สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน รอบนี้ผมจะมารีวิวภาพบรรยากาศการไปเยือนที่พักใน จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 27 - 29 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาครับ ซึ่งเป็นทริปที่รอคอยมานาน เพราะได้จองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้ว ก่อนเดินทางยังหวั่นๆ อยู่ว่าจะเจอโรคเลื่อนจากโควิดหรือไม่ แต่แล้วในที่สุดผมและเพื่อนๆ ก็ได้เดินทางกันตามกำหนดเดิม แต่ก็มีเจอเที่ยวบินเปลี่ยนเวลาไปบ้าง รับได้ครับ
ก่อนเดินทางทริปนี้มักจะเห็นข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตแย่แล้ว ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ก็คิดไว้ว่า คงได้สัมผัสเมืองภูเก็ตในสภาพที่เงียบสงบ แต่ผิดคาดครับ ทั้งที่พักที่ผมเลือกพัก และร้านอาหารที่เลือกไปทาน คนเยอะทุกที่ครับ
ด้านสภาพอากาศตลอดการเดินทางของทริปนี้ เจอฝนล้วนๆ จะมีเห็นแดดบ้างในช่วงบ่ายวันที่ 2 ของทริป และเช้าวันกลับ แต่ทุกวันยังคงเจอฝน และฟ้าไม่เป็นใจตลอดเวลา อย่างว่าแหละครับ เพราะนี่คือฤดูฝนของบ้านเราอยู่แล้ว
ที่พักสำหรับคืนแรก...Sametnangshe Boutique เสม็ดนางชีบูทีค จ.พังงา กับห้องพัก The Khanhum Villa (ขนำวิลล่า)
ที่พักสำหรับคืนที่ 2...SALA Phuket Resort and Spa ศาลาภูเก็ต กับห้องพัก SALA Pool Villa
เริ่มต้นการเดินทางกันครับ ทริปนี้ผมบินกับ AirAsia เที่ยวบิน FD3029 ในช่วงเช้าสู่ จ.ภูเก็ต ราคาตั๋วไปกลับต่อคนประมาณ 1,450 บาท ซึ่งรวมน้ำหนักโหลดกระเป๋าและที่นั่งแล้ว ถือว่าราคาดีเลย
แดดเมืองกรุงทำงานได้ดีจริงๆ แต่พอขึ้นบินได้สักพัก เริ่มเจอสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยเมฆตลอดการเดินทางครับ
ถึงภูเก็ตแล้ว เพื่อนผมทำเรื่องติดต่อรถเช่า AVIS ที่ได้จองผ่านงานท่องเที่ยวไว้แล้ว ในราคาวันละ 790 บาท + 250 บาท ในกรณีตรงช่วงวันหยุดครับ ผมมองว่าการเช่ารถขับสำหรับ จ.ภูเก็ต ไปไหนมาไหนสะดวกดี ไม่ต้องกังวลใจเรื่องการต่อรองค่ารถ ค่าน้ำมันทริปนี้หมดไป 550 บาทเองครับ
เริ่มต้นทริปด้วยการกิน ผมเลือกร้าน "ซูเปอร์ติ่มซำ" สาขาสนามบิน ซึ่งห่างจากสนามบินไม่เกิน 10 นาทีครับ ราคาถือว่าค่อนข้างสูงนะ เข่งละ 30 บาท แต่ถึงกระนั้นของหมดเร็วมาก ผมไปถึงร้านประมาณ 9.30 น. เมนูเริ่มมีไม่เยอะแล้ว และจากนั้นไม่นานของก็หมดเกลี้ยง
อิ่มแล้วแวะสักการะ "พระผุด" ที่ วัดพระทอง
จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเมือง ไปหาของกินกันต่อที่ร้าน "ตู้กับข้าว" อีกหนึ่งร้านดังของภูเก็ต สั่งอาหารมาหลายอย่างหลากรส เปรี้ยว เผ็ด หวาน อร่อยครับ ส่วนลูกค้าในร้าน...คนเต็มร้านอีกเช่นเคย
อิ่มของคาวกันแล้ว ต้องหากาแฟล้างปากครับ เลือกไปร้าน "Thee Monkeys" อีกหนึ่งร้านดังของภูเก็ต อยู่ห่างจากร้านตู้กับข้าวประมาณ 15 นาที ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในร้านเลยครับ ลูกค้าเต็มร้าน ต้องรอคิว แถมฝนตกกระหน่ำอย่างหนักอีก เลยได้ภาพเครื่องดื่มเท่านั้น
จากนั้นขับรถฝ่าสายฝน (ที่ไม่มีท่าว่าจะหยุดเลย) ออกจากเมืองมุ่งหน้าสู่ Sametnangshe Boutique (เสม็ดนางชีบูทีค) จ.พังงา จากตัวเมืองภูเก็ตใช้เวลาราวๆ 1.30 ชั่วโมง ถนนดีตลอดการเดินทางครับ มาถึงแล้วทางที่พักต้อนรับลูกค้าด้วยน้ำสัปปะรด เย็นฉ่ำชื่นใจดีครับ
เช็คอินเสร็จแล้ว เข้าห้องพักกันครับ กับห้อง The Khanhum Villa (ขนำวิลล่า) ที่ผมได้ราคามาแบบถูกมากๆ จองได้ในช่วงที่โควิดบ้านเราเริ่มซา รีสอร์ทลดราคาแบบจัดหนักมาก เหลือคืนละ 3,250 บาท แต่เนื่องจากติดวันอาทิตย์ ต้อง +500 บาทครับ มาดูบรรยากาศห้องพักกันครับ วิวจากระเบียงห้องดีมากๆ ครับ
อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้อง ถือว่ามีครบตามมาตรฐานรีสอร์ททั่วไปครับ น้ำอัดลมที่เห็นในตู้เย็น สามารถทานได้หมดครับ ไม่เสียเงิน
เข้าห้องพักได้ไม่นาน ฝนก็กระหน่ำแบบจัดหนักจัดเต็มอีกแล้ว มองวิวอะไรไม่เห็นเลย จนค่ำก็ไม่หยุด เลยเดินกางร่มลงมาสั่งอาหารของรีสอร์ททานกัน สั่งนิดหน่อย แต่รสอร่อยเหาะครับ ราคาไม่แพงมากนัก
จากนั้นก็ได้เวลานอนหลับพักผ่อน บนที่นอนนุ่มสบาย ท่ามกลางเสียงฝนกระทบหลังคาทั้งคืน ตกหนักจริงๆครับ
เช้าแล้วกองทัพต้องเดินด้วยท้อง อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ครับ มีพวก ABF ข้าวต้ม ข้าวราดแกง สลัด แต่ที่ชอบที่สุด ขนมจีนน้ำยาครับ อร่อยเลย และสำหรับผู้ที่เข้าพักที่นี่ จะได้เครื่องดื่มฟรีคนละ 1 แก้วในมื้อเช้า เช่น กาแฟสด ชาเขียว ผมว่าเข้าท่าดีครับ
จากนั้นเก็บภาพบรรยากาศรีสอร์ทกันต่อครับ ที่นี่มีสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วย แต่ไม่ได้ลง เพราะผมมีเป้าหมายอยู่ในห้องอยู่แล้วครับ ไปดูภาพแบบรวมๆ เลยครับ
ลงอ่างก่อนดีกว่า เวลา Check out ยังเหลือเฟือ แถมฝนยังตกต่ออีก ฟินนนนน
ด้านบนของเสม็ดนางชีบูทีค มีคาเฟ่วิวดีด้วยครับ...Bay View Cafe ขนาดฝนตกแบบนี้ มีลูกค้านั่งเต็มนะครับ...วิวดีจริงๆ
ได้เวลาอำลาเสม็ดนางชีแล้ว ฝนยังคงไม่หยุดตก แต่เราต้องเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าเข้าเมืองสู่ย่านราไวย์ ผมไปเพื่อสิ่งนี้...
แน่นอน มาราไวย์ทั้งที ต้องเลือกซีฟู้ดสดๆ นำไปให้ร้านปรุงเป็นเมนูให้ครับ ผมเลือกซื้อของสดที่อยู่ตรงข้ามกับร้านมุขมณี เพราะมีของเยอะสุดและราคาถูกครับ
จริงๆ ร้านอาหารย่านนี้จะมีหลายร้านนะ ส่วนใหญ่คนจะเข้าแต่ร้านมุขมณี ส่วนร้านอื่นๆ เงียบเลยครับ ไม่มีลูกค้า ผมกับเพื่อนเลยตัดสินใจเข้าร้าน "ราไวย์ซีฟู้ด" เพราะมีที่จอดรถให้ด้วย สะดวกดี ส่วนค่าปรุงอาหาร คิดเมนูละ 75 บาท ถือว่าช่วยผู้ประกอบการร้านอื่นๆ บ้างครับ
สรุปมื้อนี้
- ค่าวัตถุดิบหมดไป 2,380 บาท (เฉพาะกุ้งมังกร 650 บาท, ปลาเก๋า 300 บาท, ปูม้าโลละ 350 บาท ที่เหลือก็จะเป็นค่ากุ้งลายเสือ หอยนางรม และสาหร่ายครับ)
- ค่าปรุง และน้ำดื่มอีก 830 บาท รวมเป็น 3,210 บาท
อิ่มแล้วออกเมืองอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ที่พักคืนนี้ คือ SALA Phuket Resort and Spa หาดไม้ขาว ผมเลือกใช้เส้นทางผ่านแหลมพรหมเทพ หาดกะตะ หาดกะรน และหาดป่าตอง เห็นแล้วใจหายครับ แต่ละที่อย่างกับเมืองร้าง ไม่มีนักท่องเที่ยว ที่พักและร้านค้าปิดแทบทั้งหาดครับ แม้แต่เซเว่นยังปิด
ถึงแล้วครับ ที่พัก 5 ดาว สำหรับคืนนี้ SALA Phuket Resort and Spa หาดไม้ขาว
ทางเดินเข้ารีสอร์ท
เช็คอินเสร็จแล้ว ไปดูห้องพักกันครับ SALA Pool Villa ภายในวิลล่ามีพื้นที่ใช้สอย 157 ตร.ม. กว้างขวางและส่วนตัวดีครับ pool ลึก 1.5 เมตรตลอดสระ ใครมีเด็กเล็กมาด้วย ต้องระวังมากๆครับ
ด้านราคาไม่อยากพูดถึง จองจากงานท่องเที่ยว แต่ราคาดันแพงกว่าช่วงโปรโควิดอีก เจ็บแล้วเจ็บอีกหลายๆครั้ง ที่ได้เห็นโรงแรมปล่อยโปรออกมา
ส่วนแขกที่เข้าพักวันนี้ มีเยอะอีกเช่นกันครับ
ภายในห้องพักมีเฉพาะที่นอน มุมพักผ่อน และมินิบาร์ ส่วนห้องน้ำต้องออกไปด้านนอกครับ
ที่นอนนุ่มมากๆครับ หมอนในห้องมีเพียบ
ในห้องพักมีอุปกรณ์ใช้สอยครบครันมากๆ ส่วนมินิบาร์ มีฟรีแค่ ชา กาแฟสด น้ำดื่ม และนมกล่องครับ ที่เหลือ...เสียเงิน
มาดูบรรยากาศหาดไม้ขาว ที่หน้ารีสอร์ทกันครับ คลื่นแรงมาก ลงเล่นไม่ได้เลย อันตราย
ค่ำคืนนี้พักผ่อนท่ามกลางสายฝนเช่นเคย
เช้าแล้วมาดูบรรยากาศรวมๆกันครับ
บริเวณที่อาบน้ำจะอยู่กลางแจ้ง ดีว่ายังมีม่านกั้นให้นะครับ เพราะมองทะลุกระจกจากในห้องได้เลย
มุมส้วมแบบลับๆ
มื้อเช้าบริการแบบ a la carte ไม่มีบุฟเฟ่ต์ สั่งได้คนละ 2 อย่าง พร้อมชุดขนมปัง กาแฟ และผลไม้ หน้าตาดูดีครับ
อิ่มแล้วเก็บภาพบรรยากาศรวมๆ ของโรงแรม ก่อนกลับ
เช้าวันนี้แดดทำงานแล้ว แต่หาดไม้ขาวคลื่นแรงเช่นเคย
ได้เวลาอำลา SALA แล้ว แวะทานข้าวที่ร้าน ริมพานสารสิน อร่อยดีครับ ร้านนี้อยู่ห่างจาก SALA 10 นาที และสนามบิน 20 นาที
ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพ กับเที่ยวบิน FD3006 เมฆเยอะ เครื่องสั่นตลอดการเดินทาง
สรุป...การให้บริการของที่พักทั้ง 2 ที่ สำหรับผมถือว่าน่าประทับใจครับ ทั้งการพูดจา การ Service ต่างๆ กับลูกค้า ด้านที่พักก็สวยไปคนละแบบคนละสไตล์ ก็ได้แต่หวังว่าการท่องเที่ยวในภูเก็ตจะฟื้นตัวดีขึ้นในเร็ววันนะครับ
ร่ำลากันไปด้วยภาพนี้ ขอบคุณที่เข้ามาชมกันนะครับ
สวัสดีครับ
[CR] เราไปหาฝน ณ เสม็ดนางชีบูทีค พังงา & SALA ภูเก็ต
ก่อนเดินทางทริปนี้มักจะเห็นข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตแย่แล้ว ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ก็คิดไว้ว่า คงได้สัมผัสเมืองภูเก็ตในสภาพที่เงียบสงบ แต่ผิดคาดครับ ทั้งที่พักที่ผมเลือกพัก และร้านอาหารที่เลือกไปทาน คนเยอะทุกที่ครับ
ด้านสภาพอากาศตลอดการเดินทางของทริปนี้ เจอฝนล้วนๆ จะมีเห็นแดดบ้างในช่วงบ่ายวันที่ 2 ของทริป และเช้าวันกลับ แต่ทุกวันยังคงเจอฝน และฟ้าไม่เป็นใจตลอดเวลา อย่างว่าแหละครับ เพราะนี่คือฤดูฝนของบ้านเราอยู่แล้ว
ที่พักสำหรับคืนแรก...Sametnangshe Boutique เสม็ดนางชีบูทีค จ.พังงา กับห้องพัก The Khanhum Villa (ขนำวิลล่า)
ที่พักสำหรับคืนที่ 2...SALA Phuket Resort and Spa ศาลาภูเก็ต กับห้องพัก SALA Pool Villa
เริ่มต้นการเดินทางกันครับ ทริปนี้ผมบินกับ AirAsia เที่ยวบิน FD3029 ในช่วงเช้าสู่ จ.ภูเก็ต ราคาตั๋วไปกลับต่อคนประมาณ 1,450 บาท ซึ่งรวมน้ำหนักโหลดกระเป๋าและที่นั่งแล้ว ถือว่าราคาดีเลย
แดดเมืองกรุงทำงานได้ดีจริงๆ แต่พอขึ้นบินได้สักพัก เริ่มเจอสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยเมฆตลอดการเดินทางครับ
ถึงภูเก็ตแล้ว เพื่อนผมทำเรื่องติดต่อรถเช่า AVIS ที่ได้จองผ่านงานท่องเที่ยวไว้แล้ว ในราคาวันละ 790 บาท + 250 บาท ในกรณีตรงช่วงวันหยุดครับ ผมมองว่าการเช่ารถขับสำหรับ จ.ภูเก็ต ไปไหนมาไหนสะดวกดี ไม่ต้องกังวลใจเรื่องการต่อรองค่ารถ ค่าน้ำมันทริปนี้หมดไป 550 บาทเองครับ
เริ่มต้นทริปด้วยการกิน ผมเลือกร้าน "ซูเปอร์ติ่มซำ" สาขาสนามบิน ซึ่งห่างจากสนามบินไม่เกิน 10 นาทีครับ ราคาถือว่าค่อนข้างสูงนะ เข่งละ 30 บาท แต่ถึงกระนั้นของหมดเร็วมาก ผมไปถึงร้านประมาณ 9.30 น. เมนูเริ่มมีไม่เยอะแล้ว และจากนั้นไม่นานของก็หมดเกลี้ยง
อิ่มแล้วแวะสักการะ "พระผุด" ที่ วัดพระทอง
จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเมือง ไปหาของกินกันต่อที่ร้าน "ตู้กับข้าว" อีกหนึ่งร้านดังของภูเก็ต สั่งอาหารมาหลายอย่างหลากรส เปรี้ยว เผ็ด หวาน อร่อยครับ ส่วนลูกค้าในร้าน...คนเต็มร้านอีกเช่นเคย
อิ่มของคาวกันแล้ว ต้องหากาแฟล้างปากครับ เลือกไปร้าน "Thee Monkeys" อีกหนึ่งร้านดังของภูเก็ต อยู่ห่างจากร้านตู้กับข้าวประมาณ 15 นาที ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในร้านเลยครับ ลูกค้าเต็มร้าน ต้องรอคิว แถมฝนตกกระหน่ำอย่างหนักอีก เลยได้ภาพเครื่องดื่มเท่านั้น
จากนั้นขับรถฝ่าสายฝน (ที่ไม่มีท่าว่าจะหยุดเลย) ออกจากเมืองมุ่งหน้าสู่ Sametnangshe Boutique (เสม็ดนางชีบูทีค) จ.พังงา จากตัวเมืองภูเก็ตใช้เวลาราวๆ 1.30 ชั่วโมง ถนนดีตลอดการเดินทางครับ มาถึงแล้วทางที่พักต้อนรับลูกค้าด้วยน้ำสัปปะรด เย็นฉ่ำชื่นใจดีครับ
เช็คอินเสร็จแล้ว เข้าห้องพักกันครับ กับห้อง The Khanhum Villa (ขนำวิลล่า) ที่ผมได้ราคามาแบบถูกมากๆ จองได้ในช่วงที่โควิดบ้านเราเริ่มซา รีสอร์ทลดราคาแบบจัดหนักมาก เหลือคืนละ 3,250 บาท แต่เนื่องจากติดวันอาทิตย์ ต้อง +500 บาทครับ มาดูบรรยากาศห้องพักกันครับ วิวจากระเบียงห้องดีมากๆ ครับ
อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้อง ถือว่ามีครบตามมาตรฐานรีสอร์ททั่วไปครับ น้ำอัดลมที่เห็นในตู้เย็น สามารถทานได้หมดครับ ไม่เสียเงิน
เข้าห้องพักได้ไม่นาน ฝนก็กระหน่ำแบบจัดหนักจัดเต็มอีกแล้ว มองวิวอะไรไม่เห็นเลย จนค่ำก็ไม่หยุด เลยเดินกางร่มลงมาสั่งอาหารของรีสอร์ททานกัน สั่งนิดหน่อย แต่รสอร่อยเหาะครับ ราคาไม่แพงมากนัก
จากนั้นก็ได้เวลานอนหลับพักผ่อน บนที่นอนนุ่มสบาย ท่ามกลางเสียงฝนกระทบหลังคาทั้งคืน ตกหนักจริงๆครับ
เช้าแล้วกองทัพต้องเดินด้วยท้อง อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ครับ มีพวก ABF ข้าวต้ม ข้าวราดแกง สลัด แต่ที่ชอบที่สุด ขนมจีนน้ำยาครับ อร่อยเลย และสำหรับผู้ที่เข้าพักที่นี่ จะได้เครื่องดื่มฟรีคนละ 1 แก้วในมื้อเช้า เช่น กาแฟสด ชาเขียว ผมว่าเข้าท่าดีครับ
จากนั้นเก็บภาพบรรยากาศรีสอร์ทกันต่อครับ ที่นี่มีสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วย แต่ไม่ได้ลง เพราะผมมีเป้าหมายอยู่ในห้องอยู่แล้วครับ ไปดูภาพแบบรวมๆ เลยครับ
ลงอ่างก่อนดีกว่า เวลา Check out ยังเหลือเฟือ แถมฝนยังตกต่ออีก ฟินนนนน
ด้านบนของเสม็ดนางชีบูทีค มีคาเฟ่วิวดีด้วยครับ...Bay View Cafe ขนาดฝนตกแบบนี้ มีลูกค้านั่งเต็มนะครับ...วิวดีจริงๆ
ได้เวลาอำลาเสม็ดนางชีแล้ว ฝนยังคงไม่หยุดตก แต่เราต้องเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าเข้าเมืองสู่ย่านราไวย์ ผมไปเพื่อสิ่งนี้...
แน่นอน มาราไวย์ทั้งที ต้องเลือกซีฟู้ดสดๆ นำไปให้ร้านปรุงเป็นเมนูให้ครับ ผมเลือกซื้อของสดที่อยู่ตรงข้ามกับร้านมุขมณี เพราะมีของเยอะสุดและราคาถูกครับ
จริงๆ ร้านอาหารย่านนี้จะมีหลายร้านนะ ส่วนใหญ่คนจะเข้าแต่ร้านมุขมณี ส่วนร้านอื่นๆ เงียบเลยครับ ไม่มีลูกค้า ผมกับเพื่อนเลยตัดสินใจเข้าร้าน "ราไวย์ซีฟู้ด" เพราะมีที่จอดรถให้ด้วย สะดวกดี ส่วนค่าปรุงอาหาร คิดเมนูละ 75 บาท ถือว่าช่วยผู้ประกอบการร้านอื่นๆ บ้างครับ
สรุปมื้อนี้
- ค่าวัตถุดิบหมดไป 2,380 บาท (เฉพาะกุ้งมังกร 650 บาท, ปลาเก๋า 300 บาท, ปูม้าโลละ 350 บาท ที่เหลือก็จะเป็นค่ากุ้งลายเสือ หอยนางรม และสาหร่ายครับ)
- ค่าปรุง และน้ำดื่มอีก 830 บาท รวมเป็น 3,210 บาท
อิ่มแล้วออกเมืองอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ที่พักคืนนี้ คือ SALA Phuket Resort and Spa หาดไม้ขาว ผมเลือกใช้เส้นทางผ่านแหลมพรหมเทพ หาดกะตะ หาดกะรน และหาดป่าตอง เห็นแล้วใจหายครับ แต่ละที่อย่างกับเมืองร้าง ไม่มีนักท่องเที่ยว ที่พักและร้านค้าปิดแทบทั้งหาดครับ แม้แต่เซเว่นยังปิด
ถึงแล้วครับ ที่พัก 5 ดาว สำหรับคืนนี้ SALA Phuket Resort and Spa หาดไม้ขาว
ทางเดินเข้ารีสอร์ท
เช็คอินเสร็จแล้ว ไปดูห้องพักกันครับ SALA Pool Villa ภายในวิลล่ามีพื้นที่ใช้สอย 157 ตร.ม. กว้างขวางและส่วนตัวดีครับ pool ลึก 1.5 เมตรตลอดสระ ใครมีเด็กเล็กมาด้วย ต้องระวังมากๆครับ
ด้านราคาไม่อยากพูดถึง จองจากงานท่องเที่ยว แต่ราคาดันแพงกว่าช่วงโปรโควิดอีก เจ็บแล้วเจ็บอีกหลายๆครั้ง ที่ได้เห็นโรงแรมปล่อยโปรออกมา
ส่วนแขกที่เข้าพักวันนี้ มีเยอะอีกเช่นกันครับ
ภายในห้องพักมีเฉพาะที่นอน มุมพักผ่อน และมินิบาร์ ส่วนห้องน้ำต้องออกไปด้านนอกครับ
ที่นอนนุ่มมากๆครับ หมอนในห้องมีเพียบ
ในห้องพักมีอุปกรณ์ใช้สอยครบครันมากๆ ส่วนมินิบาร์ มีฟรีแค่ ชา กาแฟสด น้ำดื่ม และนมกล่องครับ ที่เหลือ...เสียเงิน
มาดูบรรยากาศหาดไม้ขาว ที่หน้ารีสอร์ทกันครับ คลื่นแรงมาก ลงเล่นไม่ได้เลย อันตราย
ค่ำคืนนี้พักผ่อนท่ามกลางสายฝนเช่นเคย
เช้าแล้วมาดูบรรยากาศรวมๆกันครับ
บริเวณที่อาบน้ำจะอยู่กลางแจ้ง ดีว่ายังมีม่านกั้นให้นะครับ เพราะมองทะลุกระจกจากในห้องได้เลย
มุมส้วมแบบลับๆ
มื้อเช้าบริการแบบ a la carte ไม่มีบุฟเฟ่ต์ สั่งได้คนละ 2 อย่าง พร้อมชุดขนมปัง กาแฟ และผลไม้ หน้าตาดูดีครับ
อิ่มแล้วเก็บภาพบรรยากาศรวมๆ ของโรงแรม ก่อนกลับ
เช้าวันนี้แดดทำงานแล้ว แต่หาดไม้ขาวคลื่นแรงเช่นเคย
ได้เวลาอำลา SALA แล้ว แวะทานข้าวที่ร้าน ริมพานสารสิน อร่อยดีครับ ร้านนี้อยู่ห่างจาก SALA 10 นาที และสนามบิน 20 นาที
ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพ กับเที่ยวบิน FD3006 เมฆเยอะ เครื่องสั่นตลอดการเดินทาง
สรุป...การให้บริการของที่พักทั้ง 2 ที่ สำหรับผมถือว่าน่าประทับใจครับ ทั้งการพูดจา การ Service ต่างๆ กับลูกค้า ด้านที่พักก็สวยไปคนละแบบคนละสไตล์ ก็ได้แต่หวังว่าการท่องเที่ยวในภูเก็ตจะฟื้นตัวดีขึ้นในเร็ววันนะครับ
ร่ำลากันไปด้วยภาพนี้ ขอบคุณที่เข้ามาชมกันนะครับ
สวัสดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้