ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 5 ราย อยู่ใน State Quarantine
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 5 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,590 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 59 ราย รักษาหายเพิ่ม 2 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,390 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 141 ราย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็นคนไทย 1 ราย สัญชาติลลอินเดีย 2 ราย โปรตุเกส 1 ราย บาห์เรน 1 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากต่างประเทศ จาก อินเดีย 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย บาห์เรน 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (Alternative State Quarantine , State Quarantine)
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/900906
นักธุรกิจต่างชาติหมื่นคนสนเข้าไทย 'ญี่ปุ่น' มากสุด 7-8 พันคน
หอการค้าต่างชาติ เผย นักธุรกิจหมื่นคนสนใจเข้าไทย ญี่ปุ่นมากสุด 7-8 พันคน "เจโทร" หวังไทยเร่งเปิดประเทศ “กลินท์” เสนอแยกนักธุรกิจ 3 กลุ่มเข้าไทย
นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยกล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ขณะนี้นักธุรกิจต่างชาติต้องการเข้ามาไทยจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจเหล่านี้ต้องมาประสานงานด้านธุรกิจและการลงทุนในไทย ซึ่งเป็นเรื่องดีเหมือน เช่น การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในประเทศได้ โดยเฉพาะปลายปีจะเป็นช่วงหน้าหนาวของกลุ่มประเทศยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คนเหล่านี้ก็จะหนีหนาวมาเที่ยวประเทศไทย เชื่อว่าจะฟื้นเศรษฐกิจของไทยได้
สำหรับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการเข้ามาในไทยประเมินว่าอาจมีจำนวนหลายหมื่นคน ซึ่งแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ...📍
1.กลุ่มนักธุรกิจที่เข้ามาเจรจาการลงทุน
2.นักธุรกิจที่เข้ามาสับเปลี่ยนการบริหารตามวงรอบ เช่น ปรับการบริหารทุก 3 เดือน 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจจากญี่ปุ่น
3.กลุ่มนักธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค เช่น เข้ามาติดตั้งเครื่องจักรภายในโรงงาน ช่างอิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะนักธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเชิญชวนมาลงทุน แต่เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดชะงักไป เช่น นักธุรกิจญี่ปุ่น 7-8 หมื่นคน ที่เข้ามาทำงานไทยช่วงเวลาหนึ่งจะหมุนเวียนกลับไปญี่ปุ่นและมีคนใหม่มารับหน้าที่ต่อ 10% หรือ 7-8 พันคน
ส่วนมาตรการควบคุมจะต้องเข้มงวด โดยถ้าเข้ามาต้องทำตามมาตรการการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 เช่น การกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่กำหนด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ควบคุมโรคได้ดีมีประสิทธิภาพ และทุกฝ่ายยอมรับ โดยมีผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่กลับจากต่างประเทศและคนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 59 คน แต่หากจะลดจำนวนวันการกักตัวลงได้ก็ดี
นายทาเคทานิ อัทสึชิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (เจโทร กรุงเทพฯ) กล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า โควิด-19 ส่งผลให้นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าไทยได้ ส่งผลกระทบ 2 ด้าน ได้แก่...📍
1.ผู้บริหารและพนักงานญี่ปุ่นในไทยที่หมดวาระตามปีงบประมาณของญี่ปุ่นเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ต้องเดินทางกลับประเทศ แต่ผลัดใหม่เข้าไทยไม่ได้จึงกระทบธุรกิจในไทย เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ต้องทำงานหนักขึ้นแทนเจ้าหน้าที่ที่เดินทางกลับ ไม่สามารถส่งไม่ต่อการทำงานได้นานหลายเดือน แต่หลังจากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเริ่มเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ แม้จะต้องกักตัว 14 วัน แต่เพียงพอที่จะแก้ปัญหา
2.กลุ่มนักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงบริษัทญี่ปุ่นที่ต้องมาเจรจาธุรกิจในไทย ซึ่งเดินทางมาเพียง 1-2 วัน ไม่สามารถเข้าไทยได้ เพราะต้องกักตัว 14 วัน และกลับไปกักตัวที่ญี่ปุ่น 14 วัน ทำให้เสียเวลา 1 เดือน ต่อการเดินทาง 1 ครั้ง ถือว่าใช้เวลามาก รวมทั้งมีปัญหาโรงงานที่สร้างสายการผลิตใหม่ แต่ช่างเทคนิคเดินทางมาติดตั้งเครื่องจักรไม่ได้
เจโทรต้องการให้รัฐบาลไทยแก้ปัญหานี้เร็วสุด แต่ญี่ปุ่นเข้าใจรัฐบาลไทยและขอบคุณที่ควบคุมการระบาดในไทยได้ดีทำให้ชาวญี่ปุ่นปลอดภัยจึงเข้าใจแนวคิดการจัดการปัญหาของรัฐบาลไทย ซึ่งจากการพูดคุยเห็นว่ามีหลายบริษัทจะลงทุนในไทยเพิ่มและขยายกำลังการผลิต ซึ่งต้องยอมรับต่อการที่ต้องเสียเวลาเพิ่ม บางบริษัทต้องใช้วิศวกรเข้ามาในไทยเพิ่ม เพื่อเข้ามาเร่งทำงานชดเชยกับที่ต้องกักตัว 14 วัน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมองไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญเพราะโครงสร้างพื้นฐานดีและลงทุนสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นจึงเป็นจุดแข็งของไทย ดังนั้นนักลงทุนญี่ปุ่นมองไทยเป็นศูนย์กลางขยายฐานการผลิตย่อยไป 4-5 ประเทศ รอบไทย โดยบริษัทญี่ปุ่นอยากให้รัฐบาลปรับปรุงระเบียบศุลกากรเพื่อให้การนำเข้าส่งออกชิ้นส่วนสินค้าอุตสาหกรรมคล่องตัว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ปัจจุบันเปิดให้นักธุรกิจเข้ามาประเทศแล้วแต่ไม่มาก ซึ่งก่อนเข้ามาต้องตรวจโควิด-19 และเมื่อเข้ามาไทยต้องตรวจซ้ำและกักตัว 14 วัน ตามาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลผ่อนคลายแต่ต้องควบคุมเข้มงวดจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งการเปิดให้เข้ามาต้องดูประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อและเป็นประเทศที่ปลอดภัย เพราะการติดเชื้อในต่างประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นการเลือกประเทศที่เปิดรับน่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไว้ก่อน
นอกจากนี้ ควรแยกพิจารณารายกลุ่มว่าจะดำเนินการอย่างไรให้ชัดเจน ประกอบด้วย
1.กลุ่มนักธุรกิจที่จะเข้ามาเพียง 2-3 วัน
2.กลุ่มนักธุรกิจต่างชาติที่ถือบัตรเอเปก (APEC Business Travel Card)
3.กลุ่มนักธุรกิจที่เป็นสมาชิก Elite Card
ส่วนนักธุรกิจอยู่ในประเทศขณะนี้เป็นพวกที่ต้องมาทำงานหรือสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามรอบ โดยคนเหล่านี้จะมีใบอนุญาตทำงาน (Work permit) และเมื่อครบกำหนดจะเดินทางกลับประเทศและมีคนใหม่มาแทน แต่เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐ
"แม้ภาคเอกชนต้องการให้ต่างชาติเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่การเข้ามาต้องมีความปลอดภัยหากเข้ามาแล้วเกิดมีปัญหาก็ไม่ต้องการให้เข้า และรัฐบาลต้องกำหนดมาตรควบคุมคนแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน เข้ามาแล้วต้องกักตัว 14 วัน ทางกระทรวงการต่างประเทศต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของคนที่จะเข้ามาด้วย" นายกลินท์ กล่าว
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/900644
เมียนมาตายจากโควิดเกิน 400 คน ติดเชื้อรายวันทุบสถิติอีก
รัฐบาลเมียนมายืนยันสถิติสะสมของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มเป็นมากกว่า 400 คน และพบผู้ป่วยใหม่วันเดียวเป็นสถิติใหม่อีก 1,294 คน
จันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563 เวลา 08.59 น.
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/foreign/799167
ตอนนี้สุขภาพต้องเคียงคู่กันไปกับเศรษฐกิจได้แล้วนะคะ
ขอเพียงทุกคนการ์ดอย่าตกค่ะ
🔴มาลาริน/5 ต.ค.ไทยพบโควิด 5 รายจากตปท. นักธุรกิจต่างชาติหมื่นคนสนใจเข้าไทย มีญี่ปุ่นมากสุด เมียนมาวันเดียวพบทะลุพันคน
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 5 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,590 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 59 ราย รักษาหายเพิ่ม 2 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,390 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 141 ราย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็นคนไทย 1 ราย สัญชาติลลอินเดีย 2 ราย โปรตุเกส 1 ราย บาห์เรน 1 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากต่างประเทศ จาก อินเดีย 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย บาห์เรน 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (Alternative State Quarantine , State Quarantine)
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/900906
นักธุรกิจต่างชาติหมื่นคนสนเข้าไทย 'ญี่ปุ่น' มากสุด 7-8 พันคน
หอการค้าต่างชาติ เผย นักธุรกิจหมื่นคนสนใจเข้าไทย ญี่ปุ่นมากสุด 7-8 พันคน "เจโทร" หวังไทยเร่งเปิดประเทศ “กลินท์” เสนอแยกนักธุรกิจ 3 กลุ่มเข้าไทย
นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยกล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ขณะนี้นักธุรกิจต่างชาติต้องการเข้ามาไทยจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจเหล่านี้ต้องมาประสานงานด้านธุรกิจและการลงทุนในไทย ซึ่งเป็นเรื่องดีเหมือน เช่น การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในประเทศได้ โดยเฉพาะปลายปีจะเป็นช่วงหน้าหนาวของกลุ่มประเทศยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คนเหล่านี้ก็จะหนีหนาวมาเที่ยวประเทศไทย เชื่อว่าจะฟื้นเศรษฐกิจของไทยได้
สำหรับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการเข้ามาในไทยประเมินว่าอาจมีจำนวนหลายหมื่นคน ซึ่งแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ...📍
1.กลุ่มนักธุรกิจที่เข้ามาเจรจาการลงทุน
2.นักธุรกิจที่เข้ามาสับเปลี่ยนการบริหารตามวงรอบ เช่น ปรับการบริหารทุก 3 เดือน 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจจากญี่ปุ่น
3.กลุ่มนักธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค เช่น เข้ามาติดตั้งเครื่องจักรภายในโรงงาน ช่างอิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะนักธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเชิญชวนมาลงทุน แต่เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดชะงักไป เช่น นักธุรกิจญี่ปุ่น 7-8 หมื่นคน ที่เข้ามาทำงานไทยช่วงเวลาหนึ่งจะหมุนเวียนกลับไปญี่ปุ่นและมีคนใหม่มารับหน้าที่ต่อ 10% หรือ 7-8 พันคน
ส่วนมาตรการควบคุมจะต้องเข้มงวด โดยถ้าเข้ามาต้องทำตามมาตรการการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 เช่น การกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่กำหนด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ควบคุมโรคได้ดีมีประสิทธิภาพ และทุกฝ่ายยอมรับ โดยมีผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่กลับจากต่างประเทศและคนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 59 คน แต่หากจะลดจำนวนวันการกักตัวลงได้ก็ดี
นายทาเคทานิ อัทสึชิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (เจโทร กรุงเทพฯ) กล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า โควิด-19 ส่งผลให้นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าไทยได้ ส่งผลกระทบ 2 ด้าน ได้แก่...📍
1.ผู้บริหารและพนักงานญี่ปุ่นในไทยที่หมดวาระตามปีงบประมาณของญี่ปุ่นเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ต้องเดินทางกลับประเทศ แต่ผลัดใหม่เข้าไทยไม่ได้จึงกระทบธุรกิจในไทย เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ต้องทำงานหนักขึ้นแทนเจ้าหน้าที่ที่เดินทางกลับ ไม่สามารถส่งไม่ต่อการทำงานได้นานหลายเดือน แต่หลังจากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเริ่มเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ แม้จะต้องกักตัว 14 วัน แต่เพียงพอที่จะแก้ปัญหา
2.กลุ่มนักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงบริษัทญี่ปุ่นที่ต้องมาเจรจาธุรกิจในไทย ซึ่งเดินทางมาเพียง 1-2 วัน ไม่สามารถเข้าไทยได้ เพราะต้องกักตัว 14 วัน และกลับไปกักตัวที่ญี่ปุ่น 14 วัน ทำให้เสียเวลา 1 เดือน ต่อการเดินทาง 1 ครั้ง ถือว่าใช้เวลามาก รวมทั้งมีปัญหาโรงงานที่สร้างสายการผลิตใหม่ แต่ช่างเทคนิคเดินทางมาติดตั้งเครื่องจักรไม่ได้
เจโทรต้องการให้รัฐบาลไทยแก้ปัญหานี้เร็วสุด แต่ญี่ปุ่นเข้าใจรัฐบาลไทยและขอบคุณที่ควบคุมการระบาดในไทยได้ดีทำให้ชาวญี่ปุ่นปลอดภัยจึงเข้าใจแนวคิดการจัดการปัญหาของรัฐบาลไทย ซึ่งจากการพูดคุยเห็นว่ามีหลายบริษัทจะลงทุนในไทยเพิ่มและขยายกำลังการผลิต ซึ่งต้องยอมรับต่อการที่ต้องเสียเวลาเพิ่ม บางบริษัทต้องใช้วิศวกรเข้ามาในไทยเพิ่ม เพื่อเข้ามาเร่งทำงานชดเชยกับที่ต้องกักตัว 14 วัน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมองไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญเพราะโครงสร้างพื้นฐานดีและลงทุนสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นจึงเป็นจุดแข็งของไทย ดังนั้นนักลงทุนญี่ปุ่นมองไทยเป็นศูนย์กลางขยายฐานการผลิตย่อยไป 4-5 ประเทศ รอบไทย โดยบริษัทญี่ปุ่นอยากให้รัฐบาลปรับปรุงระเบียบศุลกากรเพื่อให้การนำเข้าส่งออกชิ้นส่วนสินค้าอุตสาหกรรมคล่องตัว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ปัจจุบันเปิดให้นักธุรกิจเข้ามาประเทศแล้วแต่ไม่มาก ซึ่งก่อนเข้ามาต้องตรวจโควิด-19 และเมื่อเข้ามาไทยต้องตรวจซ้ำและกักตัว 14 วัน ตามาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลผ่อนคลายแต่ต้องควบคุมเข้มงวดจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งการเปิดให้เข้ามาต้องดูประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อและเป็นประเทศที่ปลอดภัย เพราะการติดเชื้อในต่างประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นการเลือกประเทศที่เปิดรับน่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไว้ก่อน
นอกจากนี้ ควรแยกพิจารณารายกลุ่มว่าจะดำเนินการอย่างไรให้ชัดเจน ประกอบด้วย
1.กลุ่มนักธุรกิจที่จะเข้ามาเพียง 2-3 วัน
2.กลุ่มนักธุรกิจต่างชาติที่ถือบัตรเอเปก (APEC Business Travel Card)
3.กลุ่มนักธุรกิจที่เป็นสมาชิก Elite Card
ส่วนนักธุรกิจอยู่ในประเทศขณะนี้เป็นพวกที่ต้องมาทำงานหรือสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามรอบ โดยคนเหล่านี้จะมีใบอนุญาตทำงาน (Work permit) และเมื่อครบกำหนดจะเดินทางกลับประเทศและมีคนใหม่มาแทน แต่เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐ
"แม้ภาคเอกชนต้องการให้ต่างชาติเข้ามาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่การเข้ามาต้องมีความปลอดภัยหากเข้ามาแล้วเกิดมีปัญหาก็ไม่ต้องการให้เข้า และรัฐบาลต้องกำหนดมาตรควบคุมคนแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน เข้ามาแล้วต้องกักตัว 14 วัน ทางกระทรวงการต่างประเทศต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของคนที่จะเข้ามาด้วย" นายกลินท์ กล่าว
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/900644
เมียนมาตายจากโควิดเกิน 400 คน ติดเชื้อรายวันทุบสถิติอีก
รัฐบาลเมียนมายืนยันสถิติสะสมของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มเป็นมากกว่า 400 คน และพบผู้ป่วยใหม่วันเดียวเป็นสถิติใหม่อีก 1,294 คน
จันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563 เวลา 08.59 น.
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign/799167
ตอนนี้สุขภาพต้องเคียงคู่กันไปกับเศรษฐกิจได้แล้วนะคะ
ขอเพียงทุกคนการ์ดอย่าตกค่ะ