JJNY : พท.เปิดตัวเลขศก.ติดลบหนักสุด3ปี/ภูเก็ตส่อเลื่อนเปิดน่านฟ้า/ชวลิตชี้รัฐควรแสดงความจริงใจ/แฉยับแป๊ะเจี๊ยะรร.เตรียมฯ

เพื่อไทย เปิดตัวเลขเศรษฐกิจ ติดลบหนักสุด 3 ปี กว่าจะฟื้น ปีนี้เผาจริง!
https://www.khaosod.co.th/politics/news_5028763
 

พิชัย กลับ เพื่อไทย เป็นรองหัวหน้าพรรคดูเรื่องเศรษฐกิจ ชี้ ปีนี้เศรษฐกิจเผาจริงชัดเจน เชื่อ เพื่อไทย แก้ปัญหาได้เพราะรู้ปัญหาไม่โกหกตัวเอง เหมือน รบ.ประยุทธ์
 
วันนี้ (2 ต.ค.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้ตัดสินใจกลับเข้าพรรคเพื่อไทยตามคำเชิญชวนของผู้ใหญ่ที่เคารพในพรรคหลายท่าน และตนดีใจที่ได้กลับมาเพราะพรรคเพื่อไทยเปรียบเสมือนเป็นบ้านที่คุ้นเคยมาตลอด และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งให้กับประชาชนได้ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีความนิยมทรุดหนัก
 
โดยโพลสำรวจล่าสุดพรรคเพื่อไทยยังมาเป็นอันดับหนึ่ง 19.3% โดยมี พรรคก้าวไกล 12.7% และ พรรคพลังประชารัฐ 12.3 % ตามมา แต่ยังมีประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคไหนอีก 41.5% ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องโน้มน้าวประชาชนกลุ่มนี้ให้มาเลือกพรรคเพื่อไทยให้ได้ โดยเฉพาะประเด็นทางด้านเศรษฐกิจจะเป็นจุดขายหลัก
 
เพราะปัจจุบันประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก และเป็นความล้มเหลวของการบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งตนได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อมาดูเรื่องเศรษฐกิจ
 
ซึ่งเชื่อว่าแนวทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้จะเป็นทางออกให้กับประเทศได้ และจะสามารถโน้มน้าวให้ประชาชนมาเลือกพรรคเพื่อไทยให้มากขึ้นจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้
 
ทั้งนี้จากการติดตามสภาวะเศรษฐกิจของไทยพบว่ามีภาวะเสื่อมถอยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เหมือนที่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีต รองนายกฯ และ รมว.คลัง ได้เตือนไว้แล้วว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเผาจริง โดยล่าสุดธนาคารโลกได้ออกเตือนว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบมากที่สุดในเอเซียตะวันออก โดยจะติดลบที่ -8.3 % และอาจจะลบหนักไปถึง -10.4% และอาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจะฟื้นมาที่เดิม อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เงินอย่างสะเปะสะปะไม่ตรงจุดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
 
นอกจากนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้ออกมาเตือนในหลายเรื่องเช่น ความเหลื่ยมล้ำของรายได้ที่คนรวย 10% มีรายได้มากกว่าคนจน 10% ถึง 20 เท่า อีกทั้งยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่ลูกคนรวยมีอัตราเรียนต่อปริญญาตรี 65.6 % ในขณะที่ลูกคนจนมีเพียง 3.8% เท่านั้น และคนจนในไทยเพิ่มขึ้นระหว่างปี 60-63 ต่อเนื่องจากที่ธนาคารโลกบอกในปี 58-61 ประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านคน
 
ล่าสุด หนี้ครัวเรือนของไทยได้พุ่งสูงถึง 83.8% ของ จีดีพี และอาจพุ่งทะลุ 90% ในปลายปีนี้เมื่อจีดีพีของไทยจะติดลบหนักในขณะที่หนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งประชาชนจะเดือดร้อนกันอย่างมาก และที่สำคัญคือตลอดหลายปีที่ผ่านมาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
 
แถมยังลดลงด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ รายได้ของประชาชนลดลง การส่งออกที่ไม่ขยายตัวเลยตลอด 6 ปี และการลงทุนหดหายแถมยังมีการโยกย้ายฐานการผลิตเช่น บริษัทพานาโซนิคที่เพิ่งจะย้ายออกจากไทยไปเวียดนาม
 
ปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัญหาหลักของประเทศที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะตลอด 6 ปีที่ได้พิสูจน์แล้วว่าบริหารล้มเหลว ซึ่งยิ่งทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น แต่กลับไม่ยอมรับและพยายามโกหกประชาชนมาโดยตลอด
 
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยได้ทราบปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าหากประชาชนให้ความมั่นใจ พรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ไขได้แน่ เพราะเรามีแนวคิดและมีบุคคลากรที่มีความพร้อม แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นเศรษฐกิจซักช่วงหนึ่ง
 
เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีมาอย่างรุนแรงและยาวนาน แต่ยืนยันว่าจะฟื้นได้แน่ โดยหากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศต่อไปเศรษฐกิจไทยจะไม่มีทางฟื้นได้เลย
 


ภูเก็ตขัดแย้งหนัก ส่อเลื่อนเปิดน่านฟ้ารับต่างชาติไปหลัง ”กินเจ”
https://www.prachachat.net/local-economy/news-531191

ผู้ว่าฯภูเก็ตแจงที่ประชุมศูนย์ EOC คนส่วนใหญ่อยากให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลัง”เทศกาลกินเจ” ช่วง 17-25 ต.ค. หวั่นคนไทยยกเลิกมาเที่ยวเจภูเก็ต เงินที่ททท.คาดสะพัด 200 ล้านบาทสูญ
 
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (EOC ท่าอากาศยานภูเก็ต) มี นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมทภก.2 ชั้น 5 อาคารสำนักงาน ท่าอากาศยานภูเก็ต
 
 ที่ประชุมพิจารณาการเตรียมความพร้อมการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทย ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อโควิด19 ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต
 
การเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงแก่ศบค.ส่วนกลางในสัปดาห์หน้า การจัดเตรียมและจัดระเบียบรถรับผู้เดินทาง การซักซ้อมจำลองสถานการณ์จริงก่อนรับผู้เดินทางเข้ามาเพื่อปิดจุดอ่อนได้ทัน ซึ่ง การบริหารจัดการรับนักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตจะเป็นแม่แบบให้กับจังหวัดสุราษฏร์ธานี
 
ที่ประชุมได้สรุปข้อมูลการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อโควิด-19 ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-30 ก.ย.63 จำนวนผู้เดินทางที่ผ่านการคัดกรอง อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 765,147 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ 1,129,571 คน รวม 1,894,718 คน ผู้เดินทางที่เข้าเกณฑ์ PUI  จำนวน 12 คน
 
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมศูนย์EOCภูเก็ตในการเตรียมการที่จะรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ วันนี้เป็นเหมือนการซักซ้อมทุกฝ่ายว่า กรณีถ้าส่วนกลางแจ้งว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจะปฏิบัติกันอย่างไรในขั้นตอนต่างๆตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงสนามบิน ขณะอยู่ที่สนามบิน และก่อนจะไปถึงสถานกักกันตัวทางเลือก(ALSQ)หรือโรงแรมมีการซักซ้อมในรายละเอียดแต่ละขั้นตอนมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนมาก ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันและเตรียมความพร้อม
 
“เราจะสื่อกับทางศบค.ว่าตอนนี้จังหวัดเราพร้อมกรณีที่ได้รับสั่งการให้ปฏิบัติ ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากส่วนกลางว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเมื่อไหร่ ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า การที่จะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเป็นการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ขณะเดียวกันตระหนักและให้ความสำคัญการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รอบที่ 2 เป็นอย่างมาก ดังนั้น มาตรการทุกอย่างจึงดำเนินการอย่างเข้มข้น และเคร่งครัดมากตามข้อสั่งการของศบค. ” นายณรงค์ กล่าวและว่า
 
ขอฝากถึงชาวไทยทั่วประเทศว่า วันที่ 17-25 ตุลาคม นี้ จังหวัดภูเก็ตมีงานสำคัญ คือ งานประเพณีถือศีลกินผัก เป็นงานบุญและเป็นงานที่มาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต วันนี้ภูเก็ตมีธรรมชาติสวยงามมีอาหารการกินที่อร่อย พร้อมรอรับพี่น้องชาวไทย มาเยือนจังหวัดภูเก็ต
 
แหล่งข่าวจากจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเกิดความคิดเห็นขัดแย้งกันอย่างมากเกี่ยวกับการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งนายณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตรับทราบปัญหาดี และได้เคยกล่าวในหลายเวทีว่า ความคิดเห็นของคนภูเก็ตตอนนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มที่เห็นด้วยอย่างยิ่งให้รีบเปิดรับต่างชาติเข้ามา 2.กลุ่มที่ต้องการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาอย่างมีเงื่อนไข และมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น และ3.กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยไม่ต้องการเปิดรับต่างชาติเลย

ล่าสุดวันนี้นายณรงค์ได้กล่าวในที่ประชุม การประชุมคณะทำงานศูนย์ EOC ที่ท่าอากาศยานภูเก็ตว่า ก่อนหน้านี้มีการแสดงความเห็นจากประชาชนว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะมาหลังวันที่ 25 ตุลาคม เนื่องจาก ช่วงระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม คนไทยจำนวนมากจะเข้ามาเที่ยวงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต หลังจบงานนี้น่าจะเริ่มให้ต่างชาติเข้าเกี่ยวกับการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา
 
หากเปิดให้ต่างชาติเข้ามาช่วงนี้จะส่งผลกระทบให้คนไทยที่จองห้องพักต่างๆ ล่วงหน้าเข้ามาช่วงกินเจ ซึ่งททท.สำนักงานภูเก็ตคาดว่าเงินจะสะพัดถึง 200 ล้านบาท อาจจะยกเลิกไม่กล้าเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่