ตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเมืองสามหมอก ตอนที่ 3 (ตอนจบ)







                   พักยกจากการเขียนกระทู้ตะลุยเดี่ยวเที่ยวในอาเซียนมาเขียนเล่าประสบการณ์การขี่รถตระเวนเที่ยวทั่วไทยกันต่อดีกว่า   รอบนี้ขอเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เขียนค้างต่อในจบในทริปตระเวนเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเมืองสามหมอก  ตอนที่ 3  อันเป็นตอนสุดท้ายของการจบซีรี่ย์นี้นะครับ  โดยในตอนนี้จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวของผมในวันที่  4 - 5  ซึ่งผมจะเดินทางไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในย่านตัวเมืองแม่ฮ่องสอน และต่อด้วยการเดินทางกลับ  วันท้าย ๆ นี้ผมไม่ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวชม  เนื่องจากระยะเวลาไม่เหมาะและมีสถานที่เที่ยวหลายแห่งต้องเก็บให้หมดในวันสุดท้าย  ดังนั้นการเที่ยวในวันที่ 4  นี้จึงเป็นการจ้างเหมารถยนต์ให้ขับพาผมไปตระเวนเที่ยวในเมืองแม่ฮ่องสอนนะครับ   ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับทริปการเดินทางของผมในครั้งนี้ก่อนนะครับ

                         วันแรก  :  เดินทางจากกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ - ปาย และเดินเที่ยวถนนคนเดินเมืองปาย
                         วันที่ 2  :  เที่ยวย่านปางมะผ้า
                         วันที่ 3  :   เที่ยวย่านรอบนอกเมืองปาย
                         วันที่ 4  :   เทื่ยวย่านเมืองแม่ฮ่องสอน
                         วันที่ 5  :   เดินทางกลับ

วันที่ 4 : เทื่ยวย่านเมืองแม่ฮ่องสอน

                       วันนี้พี่คนขับรถพาผมเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอนมารับผมที่รีสอร์ทที่พักราวตี  4  กว่า  ออกเดินทางไปที่หมายแรกคือ  ปางอุ๋ง
ใช้เวลาเดินทางราวเกือบ  2  ชั่วโมง  



                       มาถึงเช้า ๆ ที่ปางอุ๋งที่นี่อากาศดีแต่ท้องฟ้าดูอึมครึม   พี่คนขับเล่าให้ฟังว่าที่ปางอุ๋งเช้า ๆ จะเป็นแบบนี้ตลอด  ต้องสาย ๆ หรือเที่ยง ๆ จึงจะฟ้าเปิดมีแดดส่องลงมา  




                       มาถึงที่นี่ราว  6  โมงกว่าก็มีนักท่องเที่ยวมาชมเหมือนผมเพียงคันเดียวที่เจอ  เพราะบรรยากาศปางอุ๋งช่วงนี้ไม่สวยเอาซะเลย  ไม่ใช่ฤดูหนาวช่วง Hight  Season  ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำปางตองถูกปล่อยให้ชาวบ้านด้านล่างเอาไปใช้ทำเกษตรกรรมกัน   ปริมาณน้ำที่เหือดแห้งน้ำเหลือน้อยจึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ลดความงามไปอย่างเห็นได้ชัด    ไหนจะไม่มีแสงส่องมากระทบที่ผิวน้ำและไอหมอกที่ลอยเหนือน้ำเหมือนที่เค้าถ่ายรูปกันก็ไม่เห็น  ปางอุ๋งยามนี้จึงไม่สวยเอาเสียเลย   ดังนั้นถ้าใครจะมาเที่ยวปางอุ๋งนอกฤดูกาลท่องเที่ยวแบบนี้เผื่อใจไว้สักหน่อย


                      


                       ปกติถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวฤดูการท่องเที่ยว   นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถขับรถเข้ามาถึงด้านในตรงอ่างเก็บน้ำได้  เพราะทางอุทยานได้เข้ามาจัดระเบียบพื้นที่ให้  เนื่องจากถนนด้านในคับแคบ และพื้นที่มีจำกัด  ทางการเค้าจะให้นักท่องเที่ยวจอดรถด้านนอกตรงหมู่บ้านแล้วมีรถบริการรับส่งนักท่องเที่ยวเข้ามาด้านในแทน   มาจากกระแสความดังของที่นี่จากภาพถ่ายปางอุ๋งที่แชร์ต่อกันในโลกโซเชียลทำให้นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลกันมานอนพักแรมและเที่ยวชมที่นี่กันล้นหลามโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ๆ ในฤดูหนาว  
 



                        นอกจากนี้  ทางอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา - น้ำตกผาเสื่อยังได้ผนวกพื้นที่ปางอุ๋งเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน   ดังนั้นถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูหนาวจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเข้าชมด้วยนะครับ   




                        ที่นี่มีบ้านพักให้บริการหลังสีขาวในภาพนั่นแหละ  หรือจะมากางเต้นท์ชิล ๆ ริมอ่างเก็บน้ำก็ได้นะครับ   เห็นพี่คนขับรถบอกผมว่า ช่วงเทศกาลหน้าหนาวชาวบ้านที่อยู่ตรงปากทางเข้าปางอุ๋งจะตั้งแผงร้านค้าขายอาหารของกินเล่นกันมากมาย และเปิดให้บริการบ้านพักบริเวณนั้นด้วย   เรียกว่ามาถึงที่นี่แล้วไม่ต้องกลัวว่าที่พักจะเต็ม  กางเต้นท์ได้หลายจุด  เสียแต่ห้องน้ำอาจมีไม่เพียงพอนะครับ



                         ต่อมาเดินทางไปชม  บ้านรักไทย   ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปางอุ๋งมากนัก    ดังนั้นการมาเที่ยวโซนแถวปางอุ๋ง  เราสามารถแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กันได้อย่างบ้านรักไทย  พระตำหนักปางตอง  ภูโคลน  น้ำตกผาเสื่อ  และสะพานไม้ซูตองเป้   




                          ไฮไลท์ของการมาเที่ยวบ้านรักไทย  คือ  มาถ่ายภาพบรรยากาศวิวทะเลสาบของหมู่บ้านรักไทย  ชุมชนจีนฮ่อที่ตั้งบ้านเรือนรายล้อมรอบทะเลสาบแห่งนี้    










                           ที่นี่มีร้านอาหารและเครื่องดื่มขายสไลต์อาหารจีนยูนนานให้เรารับประทานได้  นั่งชิมอาหารจิบชาไปริมทะเลสาบพร้อมเสพวิว 
 ไปก็ได้  เห็นมีอยู่หลายร้านเหมือนกัน  แต่ร้านลีไวน์รักไทยจะตกแต่งเก๋ไก๋ดูน่านั่งกว่าใครเพื่อน






                           และอีกสิ่งอย่างที่นักท่องเที่ยวชอบก็คือ  การมาถ่ายรูปไร่ชากับบ้านดินของลีไวน์รักไทยรีสอร์ท    ที่นี่เราสามารถมานอนพักได้แต่เห็นว่าที่พักจองยากเหมือนกันนะเพราะคิวยาว  ถ้าใครสนใจควรจองเนิ่น ๆ สัก 3 - 4  เดือน  ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลเนี่ยจองยาวเกินครึ่งปีเลย








                            เราสามารถถ่ายรูปไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นจากเนินเขาลงมาโดยมีบ้านดินเป็นฉากประกอบ  หรือจะเก็บชาไปถ่ายรูปเซลฟี่ไปก็ได้  เห็นนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มาพักที่นี่ก็สามารถเข้าไปถ่ายรูปตอนเก็บชาได้  เค้ามาตะกร้าใส่ใบชาวางให้บริการเสริมถ่ายรูปได้ฟรี ๆ  แต่จะมีเชือกกั้นห้ามเราเข้าไปในโซนของบ้านพักที่เค้าจัดไว้ให้แขกที่มาพักเท่านั้น




                             ใกล้ ๆ กับไร่ชาจะมีป้อมปราการแบบจีนให้เราขึ้นไปถ่ายรูปเล่นและสามารถชมวิวทะเลสาบจากจุดนี้ได้สวย


     

                             แม้จะเป็นเวลา  8  โมงครึ่งแล้ว  แต่ท้องฟ้าที่บ้านรักไทยก็ยังปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกเนื่องจากเมื่อคืนที่นี่ฝนตก  จึงทำให้บรรยากาศตอนเช้าดูอึมครึมไปหมด   ต่อมาผมแวะไปชม  น้ำตกผาเสื่อ  ที่อยู่ระหว่างทางจากที่นี่ลงไปยังตัวเมืองแม่ฮ่องสอน


                 
                   น้ำตกผาเสื่อสามารถเที่ยวชมได้ง่ายเพราะตั้งอยู่ใกล้กับถนนทางไปปางอุ๋งและบ้านรักไทยอยู่แล้ว  สามารถแวะได้ทั้งขาขึ้นหรือขาลงแล้วแต่เจ้าของทริปจะสะดวกอย่างไง  เนื่องจากที่นี่เป็นเขตอุทยานแห้งชาติถ้ำปลา - น้ำตกผาเสื่อ   เราต้องเสียเงินค่าเข้าชม และตั๋วเข้าชมนี้สามารถใช้เข้าชมถ้ำปลาได้ในวันเดียวกันด้วย



                    จากจุดจอดรถเดินลงไปดูน้ำตกไม่ไกล  บันไดทางลงทำเป็นทางปูนกว้างเดินสะดวก  




                     ผมมาชมน้ำตกแห่งนี้เป็นครั้งที่ 2  แล้วห่างจากครั้งแรกไป  20  ปี  ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม  ธรรมชาติยังคงงดงามเสมอ  มาชมน้ำตกแห่งนี้ช่วงกรีนซีซั่น  ดูต้นไม้ในป่าสีเขียวขจีสบายตาไปหมด  น้ำก็ไหลแรงเป็นสายน้ำสีขาวที่ตกลงมาจากหน้าผาเบื้องหน้า



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่