สวัสดีค่ะ...
วันนี้เอเบลจะมาเล่าเรื่องราว เป็นบันทึกการเดินทางไปท่องเที่ยว
ณ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย
หรือที่เรียกกันว่า “เขาหลวงสุโขทัย” นั่นเอง
โดยการเดินทางครั้งนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ไปกันทั้งหมด 4 คน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามชมกันได้เล้ยยยย
[รูปเยอะมากกกกกกกกกกกกก]
............................................................................................................
ทริปนี้วางแผนการเดินทางร่วมเดือน ทั้งเรื่องของการจองตั๋วรถทัวร์ขาไป
และการจองตั๋วรถไฟนอนขากลับ
การเดินทางเริ่มต้นวันที่ 10 กันยายาน เวลา 22.00 น.
ขึ้นรถทัวร์จากหมอชิตเพื่อไปลงที่ “คีรีมาศ”
ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นที่จะไปยัง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
รถทัวร์มาถึงปลายทางเวลา 4.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน
ซึ่งฟ้ายังมืด และขณะที่ยืน งงๆ กันอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น
ก็มีคุณลุงท่านนึงขับรถกระบะเข้ามาจอด
ถามว่าไปเขาหลวงสุโขทัยไหม??
ก็เลยตอบตกลงไปด้วยค่ารถคนละ 100 บาท
ระหว่างทางของการนั่งอยู่ท้ายกระบะคือฟินมากกกกก
ทั้งลมเย็นๆ และฟ้ามืดๆ ทำให้เห็นหมู่ดวงดาวมากมาย
ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า
อีกทั้งเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ให้เข้ากับบรรยากาศ
เป็นความรู้สึกที่มีความสุข อยากสัมผัสห้วงเวลานี้นานๆ
ยิ่งถ้าพาคนพิเศษมาสัมผัสบรรยากาศนี้ด้วย
คงมีความสุขด้วยกันมากแน่ๆ
ประมาณ 30 นาที รถกระบะก็พามาถึงที่ทำการอุทยาน
เช้ามืดขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงนอนหลับพักผ่อนกันอยู่
แต่คุณลุงบอกว่าปลุกได้
จึงเรียกเจ้าหน้าที่ด้วยความเกรงใจ
เพื่อชำระค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
สำหรับใครที่มี Passport ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่
Stamp บันทึกการมาเยือนเขาหลวงสุโขทัยได้เลยที่จุดนี้
หลังจากนั้นกลับขึ้นรถกระบะ เพื่อเข้าไปยังจุดอำนวยการนักท่องเที่ยว
ใช้เวลาแปปเดียวก็มาถึง
พี่เจ้าหน้าที่ ณ จุดนี้แจ้งว่า เปิดให้ลงทะเบียน
พร้อมจ้างลูกหาบได้ตอนเวลา 7.00 น.
จึงต้องนั่งรอฟ้าสว่างกันเกือบ 2 ชั่วโมง
ระหว่างนี้ขอจัดการกับเสบียงที่เตรียมมาสำหรับมื้อเช้า
เพื่อที่ถึงเวลาลงทะเบียนเรียบร้อยเสร็จ
จะได้มีแรงเดินขึ้นเขาหลวงสุโขทัยได้เลย…
...และแล้ว เวลาที่พวกเราทั้ง 4 คนรอคอยก็มาถึง
7.00 น. นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เริ่มทยอยกันมาที่อุทยาน
หลังจากลงทะเบียนเพื่อเช็คจำนวนนักท่องเที่ยว
ชำระค่าเช่าที่กางเต็นท์
และชำระมัดจำค่าขยะเสร็จ
ก็ถึงเวลาที่ต้องไปชั่งน้ำหนักสัมภาระ
ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าอยากลองแบกเอง
แต่ดูจากหน้างานแล้ว ไม่น่าไหว
บวกกับความมือใหม่ของเราด้วย
ดังนั้นจึงตัดสินใจจ้างลูกหาบราคากิโลกรัมละ 25 บาท
หลังจากนั้น ก็เดินไปยังจุดเริ่มต้นของการเดินขึ้น
“เขาหลวงสุโขทัย”
ที่ระยะทาง 3.7 Km จะถึงลานกางเต็นท์
ความตื่นเต้น + ความง่วงกำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ดื่มกาแฟดักเอาไว้แล้ว
คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ระหว่างทางเดิน สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติจริงๆ
รอบๆ ข้าง พบสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด
หากไม่สังเกต ก็อาจจะเผลอมองข้ามไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
มาเดินเขารอบนี้ เราก็เดินรั้งท้ายกลุ่มอยู่ดี
รวมถึงพี่ตี๋ด้วย เพราะมัวแต่ถ่ายรูป 555555
เดินมาได้สักพัก ทางเดินเริ่มชันขึ้น และชันมาก
เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน
ถ้าแบกสัมภาระขึ้นมาเอง คงไม่รอดแน่ๆ
แต่พี่ลูกหาบนี่สิ แบกสัมภาระของกลุ่มเรารวม 39 kg
นับถือใจพี่เขาจริงๆ แข็งแรงมากๆ
ระหว่างทาง จะมีจุดพักอยู่เป็นระยะ
น้ำดื่มขวดเล็กที่พกติดตัวมา
ก็ใช้ให้เป็นประโยชน์
อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจากการสูญเสียเหงื่อ
และนี่คือเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมเราถึงเดินรั้งท้ายกลุ่ม
เพราะเห็นงูเลื้อยผ่านหน้าพอดี เลยมัวแต่ถ่ายรูป
อันที่จริง เราก็ไม่รู้หรอกว่างูมีพิษไหม แต่ก็ความอยากรู้อยากเห็น
จึงถ่ายรูปอยู่ห่างๆ อย่างนิ่งๆ
ปล่อยให้คุณงูเลื้อยผ่านไปอย่างสงบ
และเมื่อเอาภาพไปถามในกลุ่มคนรักงู
ว่างูชนิดนี้คืองูอะไร
ก็ได้คำตอบว่าชื่อ “งูงอด” เป็นงูไม่มีพิษ
นอกจากงูแล้ว ยังมีกิ้งกือที่ขนาดใหญ่มาก
ก็แวะถ่าย ทำอย่างกับไม่เคยเห็น
จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆ โดนคนข้างหลังแซงไปไม่รู้กี่กลุ่ม
ก็มาเจอกับจุดพัก เป็นจุดชมวิว มีที่นั่งพักดื่มน้ำ
หลายๆคนที่เดินแซงกันไปแล้ว
ก็มาเจอกันที่นี่
หลังจากสูดอากาศ พักเหนื่อยกันสักพัก ก็ออกเดินกันต่อ
ความชันของทางเดิน
ทำให้ต้องออกแรงต้านแรงโน้มถ่วงมาก
แต่ก็ไม่ท้อ บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ถึง
ด้วยความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของที่แห่งนี้
ทำให้เราได้พบเจอกับใบไม้สีขาว
ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อน
เห้ยยย มันเท่ดีนะ ใบไม้สีขาว
ยังไม่พอ ยังเจอกับคุณแมงมุม ที่ตัวใหญ่มาก
และหยุดอยู่นิ่ง จนไม่แน่ใจว่า
มันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
และด้วยความหลากหลายของชนิดของป่า
ก็พาเรามาเจอกับใบไม้สีแดง และสีดำ
ซึ่งตามสถานที่ทั่วๆ ไป มักไม่ค่อยเห็น
และทุกๆ การถ่ายรูป คือการพักเหนื่อยไปในตัว
การมาเที่ยว สิ่งที่เก็บเกี่ยวกลับไปได้ ไม่ใช่เพียงแต่จุดหมายปลายทาง
แต่เป็นสิ่งที่พบได้ระหว่างทางด้วย
ดังเช่นแมลงแปลกๆ 3 ตัวนี้
หากไม่สังเกตดีๆ เราคงจะไม่เห็นมัน
และเดินผ่านมันไปโดยไม่ได้แวะทำความรู้จัก
เมื่อเพลิดเพลินกับ 2 ข้างทางจนมาถึงต้นไทรต้นนี้
เป็นจุดที่บ่งบอกว่า เราได้เดินทางผ่านมา 3.0 km แล้ว
เหลืออีกเพียง 700 m เท่านั้น
ที่จุดพักไทรงามตรงนี้ ได้คุยกับพี่คนหนึ่ง
ซึ่งพี่เขาได้เดินเขามาหลายที่มาก
สถานที่ที่พี่เขาบอกว่าเดินยาก
...ก็คือที่นี่...
ซึ่งไม่แปลกใจเลย ที่ว่าระยะทางเพียง 3.7 km
แต่ใช้เวลาในการเดินขึ้นนานกว่าสถานที่อื่นๆ
ที่เคยไปสัมผัสมา
ระหว่างที่พักคุยกันอยู่นั้น
ก็มีคุณผีเสื้อปีกดำ บินมาเกาะบนตั่งไม้พอดี
สีของมันดำสนิท ไม่มีลวดลายใดๆ
แต่กลับรู้สึกว่ามันโดดเด่นกว่าใครๆ
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณผีเสื้อลายอื่นไม่สวยนะ
บอกไว้ก่อน เดี๋ยวนางน้อยใจ
ไม่ยอมให้ถ่ายรูป
[CR] หนีกรุงเทพไปกางเต๊นท์เขาหลวงสุโขทัย 3 วัน 2 คืน (รูปเยอะ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้