อาถรรพ์จอมปลวก

กระทู้สนทนา
อาถรรพ์จอมปลวก

ราสส์ กิโลหก

มันเป็นเรื่องราวที่ผมไม่เคยลืม แม้เวลาจะผ่านมาแล้วเกือบ 40 ปี ความน่ากลัวยังฝังอยู่ในหัวไม่มีวันเลือนหายเพราะเหตุการณ์นี้ได้ประสบกับตัวเอง..

ผมเป็นช่างรังวัดที่ดิน วันนั้นเราออกไปทำการรังวัดที่ดินแปลงหนึ่ง ใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทาง ซ้อนกัน 3 คนระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร แต่เส้นทางไม่ค่อยดี ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง 

ที่ดินแปลงนี้  เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ เจ้าของเป็นหญิงแก่อายุเกิน 70 ปีแต่ยังแข็งแรง ยายแกอยู่คนเดียว มีบ้านหลังเล็กๆตั้งอยู่ในที่ดินซึ่งอยู่ทางปลายนา   ด้านนี้ติดลำคลองสาธารณฯ 

ส่วนหนึ่ง ปลูกพืชผักสวนครัว แต่ส่วนใหญ่เป็นที่ทำนา  แกอาศัยรายได้จากค่าเช่านา ประทังชีวิต แกเล่าว่าไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร น้ำไฟไม่ต้องเสีย เพราะไฟฟ้าไม่มี น้ำก็อาศัยจากลำคลอง ผักหญ้าก็ปลูกกินเอง..

ที่ขอรังวัดแบ่งแยกในครั้งนี้  เนื่องจากจะแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งประมาณ 5 ไร่ยกให้แก่วัด 

ด้านที่ติดลำคลอง รกทึบเพราะเป็นเหมือนที่หัวไร่ปลายนา ไม่มีการทำประโยชน์ แกบอกว่ามีงูเหลือมตัวใหญ่ๆมาให้เห็นบ่อยๆ ที่สำคัญแกไม่เคยเข้าไปในพื้นที่ส่วนนี้เลยเพราะกลัวงู การรังวัดเราต้องเดินเข้าไปในพื้นที่ ส่วนที่เป็นท้องนาไม่มีปัญหาอะไร แต่ส่วนที่รกทึบต้องมีการถากถาง

และก็เห็นงูจริงๆ  

พวกเราเดินถากถางไปเรื่อยๆเพื่อสะดวกแก่การรังวัด ไอ้ศักดิ์ และ ไอ้น้อย ลูกน้องของผมถือมีดขอคนละเล่ม เดินถางป่าไปข้างหน้าผมเดินตามหลัง.. 
พอถางพุ่มไม้ที่อยู่ด้านหน้าล้มครืนลง ภาพที่เห็น ทำให้ผมรู้สึกขนลุก ส่วนยายเจ้าของที่ดินรีบเดินถอยห่างออกมาเพราะความกลัว  มีงูเหลือมขนาดข้อมือผู้ใหญ่สองตัว นอนขดกันอยู่บนจอมปลวกขนาดใหญ่ เป็นภูเขาดินลูกเล็กๆ  สูงคงไม่ต่ำกว่า เมตรครึ่ง..มันม้วนตัวรอบจอมปลวก

แต่คนที่ไม่กลัวคือ ไอ้ศักดิ์และไอ้น้อย มันเฉยๆเหมือนมองเห็นงูเขียว ไอ้ศักดิ์หันไปคว้าไม้ขนาดข้อมือ เดินเข้าไปหางู 

แต่ผมร้องห้าม บอกว่าทางใครทางมันอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เราทำงานของเราดีกว่า 

ไอ้ศักดิ์ บ่นนิดๆบอกว่าถ้าจับไปขายได้หลายบาท แต่ก็ยอมตามที่ผมบอก เราเดินถางกันต่อไป การถากถางนั้นถางพอเป็นแนวเป็นช่อง ให้คนเดินลากสายวัดระยะได้เท่านั้น ไม่ได้ถางทั้งแปลง พื้นที่ส่วนอื่นก็ยังคงรกทึบอย่างเดิม

หลังจากพักกินข้าวเที่ยง ที่บ้านยายเรียบร้อยแล้ว นั่งพักให้อาหารย่อย พอใกล้บ่ายเราก็ไปทำงานกันต่อ 

สมัยนั้นยังไม่มีกล้องส่องมุม ใช้เส้นวัดระยะเป็นหลัก จนการวัดระยะมาถึงจุดที่เราเจองูเมื่อตอนเช้า ตรงจอมปลวกที่เห็นมีงูนอนอยู่ 

ไอ้ศักดิ์ถือหัวเส้นวัดระยะ มันเดินนำหน้าไป.ส่วนไอ้น้อยถือปลายเส้น และเป็นคนอ่านระยะ.ทั้งสองคนอยู่ห่างกันประมาณ 40 เมตร ส่วนผมถือแฟ้มเพื่อจดรายการต่างๆ เดินตามหลังไอ้น้อย เพราะเรามีช่องทางแค่คนเดิน..

สักพักได้ยินเสียงไอ้ศักดิ์ ที่อยู่ทางด้านหน้า ตะโกนเอะอะ โวยวาย แต่จับใจความว่า จงอาง..
และไม่กี่อึดใจ ไอ้ศักดิ์วิ่งกลับมาตรงที่พวกเรายืนอยู่

มันบอกว่าตรงจอมปลวก ไม่มีงูเหลือมที่เคยเห็น แต่ครั้งนี้มันเห็นเป็นงูจงอาง ขนาดใหญ่พอสมควร พอเห็นคน มันยกตัวสูงขึ้นแผ่แม่เบี้ย ทั้งที่นอนอยู่บนจอมปลวก

แม้พื้นที่ส่วนที่ไม่ได้ถางยังเป็นที่รกอยู่บ้าง แต่ที่ชวนให้ขนลุก คือยังสามารถมองเห็น หัวงูที่ชูขึ้น สูงกว่าสองเมตร มันคงขดอยู่บนจอมปลวกทำให้ความสูงมีมากขึ้น จนพวกเราที่อยู่ไกลเป็นสิบเมตรสามารถมองเห็นได้

ตรงคอแม่เบี้ยแบนขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ ส่ายหัวไปมา ทำไงล่ะ งูเหลือมไม่เท่าไหร่ แต่นี่มันจงอาง..และตัวใหญ่ขนาดนี้ ใครจะกล้า 
มันคงอาศัยอยู่ที่ป่าแห่งนี้มานาน จนตัวโตใหญ่ 

โดยที่ไม่ใครคาดคิด ไอ้ศักดิ์เดินไปหยิบท่อนไม้ขนาดเหมาะมือ แล้วเดินไปข้างหน้าพอได้ระยะมันปาไม้ไปที่งู แม่นเหมือนจับวาง ท่อนไม้ขนาดข้อมือ โดนคองูที่ชูอยู่ จนมันลดตัวลงมองไม่เห็นอีก..

ไอ้น้อยที่ยืนอยู่ เดินคว้าไม้ ยาวกว่า 2 เมตรเดินตามไอ้ศักดิ์ไปที่งู ผมร้องห้ามไม่ทัน 
ยังหันมาบอกว่า จะต้องตีมันให้ตายไม่งั้นทำงานต่อไม่ได้ 

ไอ้สองคนนี้เป็นเด็กในชนบท พวกมันคงไม่กลัวงู และที่เห็นเป็นประจำคือ คนส่วนใหญ่ เห็นงูทีไรต้องเข้าไปตีให้ตาย ไม่รู้โกธรเคืองกันมาแต่ปางไหน 

ผมยังไม่กล้าเดินตามไป เพราะงูจงอาง มันร้ายกาจ ไปล้อเล่นไม่ได้ พิษก็ร้ายแรง โดนกัดในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้ ตายสถานเดียว

ยายเจ้าของที่ดินที่เดินตามหลังมา นั่งยองๆยกมือไหว้ท่วมหัว พูดพึมพำจับใจความไม่ได้ คงไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีงูจงอางอยู่ในที่ดินของแก

เสียงไอ้สองคนเอะอะ โวยวาย พูดฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงตีกิ่งไม้ เสียงคนวิ่งไปมา เสียงตีดินดังตึบๆๆ..
สักพักพวกมันเดินกลับมา บอกว่าตีมันไม่ตาย มันเลื้อยหนีลงรู ใต้จอมปลวกไปแล้ว..
และยังบอกอีกว่า ไม่ต้องตกใจเพราะพวกมันเอาก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่แถวนั้น อุดรูไว้ งูไม่มีทางออกมาได้ 

ผมไม่รู้จะทำยังไง ก็เออ ออ ไปด้วย เราเริ่มทำงานกันต่อ จนงานเสร็จเกือบมืด..

ยายเจ้าของที่ดิน เอาธูปมาจุดที่ชายป่า เพื่อขอขมาเจ้าที่ แกคิดว่าคงเป็นงูเจ้าที่ พวกเราอาจไปลบหลู่ที่ไปทำร้ายงู
ก่อนกลับแกยังฝากผักมาให้มัดใหญ่บอกเอาไปแบ่งกันกิน

อากาศมืดพอดี เราเดินทางกลับ ขี่รถลัดเลาะตามชายป่าเพื่อออกไปถนน ซอย เปิดแสงไฟหน้ารถ ขณะกำลังจะพ้นชายป่า แสงไฟจับไปเจอสิ่งหนึ่งยาวๆดำๆ ตัวเป็นมันสะท้อนแสงไฟ ผมแตะเบรก มันคืองู ตัวเขื่องกำลังเลื้อยอย่างช้าๆ จากท้องนาเข้าไปในป่าส่วนที่รกทึบแปลงที่เรารังวัดกันวันนี้..
ข้างๆลำตัวมีรอยถลอกเหมือนถูกตี มองเห็นเนื้อแดงๆ..ที่สำคัญตรงด้านหางห้อยรุ่งริ่ง เกือบขาด คงโดนตี

พอส่วนหาง หายเข้าไปในป่าผมรีบเร่งเครื่องเพื่อให้ผ่านจุดนี้อย่างรวดเร็ว..ใจคอไม่ดี ผมกำลังคิดว่าใช่ตัวที่ถูกไอ้สองคนไล่ตีหรือเปล่า
เสียงไอ้ศักดิ์พูดมาจากด้านหลัง สงสัยตัวเมื่อเช้า มันออกจากรูมาได้ ไง.หางมันก็เกือบขาด ไอ้น้อยเป็นคนตี

เรากลับถึงตัวเมืองเกือบ 2 ทุ่ม และแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมัน..

วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน  อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเสร็จ นั่งเล่นอยู่ไม่นาน ผมก็เข้านอน พอหัวถึงหมอนหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้
ผมฝันร้าย มีคนแก่ตัวสูงใหญ่ ผมขาวหนวดเคราขาวทั้งหมด นุ่งผ้าจูงกระเบนสีแดงไม่ใส่เสื้อ มือซ้ายถือไม้เท้า ตรงหัวไม้เท้าเป็นหัวงูเป็นๆ ลิ้นงูสองแฉก ตวัดเข้าออกเห็นได้ชัดเจน หน้าตาแสดงความไม่พอใจ พูดทำนองว่า พวกเอ็งมาทำร้ายบริวารของข้า ซึ่งสิงสถิตที่จอมปลวกแห่งนี้มานาน..โทษถึงตายทุกคน..

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อออกมาจนชุ่ม ตามาด้วยอาการหนาวสั่นเหมือนจับไข้ แม้ตามตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ ปวดหัวจนแทบระเบิด 
ตัวร้อนรุมจนรู้สึกได้ ปากแห้งหิวน้ำอย่างแรง..พยายามเดินโซเซออกมาหาน้ำกิน หยิบยาพารา 2 เม็ดกินเข้าไปอีก..
มองดูนาฬิกาเกือบ ตี 3 แล้ว กลับไปนอนต่อเอาผ้าห่มคลุมตัวเพราะความหนาว.. หลับไปอีกครั้ง..

จนใกล้เช้า..

เสียงคนมาเคาะเรียกที่รั้วหน้าบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิง..2 คนคุยกัน เสียงหนึ่งเป็นเสียงคนแก่ ซึ่งเป็นเสียงป้าเจ้าของบ้านเช่าซึ่งผมเช่าอยู่ บ้านที่ผมเช่าเป็นบังกะโลหลังเล็กๆ แต่อยู่ในรั้วเดียวกับเจ้าของบ้าน..

สักพักมีคนมาเคาะที่ประตูบ้านผม เรียกชื่อผม บอกว่ามีคนมาหา เขามีธุระด่วน.. คนเคาะคือป้าเจ้าของบ้าน
คนที่มาหาผม เป็นแม่ ไอ้ศักดิ์ และเป็น ป้าของไอ้น้อย..ไอ้ศักดิ์กับไอ้น้อยเป็นญาติกัน

แกมาถามว่า เมื่อวานไปรังวัดที่ดิน  และไปทำอะไรมาหรือเปล่า เพราะไอ้ศักดิ์และ ไอ้ น้อย  นอนเพ้อทั้งคืน พูดแต่ว่ามีงูเข้ามาไล่ฉก พูดจาไม่รู้เรื่อง 
ผมจึงเล่าเรื่องงู ให้เขาฟัง คุยกันสักพัก เขาก็บอกลากลับไป เพราะเขาเห็นว่าผมก็มีอาการไข้เหมือนกัน

ป้าเจ้าของบ้านซึ่งยืนอยู่ด้วยได้รับฟัง แกรีบดินกลับไปที่บ้าน เอาธูปและไม้ขีด ยื่นให้ผม และบอกให้จุดธูปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางโดยเร็ว..

ผมต้องลาหยุดงานหลายวัน..พอค่อยยังชั่ว ป้าเจ้าของบ้านเช่าชวนผมไปถวายสังฆทานที่วัดใกล้บ้าน..แกบอกว่าจากหนักจะได้เป็นเบา ความจริงผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นอายุยังน้อยและเพิ่งเริ่มเข้าทำงานไม่กี่ปี แต่ก็ไม่ขัดใจ ไปวัดกับแก

ผมมีคิวรังวัดในอีก 3 วันข้างหน้า ..ธรรมดาเด็กคนงานจะรู้ล่วงหน้า เพราะการนัดรังวัดจะนัดล่วงหน้าหลายเดือน(สมัยนั้น)

ตอนเช้า 8 โมง แม่ไอ้ศักดิ์ มาหาผมที่ทำงานบอกว่า ศักดิ์และน้อย ยังไม่หายป่วยขอลาไม่ไปทำงาน..

ผมต้องวิ่งวุ่นหาคนไปทำแทน...

และอีกไม่กี่วัน แม่ไอ้ศักดิ์ มาแจ้งอีกว่าทั้งสองคน คงไม่มาทำงานแล้ว เพราะอาการยังไม่ดี .มองเห็นสิ่งของที่เป็นเส้นยาวๆ จะตกใจว่าเป็นงู ทุกครั้ง จะเอะอะโวยวาย..จนคนอื่นพากันตกใจ

เวลาผ่านไปเกือบปี ผมลืมๆเรื่อง งู  เรื่องไอ้ศักดิ์และ ไอ้น้อย ไปแล้วเพราะมันไม่ได้มาทำงานกับผมอีกเลย

วันหนึ่ง ผมไม่มีคิวนัดรังวัด นั่งทำงานที่สำนักงาน ตอนเย็นเลิกงาน เจอผู้ใหญ่มี แห่งบ้านเขาวง ซึ่งคุ้นเคยกัน แกมาประชุมอำเภอ จึงชวนแกไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านค้าข้างสำนักงาน คุยกันจนมืดหลายทุ่ม จนร้านค้าจะปิด จึงแยกย้ายกันกลับ เบียร์ 6 ขวด 2 คนเล่นเอามึนๆ 

ขี่มอเตอร์ไซค์ คู่ชีพกลับบ้าน ขณะขับมาบนถนน มีรถยนต์คันหนึ่ง เขาจอดอยู่ข้างทางด้านซ้ายมือ ผมมองเห็นไฟท้ายรถสีแดงๆ พอรถผมเข้าไปใกล้ เขาเลี้ยวกลับรถจากฝั่งหนึ่งมายังอีกฝัง  โดยไม่เปิดไฟเลี้ยวผมเบรกไม่ทัน ชนโครมเข้าที่ประตูด้านคนขับ แรงกระแทกทำให้ตัวผมลอยข้ามรถตกลงบนถนน เดชะบุญที่เอาส่วนข้างลำตัวลง รู้สึกตัวว่ายังไถลไปอีกหลายเมตร โชคดีทีดึกมากแล้ว ไม่มีรถวิ่งบนถนน ไม่งั้นอาจโดนทับซ้ำ

คนขับรถเดินมาตรงที่ผมนอนอยู่ แทนที่จะช่วย เขากลับต่อว่า ที่รถผมไม่มีไฟหน้า ทำให้เขาไม่รู้ว่ามีรถวิ่งมาทางด้านหลัง

ตำรวจมายกรถผมขึ้นรถกระบะ  ขนไปที่โรงพัก ขาผมเกือบหัก นอนโรงพยาบาลหลายวัน  ยังนึกว่าถ้ากระดูกหัก ผมคงทำงานรังวัดที่ดินไม่ได้ แต่ก็ถือว่าโชคดีหมอบอกไม่หัก แค่แตก ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลจากการไถลไปตามถนน 

ผลการไกล่เกลี่ย ไม่เอาความกัน ต่างคนต่างซ่อม สมัยนั้นไม่มีประกันอะไรทั้งนั้น   

ออกจากโรงพยาบาล กลับมาพักที่บ้านไม่นาน.คืนนั้นฝันเหมือนเดิมอีก ตาแก่ผมขาวมาบอกว่าจะเอาชีวิตพวกเอ็ง 3 คน พอบอกเสร็จ ก็กลายร่างเป็นงูตัวใหญ่ หายวับไปเพราะผมสะดุ้งตื่น ใจคอไม่ดี เอาชีวิต 3 คนนั่นคือพวกผมทั้งหมด แต่อีกใจก็คิดว่าความฝันคือความฝัน..

วันหนึ่ง ที่ทำงาน ผมพบกำนันมาติดต่อราชการที่สำนักงาน พอเห็นผม กำนันเดินเข้ามาบอกว่า จำยายเจ้าของที่ดิน ที่ช่างมารังวัดแบ่งที่ดิน 5 ไร่ได้ไหม ผมบอกว่าจำได้ ที่จำแม่นเพราะพวกเราเจองู ที่จอมปลวก

กำนันบอกว่าแกตายแล้ว เมื่อคืน เป็นลมตายคาบ้าน ไม่มีใครช่วยเพราะแกอยู่คนเดียว ดีที่โฉนดแบ่งแยกเสร็จ และถวายวัดไปก่อนหน้าหลายเดือนแล้ว..
ก่อนกลับ กำนันบอกว่า ที่ป่าใกล้บ้านแก งูเต็มเลยไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่..

สัก 10 โมง เช้า

แม่ไอ้ศักดิ์ มาหาผมที่ทำงาน ตาแดงๆ แจ้งว่า ไอ้ศักดิ์กับไอ้น้อย ตายแล้ว เมื่อคืน รถมอเตอร์ไซค์ ชนกับสิบล้อ ศพสยองมาก เพราะสภาพศพทั้งสองคน ขาขาดกระเด็นออกจากตัว เหมือนกัน..

3 คน  ผมนึกถึงคำพูดในฝันขึ้นมา...

โอ ขอบคุณ ป้าเจ้าของบ้าน ที่นำพาผมไปทำบุญ.. รอดตายมาได้หวุดหวิด..แค่บาดเจ็บ แม้เหตุการณ์จะเกิดมานานมาก แต่ยังไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ 
เจองูถ้าไม่จำเป็น อย่าไปตี ไปทำร้ายมันเลยครับ .ทางใครทางมัน ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด...
                                    
                                                           ***************************
อ้ายเหยินและไอ้ นัดลูกน้องชุดใหม่ของผม  พูดให้ช่างคนอื่นฟังบ่อยๆ
“เดี๋ยวนี้ลูกพี่ผม เป็นเอามาก ถ้าไปรังวัดที่ดิน และเจอจอมปลวกในที่ดิน แกจะเอาธูปไปจุดขอโทษก่อนทุกครั้ง”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่