เริ่มคบกับแฟนตอนแรกเขาบอกว่าจะถอยรถยนต์ ผ่านไปเป็นปีก็ยังไม่ได้ถอย ก็เข้าใจว่าเขายังไม่พร้อม ไม่มีเงิน เรามีมอเตอร์ไซต์กันคนละคัน ยังไม่แต่งงานอยู่คนละบ้าน คบกันได้จะ 2 ปีแล้ว เวลาไปเที่ยวไกลๆ นั่งรถตู้ รถทัวร์เอา เขาก็บอกว่าทริปหน้าจะขับรถไปเองแล้ว จะได้ไม่ลำบาก
เขาก็เริ่มดูรถ ศึกษาคุยกับเซลล์รถ ไปดูรถเราก็ไปด้วย เขาต้องการดาวน์ 10% (ตอนแรกจะดาวน์แค่ 5%)ผ่อน 7 ปี ดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี ลิสซิ่งแนะนำให้แฟนค้ำให้โอกาสผ่านมากกว่า เพราะอายุงานของเรา 7 ปี แต่เขาไม่เอาไม่อยากกวนเรา ส่วนเขายังไม่ถึงปี เพราะลาออกไปทำที่อื่นกลับมาใหม่ จึงต้องเริ่มต้นอายุงานใหม่ ถ้ารอบแรกทำได้ 2 ปีแล้ว ตอนแรกเขาจะให้พี่ชายค้ำประกันให้แต่พี่ชายบอกเขาติดแบล็คลิสอยู่ เขาเลยขอให้เพื่อนมาช่วยค้ำให้แต่ผลคือไม่ผ่าน ลิสซิ่งเสนอให้ดาวน์เพิ่มเป็น 20% เราก็คิดในใจว่าอยากช่วยดาวน์คนละครึ่งเพื่อเขาจะได้ออกรถได้ เพราะเขาออกรถก็เพื่อเรา เขาอยู่คนเดียวไม่ต้องมีรถยนตร์ก็ได้ มีมอไซต์คันเดียวเขาก็อยู่ได้ แต่เรายังไม่ได้พูดอะไรกำลังคิดอยู่ จะช่วยดีไหม เขาก็พูดมาก่อนว่า “ถ้าเราซื้อร่วมกับเขาผ่านฉลุยไปแล้วเพราะเราอายุงานเยอะ เงินเดือนก็เยอะ มีบัตรเครดิตตั้งหลายใบ เพื่อนเขาก็มีภาระ ถ้ามีปัญหาขึ้นมามันก็คงไม่ได้รับผิดชอบให้ ลิสซิ่งเขาก็ประเมินตามความน่าจะเป็นแระ”
เราก็บอกยังไม่ได้แต่งงานเลยต้องจดทะเบียนสมรส เขาบอกจดเลยไหมล่ะ เราบอกยังไม่ได้แต่งเลยนะ มันก็จะกลายเป็นเราต้องเป็นคนค้ำให้ เขาบอกใช่
ที่พี่ชายบอกค้ำให้ไม่ได้ เราเองไม่ได้อยากค้ำให้แฟนที่ยังไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกัน เพราะอ่านกระทู้ศึกษาข้อมูลมาบ้างกลัวมีปัญหาทีหลังเคลียร์กันลำบาก เราเลยแนะนำเขาไปว่าให้เก็บเงินดาวน์สัก 25% จะได้ไม่ต้องใช้คนค้ำ เรานึกว่าเขาจะล้มเลิกแล้วเก็บเงินต่อ แต่เขาไปคุยกับเพื่อนๆก็มาค้ำให้ง่ายๆ เขาบอกรอดูถ้าไม่ได้ค่อยว่ากัน สรุปคือไม่ได้ไง ล่าสุดคือพักเรื่องไว้ที่ลิสซิ่งถ้าดาวน์เพิ่มจาก 10% เป็น 20% จะได้ส่วนลดจากเซลล์เพิ่มอีก 13,000 บาท
แต่เราไม่อยากให้เขาเสียดอกเบี้ยสูงถึง 4.5% มันสูงมาก เลยให้เขาถามเซลล์ถ้าผ่อนน้อยปีลงเช่น 4-6 ปี ดอกเบี้ยเท่าไหร่ เทียบกันว่าจะเซฟดอกเบี้ยได้เท่าไหร่ เราเสียดายดอก ส่วนมากต้องดาวน์ 20-25% และผ่อนยิ่งน้อยปียิ่งลดดอกได้มาก ดาวน์น้อยผ่อนนานก็เสียดอกเยอะเป็นธรรมดา แฟนบอกที่อื่นก็เสียดอกพอๆกัน ถ้าเป็นลูกค้าเก่าจะได้ดอกเบี้ยพิเศษ แต่แฟนเราไม่เคยมีรถเลย ไม่มีทางเลือกมากนัก อายุงานก็น้อย เงินเดือนก็น้อย แถมเป็นลูกค้าใหม่จบเลย ต่อรองยากไม่มีเครดิต เราเคยถามแฟนผ่อนไหวใช่ไหม เขาบอกไหว เราเป็นห่วงเขากลัวเขาไม่ไหว
อีกใจนึง เรายังไม่มั่นใจแฟนขนาดนั้น ว่าเราจะคบกันยืดยาวหรือจะอยู่กันได้ไหม เพราะตัวเขาเองยังลำบากอยู่เลย เขาจะดูแลเราได้ยังไง และคิดว่ารถเป็นสิ่งที่ ผช ส่วนใหญ่เขามีกันได้ จะถอยรถคันแรกทำไมเรายังต้องช่วยเขาเลย แล้วอนาคตเราจะมั่นใจได้ยังไง เราต้องช่วยเขาทุกอย่างเลยหรือป่าว ผช คนอื่น เห็นก็ผ่อนกันเองซื้อกันเอง แต่ก็มีบ้างที่ ผญ ช่วยผ่อน ช่วยดาวน์แต่สุดท้ายเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นแฟนเราคนเดียว เราบอกว่าเราอยากถอยรถเป็นของตัวเองถ้าซื้อจะซื้อกับเซลล์ที่เขาคุยอยู่นี่แระ เขาเบรคเราไว้ 2-3 ครั้งแล้ว เขาบอกว่าคันเดียวก็พอแล้ว ซื้อมามีแต่ค่าใช้จ่ายทั้งนั้นเห็นไหมเนี่ย เขาบอกอนาคตถ้าครอบครัวใหญ่ขึ้น มีลูกหลายคนค่อยว่ากัน
เราควรต้องทำยังไงต่อดีคะ ที่เราคิดไว้คือ
1. ช่วยเขาดาวน์ครึ่งนึง เพื่อให้ออกรถได้ แต่คนค้ำยังเป็นเพื่อนเขานะ เพราะยื่นเรื่องไปอยู่ที่ลิสซิ่งหมดแล้ว
2. ให้เขาเก็บเงินดาวน์เองให้ครบ 20% แล้วเลื่อนการออกรถไปก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะเงินเดือนเขาก็น้อยแค่ 16k เอง เงินเก็บเขาเราไม่รู้ตัวเลขในกระเป๋าเขาเลย
ช่วยแฟนดาวน์รถหรือให้แฟนซื้อเองทั้งหมดดีคะ
เขาก็เริ่มดูรถ ศึกษาคุยกับเซลล์รถ ไปดูรถเราก็ไปด้วย เขาต้องการดาวน์ 10% (ตอนแรกจะดาวน์แค่ 5%)ผ่อน 7 ปี ดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี ลิสซิ่งแนะนำให้แฟนค้ำให้โอกาสผ่านมากกว่า เพราะอายุงานของเรา 7 ปี แต่เขาไม่เอาไม่อยากกวนเรา ส่วนเขายังไม่ถึงปี เพราะลาออกไปทำที่อื่นกลับมาใหม่ จึงต้องเริ่มต้นอายุงานใหม่ ถ้ารอบแรกทำได้ 2 ปีแล้ว ตอนแรกเขาจะให้พี่ชายค้ำประกันให้แต่พี่ชายบอกเขาติดแบล็คลิสอยู่ เขาเลยขอให้เพื่อนมาช่วยค้ำให้แต่ผลคือไม่ผ่าน ลิสซิ่งเสนอให้ดาวน์เพิ่มเป็น 20% เราก็คิดในใจว่าอยากช่วยดาวน์คนละครึ่งเพื่อเขาจะได้ออกรถได้ เพราะเขาออกรถก็เพื่อเรา เขาอยู่คนเดียวไม่ต้องมีรถยนตร์ก็ได้ มีมอไซต์คันเดียวเขาก็อยู่ได้ แต่เรายังไม่ได้พูดอะไรกำลังคิดอยู่ จะช่วยดีไหม เขาก็พูดมาก่อนว่า “ถ้าเราซื้อร่วมกับเขาผ่านฉลุยไปแล้วเพราะเราอายุงานเยอะ เงินเดือนก็เยอะ มีบัตรเครดิตตั้งหลายใบ เพื่อนเขาก็มีภาระ ถ้ามีปัญหาขึ้นมามันก็คงไม่ได้รับผิดชอบให้ ลิสซิ่งเขาก็ประเมินตามความน่าจะเป็นแระ”
เราก็บอกยังไม่ได้แต่งงานเลยต้องจดทะเบียนสมรส เขาบอกจดเลยไหมล่ะ เราบอกยังไม่ได้แต่งเลยนะ มันก็จะกลายเป็นเราต้องเป็นคนค้ำให้ เขาบอกใช่
ที่พี่ชายบอกค้ำให้ไม่ได้ เราเองไม่ได้อยากค้ำให้แฟนที่ยังไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสกัน เพราะอ่านกระทู้ศึกษาข้อมูลมาบ้างกลัวมีปัญหาทีหลังเคลียร์กันลำบาก เราเลยแนะนำเขาไปว่าให้เก็บเงินดาวน์สัก 25% จะได้ไม่ต้องใช้คนค้ำ เรานึกว่าเขาจะล้มเลิกแล้วเก็บเงินต่อ แต่เขาไปคุยกับเพื่อนๆก็มาค้ำให้ง่ายๆ เขาบอกรอดูถ้าไม่ได้ค่อยว่ากัน สรุปคือไม่ได้ไง ล่าสุดคือพักเรื่องไว้ที่ลิสซิ่งถ้าดาวน์เพิ่มจาก 10% เป็น 20% จะได้ส่วนลดจากเซลล์เพิ่มอีก 13,000 บาท
แต่เราไม่อยากให้เขาเสียดอกเบี้ยสูงถึง 4.5% มันสูงมาก เลยให้เขาถามเซลล์ถ้าผ่อนน้อยปีลงเช่น 4-6 ปี ดอกเบี้ยเท่าไหร่ เทียบกันว่าจะเซฟดอกเบี้ยได้เท่าไหร่ เราเสียดายดอก ส่วนมากต้องดาวน์ 20-25% และผ่อนยิ่งน้อยปียิ่งลดดอกได้มาก ดาวน์น้อยผ่อนนานก็เสียดอกเยอะเป็นธรรมดา แฟนบอกที่อื่นก็เสียดอกพอๆกัน ถ้าเป็นลูกค้าเก่าจะได้ดอกเบี้ยพิเศษ แต่แฟนเราไม่เคยมีรถเลย ไม่มีทางเลือกมากนัก อายุงานก็น้อย เงินเดือนก็น้อย แถมเป็นลูกค้าใหม่จบเลย ต่อรองยากไม่มีเครดิต เราเคยถามแฟนผ่อนไหวใช่ไหม เขาบอกไหว เราเป็นห่วงเขากลัวเขาไม่ไหว
อีกใจนึง เรายังไม่มั่นใจแฟนขนาดนั้น ว่าเราจะคบกันยืดยาวหรือจะอยู่กันได้ไหม เพราะตัวเขาเองยังลำบากอยู่เลย เขาจะดูแลเราได้ยังไง และคิดว่ารถเป็นสิ่งที่ ผช ส่วนใหญ่เขามีกันได้ จะถอยรถคันแรกทำไมเรายังต้องช่วยเขาเลย แล้วอนาคตเราจะมั่นใจได้ยังไง เราต้องช่วยเขาทุกอย่างเลยหรือป่าว ผช คนอื่น เห็นก็ผ่อนกันเองซื้อกันเอง แต่ก็มีบ้างที่ ผญ ช่วยผ่อน ช่วยดาวน์แต่สุดท้ายเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นแฟนเราคนเดียว เราบอกว่าเราอยากถอยรถเป็นของตัวเองถ้าซื้อจะซื้อกับเซลล์ที่เขาคุยอยู่นี่แระ เขาเบรคเราไว้ 2-3 ครั้งแล้ว เขาบอกว่าคันเดียวก็พอแล้ว ซื้อมามีแต่ค่าใช้จ่ายทั้งนั้นเห็นไหมเนี่ย เขาบอกอนาคตถ้าครอบครัวใหญ่ขึ้น มีลูกหลายคนค่อยว่ากัน
เราควรต้องทำยังไงต่อดีคะ ที่เราคิดไว้คือ
1. ช่วยเขาดาวน์ครึ่งนึง เพื่อให้ออกรถได้ แต่คนค้ำยังเป็นเพื่อนเขานะ เพราะยื่นเรื่องไปอยู่ที่ลิสซิ่งหมดแล้ว
2. ให้เขาเก็บเงินดาวน์เองให้ครบ 20% แล้วเลื่อนการออกรถไปก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะเงินเดือนเขาก็น้อยแค่ 16k เอง เงินเก็บเขาเราไม่รู้ตัวเลขในกระเป๋าเขาเลย