Antebellum
คนสองโลก

ถ้าชูจุดขายว่าเป็นผู้สร้างเดียวกันกับหนังเรื่อง Get Out และ Us ทำให้พอจะเดาได้ว่าหนังน่าจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดสีผิวและมีการนำเสนอในรูปแบบของความรุนแรงอย่างหนักหน่วงอย่างแน่นอน แล้วเมื่อได้ดูจนจบก็พบว่ามันเป็นตามนี้จริง ๆ ด้วย

หนังมีความพยายามนำเสนอประเด็นการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกาด้วยเนื้อเรื่องที่เหมือนจะธรรมดาอย่างการกดขี่ใช้แรงงานทาสในสมัยที่ยังมีการค้าทาสอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนนู้นแต่ในขณะเดียวกันก็เล่าเรื่องในยุคปัจจุบันควบคู่ไปด้วย นี่เป็นการเล่าเรื่องราวต่างยุคแบบคู่ขนานกันไปอย่างน่าฉงน และนี่อาจจะทำให้บางคนคิดไปไกลว่าหนังอาจจะเล่นท่ายากจนทำความเข้าใจได้ไม่ง่าย อย่างเช่นว่าอาจจะมีความสลับซับซ้อนของห้วงเวลาหรือแม้แต่การข้ามเวลาก็เป็นได้ เอาเป็นว่าพอถึงตอนเฉลยก็ทำให้เราอึ้งได้ก็แล้วกัน

ถึงแม้ว่าจะทำให้เราอึ้งได้ในตอนท้ายที่มีการเฉลยปมเรื่องก็ตามแต่ก็ไม่ถึงกับพูดได้เต็มปากว่าชอบแนวคิดนี้มากสักเท่าไรนัก แต่ที่ชอบจริงจังก็คือการเล่าเรื่องด้วยอารมณ์ขึงขังและใส่ความรุนแรงอย่างเต็มที่จนทำให้หนังสามารถดึงอารมณ์ร่วมจากคนดูได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยเฉพาะตอนที่ทำให้รู้สึกลุ้นระทึกกับการหาทางหนีเอาตัวรอดของตัวละครในหลาย ๆ ฉาก

เราเข้าใจว่าหนังต้องการสื่อสารเรื่องการเหยียดสีผิวที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมากมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าปัจจุบันปัญหานี้จะได้รับการตระหนักมากขึ้นเยอะแล้วเมื่อเทียบกับในอดีตแต่มันก็ยังไม่เคยหายไปเสียที ยังคงมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อนุรักษ์แนวคิดการเหยียดสีผิวอยู่และยังคงเลือกใช้วิธีการที่รุนแรง หนังเรื่องนี้จึงใช้ความรุนแรงสะท้อนถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับปัญหานี้นั่นเอง
 
ขบเคี้ยวหนัง