สวัสดีครับ ทริปนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ไปเที่ยวยกแก๊งหลังสถานการณ์โควิด ที่ทุกคนโหยหาการออกไปท่องเที่ยวมาก ครั้งนี้เป็นก๊วนสนามแบด สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพี่น้องที่บริษัทที่ไปตีแบดด้วยกันและครอบครัว ครั้งนี้เน้นกินนอนสบายและเหมารถตู้ไปครับ ขี้เกียจขับรถกัน สุดท้ายเลยเลือกไปปลายตะวัน จันทบุรี ผมเคยไปกินอาหารทะเลบุฟเฟต์ที่จันทบุรีมาแล้วหลายครั้ง ยอมรับเลยว่าคุ้มสุดๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน มาติดตามกันเลยครับ

ครั้งนี้นัดขึ้นรถตู้กันที่บริษัทตอนเจ็ดโมงเช้า เพราะต้องไปถึงปลายตะวันก่อนเที่ยง คือมาเช้ากว่ามาทำงานอีก 555+ ขึ้นรถได้เก็บภาพก่อน 1 รูป จากนั้นแยกย้ายนอน

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงในเวลา 12.00 น. พอดิบพอดี จองไว้เป็นเดือน ต้องเอาให้คุ้ม 555+

มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ทางโฮมสเตย์ก็จัดข้าวเที่ยงไว้รอต้อนรับเลย อร่อยทุกอย่างครับ

กินข้าวเสร็จ ก็เดินชมบรรยากาศรอบๆ ในช่วงรอเอาของไปเก็บที่ห้องพัก ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ประกาศรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ให้เตรียมตัว

เนื่องจากลุ่มที่มาพักก่อนผม เพิ่งออกไป เลยต้องเตรียมทำความสะอาดห้องกันพักใหญ่ ระหว่างรอสาวๆ ก็ไปนั่งตากแอร์ที่ร้านกาแฟของโฮมสเตย์ เย็นสบาย

ก็พอสมควรแก่เวลา เอาของไปเก็บที่ห้อง เวลาประมาณบ่ายสามครึ่ง ตามเวลานัดหมาย ก็มาใส่ชูชีพเพื่อไปล่องแพชมเหยี่ยวแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโฮมสเตย์ เอ้าเก็บภาพกันหน่อยยยย

เตรียมเครื่องดื่มพร้อมแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปขึ้นรถเพื่อลงเรือ ประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึงจุดลงแพแล้วครับ จุดนี้จะรวมหลายโฮมสเตย์มาลงที่จุดเดียวกัน

ออกเดินทางได้ เครื่องดื่มพร้อม ดื่มไปชมวิวไป ถามว่าร้อนไหม ตอบเลยว่าชิลล์ๆ นี่เหมือนนั่งเรือรบสมัยอยุธยาเลยแฮะ >_<

จะมีเหยี่ยวแดงบินมาโฉบให้ดูตลอดทางด้วยครับ มีจุดจอดให้เราลงเล่นน้ำได้ด้วยครับ เล่นกันมันส์เลย ถ้าเครื่องดื่มใครหมด ก็มีเรือ 7-11 ขับมาขายให้เป็นระยะๆ ครับ 555+

จอดเล่นน้ำซักพัก เจ้าหน้าที่ก็พาเรากลับครับ พวกกระป๋องหรือขวดเครื่องดื่มต่างๆ จะต้องเก็บกลับให้หมดนะครับ

กลับมาถึงโฮมสเตย์ประมาณ 5 โมงครึ่ง ก็มาเล่นน้ำที่เครื่องเล่นที่เล็งไว้ตอนมาถึงต่อครับ

เล่นกันเหมือนเด็กเลยพวกเรา ลืมอายุกันไปเลย 555+

จากสไลเดอร์ก็มาต่อกันที่แพลม ตรงนี้เล่นเอาหอบเลยครับ 555+

ถามว่าสู้ไหม ตอบเลยว่า สบายมากกก 555+

และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของทริป คือการกินปุฟเฟต์อาหารทะเล ดูหน้าแต่ละคนสิ เปรมมากกก 555+

กุ้ง หอย ปู ปลา แบบสดๆ เติมได้ไม่อั้น สุดๆ ไปเลยคร๊าบบบบ

อีกซักมุมครับ 

ทางโฮมสเตย์สงสาร เลยเอาอุปกรณ์ในการแกะปูมาให้ สะดวกเลยทีนี้ บอกเลยว่าฟินและคุ้มสุดๆ

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ที่นี้ยังมีเหล้าปั่นขายในราคาเหยือกละ 99 บาท ได้อย่างเยอะ เมาแน่นอนบอกเลย 555+

มีคาราโอเกะให้ร้องด้วยนะครับ แก๊งผมก็จัดกันไป 4-5 เพลง ก่อนจะเดินกลับบ้านพักกัน  สมควรแกเวลา เราก็แยกย้ายนอนครับ เพลียสุดๆ นอนฟังเสียงฝนไปตลอดคืน 555+

ตื่นเช้ามาฝนตกหนักมาก กระหน่ำลงมาตั้งแต่เมื่อคืนครับ วิ่งเก็บผ้ากันวุ่น ตั้งใจว่าจะออกตั้งแต่ 7 โมงคงเลื่อนไปก่อน ตื่นเช้ามาก็นั่งมองดูฝนกันไป 555+

ระหว่างรอฝนหยุดตก ก็อาบน้ำ แต่งตัวกันไป และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ฝนเริ่มซาแล้วครับ เก็บของออกเดินทางได้ ทั้งนี้ที่พักยังมีอาหารเช้าให้อีก 1 มื้อครับ ฟินๆ กันไป

หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปจุดแวะแรกของเราเลย จุดนี้เป็นไฮไลท์สำคัญของจันทบุรี ออกจากที่พักมาไม่ไกลครับ

ถึงแล้วครับ "อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล" เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณริมคลองจันทบุรี ตรงข้ามชุมชนเก่าแก่จันทบูร ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วิหารปัจจุบันนี้เป็นหลังที่ 5 ครับ (ข้อมูลจากวิกิฯ) สวยงามและยิ่งใหญ่มากครับ

และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่ามาเมืองจันทบุรีแล้วด้วย ขอนายแบบ 1 คน 555+

ฝนก็ยังตามเรามาติดๆ ครับ เราจะเดินข้ามไปชุมชนตลาดร้อยปี ฝั่งนู่นนนครับ

ต้องเดินข้ามสะพานแม่น้ำจันทบุรี

ถ่ายจากมุมสะพาน ชุมชนริมน้ำจันทบุรี

เอ้า เดินเร็วๆ ดิเฮ้ยย ฝนจิมาแล้ว 555+

มีจุดให้ถ่ายรูปด้วย บรรกากาศแบบดั่งเดิมครับ จัดไป

จากนั้นก็ต้องรีบเดินต่อครับ ฝนจะมาแล้วววว มีป้ายบอกว่าจะไปทางไหน

ปกติคนจะค่อนข้างเยอะนะครับ แต่นี่ฝนจะตกคนเลยไม่ค่อยมี เก็บภาพไว้เป็นที่ระทึกบ้างงงงง

ของฝากที่นี้ก็มี ของขึ้นชื่อจันทบุรีต้องทุเรียนทอดครับ 555+

เดินจนพอใจแล้วก็ไปยังสถานที่ถัดไปที่เป็นไฮไลน์ของจัทบุรีอีกแห่ง แบบฝนชุ่มๆ ที่แหล่ะ 555+ เป็นจุดสุดท้ายก่อนกลับ กทม.

ถึงแล้วครับ เนินทางพญา แต่ฝนก็ยังตกอยู่ 555+

นี่ขนาดฝนตกคนยังเยอะอยู่เลย งั้นรอคนลงมาก่อนค่อยขึ้น

เรามาเก็บภาพข้างล่างนี้กันก่อน เอ้า แชะ  (เหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะถ่ายกันเลย 555+)

ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ท่ามกลางคำว่าเราที่เป็นอดีตไป... (เอ้ยยไม่ใช่ละ 555+)

คนก็ยังไม่ลงมากัน ไม่รอละ ขึ้นกันไปเลยพวกเรา ลุ้ยยยยย

มุมด้านบนที่มีผู้คนเป็นล้าน 555+

ถ้าฝนไม่ตกมุมนี้จะสวยมากครับ จะเห็นถนนทอดยาวริมทะเล มองเป็นรูปหัวใจเลย

เอ้าถึงฝนจะตก รถจะเยอะแต่ถ้ามองให้มันสวย มันก็สวยในมุมในแบบของมันแหล่ะ
"ภาพ ต่างวันย่อมมองต่างไป ผุพังและมีสร้างใหม่ หมุนเวียนไม่เคยว่างเว้น ดีพร้อม ย่อมไม่มีวันจะเห็น วันคืนผันแปรเช่นไร ภาพคงผันแปรตามไป..." สี่แผ่นดินก็มาจร้า  555+ 

จากนั้นเราก็ยิงยาวกลับ กทม. ถือว่าจบทริปอย่างสวยงามครับ

      ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริป
            1. ค่าโฮมสเตย์ รวมกิจกรรมและอาหาร 3 มื้อ คนละ 1,590 บาท
            2. ค่าเช่ารถตู้ 2 วัน+น้ำมัน รวม 4,000 บาท หาร 8 ตกคนละ 500 บาท
            3. ค่ากินดื่ม นอกเหนือจากที่โฮมสเตย์มีให้ ไม่เกินคนละ 1,000 บาท
            รวมๆ ก็ประมาณ 3,100 บาท (บอกเลยว่าโคตะระคุ้มเลยครับ)

*********

ก็เป็นอีกทริปที่ผมประทับใจครับ ถึงมีเวลาสั่น ที่ๆ ไปไม่เยอะ แต่ก็สนุกสุดๆ ไปเลยครับ หากท่านไหนสนใจตามรอบ แนะนำเลยนะครับ รับรองคุ้มสุดๆ แค่กินปูแบบไม่อั้น อันนี้ก็คุ้มมากแล้ว 555+ แล้วพบกันใหม่ รีวิวหน้าครับผม สวัสดีครับ

ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่
Blog : https://goalonetravel.blogspot.com/
FB Page : https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/