั้งอยู่ข้างบนสุดเลยย บรรยากาศดีมาก ตอนเราไปร้านปิดแล้ว แต่ยังสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้นะ หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขาจริงๆ บรรยากาศเย็น สบายยย
ลงจากจุดชมวิวก็มาเชคอินที่พักก่อน เราพักที่บ้านน้อยกลอยใจ เป็นที่พักที่อยู่ข้างล่างเขา ใกล้ๆกับแลนด์มาร์ค ที่เวลาใครมาแม่กำปองต้องมาถ่ายรูปกับกำแพงนี้ อยู่เยื้องๆ กันเลยย ที่พักมีเพียง 4 ห้องเท่านั้น ราคาไม่แพง รวมอาหารเช้า มีน้ำอุ่นให้ ซึ่งที่พักกับร้านข้าวซอยเป็นเจ้าของเดียวกัน อาหารเช้าก็ไปเลือกเมนูทานที่ร้านข้าวซอยได้เลยย 
ถ่ายจากระเบียงห้องพัก ก็เห็นวิวนี้เลยย 
ลานจอดรถ สามารถจอดได้ที่ศูนย์เรียนรู้ก่อนเข้ามาในหมู่บ้านนะ จอดฟรีจ้า

ชื่อสินค้า:   เ ชี ย ง ใ ห ม่ ห น้ า ฝ น ไ ม่ ไ ป คื อ "พ ล า ด"
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่