+++ ผิวขาดน้ำ คำสั้นๆแต่ปัญหาชีวิตยาวมาก พร้อมวิธีแก้ที่คุณทำเองได้+++

ผิวขาดน้ำ คำสั้นๆแต่ปัญหาชีวิตยาวมากกกกกก
 

เนื่องด้วยรักเจอหลายเคสมากๆ เข้ามาคุยกับรักด้วยอาการต่างๆกันไป เช่น
--เป็นสิวซ้ำๆยัไงก็ไม่หาย --
--หน้ามันมากมันแบบผิดปกติ ทำไงก็ไม่หายมัน--
--หน้าแห้งจนเป็นขุยทำยังไงก็ไม่หาย --
--ทาครีมอะไรไม่ได้เลยทาแล้วก็เป็นสิวตลอด--
--เป็นผิวแพ้ง่าย--
 
Keyword เดียวกันทั้งหมด
"เป็นซ้ำๆ ทำไงก็ไม่หายซักที" แต่พอได้คุยลึกๆแล้วรู้เลย
สาเหตุที่แท้จริง มีแค้เรื่องเดียว คือ “ผิวขาดน้ำ”
แต่อาการของแต่ละคน มีความรุนแรงแตกต่างกัน ทำให้อาการแสดงออกมาหลากหลาย จนหลายคนสับสน
แต่เพื่อให้ทุกคนมีกำลังใจ ผิวขาดน้ำเป็นปัญหาชั่วคราวเท่านั้น และจะหายจากการขาดน้ำ กลับสู่สภาพผิวดั้งเดิมที่มีมาแต่เกิดได้
 
ทีนี้เรามาดูรายละเอียดเรื่องนี้กัน
 
1. ผิวขาดน้ำคืออะไร?
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated skin) หรือ ผิวแห้งเทียม คือ ผิวหนังชั้นบนสุด/ชั้นขี้ไคล/Stratum corneum ขาดความชุ่มชื้น
หรือมีการสูญเสียน้ำระหว่างชั้นผิว ซึ่งโดยปกติผิวชั้นนี้ควรมีน้ำราวๆ 10% ของส่วนประกอบทั้งหมด 
หากน้ำในผิวน้อยลงไปกว่านั้น ผิวจะเกิดอาการขาดน้ำ ซึ่งในขณะเดียวกัน การผลิตไขมันจากต่อมไขมันยังทำงานได้ปกติ หรือ ทำงานมากกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับตามประเภทของผิวของแต่ละคน 
 
2. เกิดกับผิวแบบไหนได้บ้าง?
คำตอบคือ เกิดได้กับผิวทุกประเภท ทั้งธรรมดา แห้ง ผสม หรือ มัน
 
3. อาการเป็นยังไง?
เรียงอาการจากเบาไปหาหนัก
- ผิวดูหมองๆไม่สดใส / ใต้ตาอาจจะดูคล้ำๆ
- รู้สึกหน้าแห้ง บางคนอาจจะผิวแห้งหรือมันสลับไปมา หรือบางคนอาจจะออกมาในรูปของผิวมันขาดน้ำ
  คือ ร่างกายผลิตน้ำมันชดเชยความชุ่มชื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ภายนอกดูผิวมัน แต่ข้างในคือขาดน้ำนั่นเอง
- ลูบแล้วแห้งๆ สากๆมือ
- ริ้วรอยเริ่มจะดูชัดๆ ไม่ค่อยเรียบเนียน
- แต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางไม่ติดทน
- ผิวแห้งจนเป็นขุย (Scaly)
- หากขาดน้ำมากๆ ก็อาจเกิดผื่นอักเสบ เป็นผิวแพ้ง่ายไปได้ หรืออาจจะกลายเป็นสิวเห่อ หรือเป็นสิวซ้ำซ้อนไม่หายซักที
- ผิวแตก (Cracked) ไปเลย
 
4. สาเหตุ จากปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอก
*****ปัจจัยภายใน*****
เรียกว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแต่เป็นสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้
- โรคผิวหนังต่างๆ ที่ทำให้ผิวหนังเสียความสามารถในการเก็บกักน้ำในชั้นผิว
     เช่น สร้าง Keratin (เคราติน) ผิดปกติ, โรคเด็กดักแด้, โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (atopic eczema)
- อายุที่เพิ่มขึ้น (เขียนเองก็เจ็บเอง) T-T
   อายุ 25 ปีขึ้นไป ต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันน้อยลงและไขมันระหว่างเซลล์จะลดลง ทำให้เสียน้ำออกจากผิวหนังได้ง่ายมากขึ้น (สิ่งที่เคลือบผิวลดลง)
 
*****ปัจจัยภายนอก*****
เรียกง่ายๆว่า ทำตัวเอง 
1. ใช้อะไรบางอย่างกระตุ้นให้ ชั้นหนังกำพร้ามีการหมุนเวียนเร็วกว่าปกติ ทำให้ผิวสร้างชั้นไขมันไม่ทัน ส่งผลให้รักษาน้ำบนผิวไว้ไม่ได้
ซึ่งมักจะเจอกับคนที่ใช้ครีม หรือ ไปขัดผิวหนักๆ เช่น 
- คนทีใช้ Whitening หรือ Anti-acne ที่ให้ฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวหนักๆ (ชั้นผิวบางลงมากจึงทำให้หน้าขาวขึ้น)
   และใช้ติดต่อกันมานาน จน skin barrier ถูกทำลาย การจะฟื้นฟูผิวขึ้นมาใหม่จึงต้องใช้เวลา
- คนที่ขัดหน้า ลอกผิวหน้าบ่อยๆ
 
2.ผิวหนังกำหร้าถูกทำลาย เสียความสามารถในการรักษาความชุ่มชื้น
เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่รุนแรงกับผิวหน้าเกินไป พวกล้างหน้าแล้วเอี๊ยดๆ ทั้งหลาย จนพาน้ำมันที่เคลือบบนผิวออกไปด้วย
 
3. สภาวะแวดล้อมทำร้าย
--เย็นเกิน--
  ไม่ว่าจะอากาศเย็นตามฤดู หรือ อยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ความชื้นของสภาพแวดล้อมต่ำ ผิวเลยถ่ายเทความชื้นออกไปหาอากาศ เกิดผิวแห้งขึ้น
--ร้อนเกิน--
เช่น ความร้อนจากแสงแดด อยู่หน้าเตานานๆ อาบน้ำอุ่น น้ำร้อนทุกวัน ก็ส่งผลให้ชั้นผิวหลุดไปกับน้ำร้อนได้ ผิวจึงแห้ง
 
4. พฤติกรรม
- Hectic life เช่น ปาร์ตี้แล้วนอนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์หนัก !!!
- ใช้ชีวิตไม่ระมัดระวัง เช่น ดื่มน้ำน้อย ดื่มกาแฟ ชา (คาเฟอีนสูง)
- ทา Skincare เน้นด้านใดด้านหนึ่ง แต่ไม่มีเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเลย !!!
 
เมื่อรู้อาการ สาเหตทั้งหลายแล้ว เรามาดูวิธีแก้กันบ้าง
ขอพูดเฉพาะด้านเครื่องสำอางนะคะ  (สำหรับเรื่องของพฤติกรรมแค่เพียงทำตรงข้ามก็จะช่วยได้เลยค่า)
 
วิธีแก้  💯
1. การล้างหน้า 
- เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่ใช่แบบล้างแล้วหน้าตึงๆฝืดๆ เอี๊ยดๆ
- หลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นขัดหน้า ลอกหน้า นวดหน้าด้วยแปรงหยาบๆ
   หรือใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีสครับ เพราะจะทำลายชั้นผิวมากเกินไป
 
2. การบำรุงผิว
- Moisturizer เป็นสิ่งที่ต้องมี ทั้งในแบบ Humectant (ให้ความชุ่มชื้น) หรือ Occlusive (ป้องกันการเสียความชุ่มชื้น) และต้องทาทุกวันอย่างสม่ำเสมอ!!!
  (หากอยากรู้เพิ่มเติม รักเขียนแยกไว้อีกบทความให้แล้วนะคะ ในชื่อเรื่อง "ความชุ่มชื้นรากฐานของผิวสวยใส" )

- ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ฤทธิ์ใดฤทธิ์หนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ครีมผิวขาว Whitening หรือ ผลิตภัณฑ์รักษาสิว Anti-acne เท่านั้น ”อย่างเด็ดขาด”
แต่ถ้าหากมีปัญหาผิวที่จำเป็นต้องใช้ ให้ลองเช็กผิวอยู่เรื่อยๆว่า ทำให้ balance ความชุ่มชื้นบนผิวเสียหรือไม่
ถ้าหากเสียสมดุลอาจจจะต้องหยุดใช้ และเติมความชุ่มชื้นให้เพียงพอ แล้วจึงกลับมาใช้ใหม่ได้
 
- ทาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงทุกวัน แม้จะไม่ได้เดินทางออกจากบ้าน
 
**************************สรูป******************************

จะเห็นว่าปัญหา “ผิวขาดน้ำ” ทั้งหนักและหลากหลายมากๆๆๆ
แต่สาเหตุที่รักเจอส่วนใหญ่ มักมาจากการใช้เครื่องสำอางทั้งนั้นเลย 
ทั้งในแง่การทำความสะอาดและบำรุงผิว ใช้แบบผิดสมดุลมานานมากกก
ทำให้ผลเสียก็เป็นมานาน ไม่หายซักที จนเป็นปัญหาคาราคาซังกับชีวิต
 
แต่วิธีแก้ กลับง่ายแสนง่าย “แค่ใช้อย่างสมดุลและสม่ำเสมอ” ดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ หน้าจะไม่แห้ง ไม่ยับ เลือดฝาด ตึงเด้งสุขภาพดีอยู่เสมอเลยค่า 
ขอแค่มาคุยและพร้อมจะเปลี่ยน mindset เรื่องผิวขาดน้ำรักช่วยได้ไม่ยากเลย
เขียนยาวมากอีกละ แต่รักมากเลยขอเล่าให้ฟังกันค่ะ ^^
 
#LoveSkinToTheMoon
#เภสัชกรรัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่