คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
อ้าว มาไม่ทัน อ่านทัน แต่ตอบไม่ทัน ไม่รู้ จขกท จะเข้ามาอ่านอีกไหม แต่ไหนๆ ก็พิมพ์แล้ว ก็ขอ โพสตอบ ก็แล้วกันนะครับ
หลังจากที่ผมได้อ่านเนื้อหาโดยรวมแล้ว ปัญหา หรือ สาเหตุ ที่ทำให้คุณเกิดเป็น ปม ขึ้นมาน่าจะเกิดจากการที่ คุณเป็นคนที่เรียนดี
มาตลอด ประสบความสำเร็จในด้านการเรียนมาตลอด แต่สุดท้าย มาพลาด ครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ ในการสอบครั้งนี้ และดันเป็นการสอบ
ครั้งที่สำคัญที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิต คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในคณะที่คุณอยากสอบเข้ามากที่สุด นั่น คือ คณะแพทย์ (ขออนุญาติ เปรียบ
เหมือนรักแรก น่ะครับ เพราะมันฝังใจ ลืมไม่ค่อยได้) ซึ่ง นั่นทำให้คุณ รู้สึก ผิดหวัง เศร้า เสียใจ โทษตัวเอง และ รู้สึกอับอาย เพื่อนๆ (โดย
เฉพาะ เพื่อนหลายคน ที่คุณรู้สึกว่า เก่งน้อยกว่าคุณด้วยซ้ำ) ฯลฯ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่อง แปลก หรือ ผิดแต่อย่างใดที่คุณจะรู้สึกอย่างนั้น เพราะ
เรื่องนี้ถ้าเกิดกับใครทุกคนก็จะรู้สึกอย่างคุณ และ โดยปกติแล้ว คนที่ประสบเรื่องที่ผิดหวัง เสียใจ นั้น จะเกิดขั้นตอน 5 ประการ ขึ้นมา
(คุณอาจจะได้เรียนผ่านมาแล้ว ที่คณะ) หรือ ที่เรียกว่า 5 Stages of grief ดังนี้คือ
1. ปฏิเสธ และ ปลึกตัว (Denial & Isolation)
2. โกรธ (Anger)
3. ต่อรอง โต้แย้ง (Bargaining) ไม่นะ มันไม่จริงใช่ไม๊
4. ตกอยู่ในความเศร้า (Depression)
5. ยอมรับความจริง (Acceptance) และ
เดินจากมันออกมา(อันนี้ผมเติมเอง)
ซึ่ง ทั้ง 4 stage นี้คุณได้ผ่านมัน ไปๆ มาๆ แล้ว แต่ stage สุดท้าย คุณยังก้าวผ่านมันไม่พ้น ซึ่ง stage 5 นี้มันเป็น stage ที่คนส่วนใหญ่
ก้าวผ่านมันออกมาได้ ยากที่สุด บางคนไม่สามารถผ่านมันออกมาเลยทั้งชีวิตก็มี ผมเคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง มีเนื้อหาอยู่ว่า มันเป็นเรื่องที่
แปลกมากๆ ว่า ถ้าเราทำให้เกิดบาดแผลบนตัวเรา เช่น ทำมีดบาดนิ้ว สิ่งที่เราทำคือ เราจะเอามีดออกไป ไปทำแผล เจ็บแผล แผลหาย ค่อยๆ ลืม
เหตุการณ์ และ ความเจ็บ นั้นไป ยิ่งนานวัน เหตุการณ์นั้น ความเจ็บนั้น ยิ่งเลือนหายลงไปทุกทีๆ แต่ตรงกันข้ามกับการบาดเจ็บทางใจ ถ้าเรา
หรือ คน อื่นทำให้เกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้เกิดแผลทางใจ เรากลับ ปล่อยแผลนั้นไว้ แล้วเรากลับไปคิด (ไปเอามีด มากรีดซ้ำ แผลเดิม) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อยู่ เรื่อยไป ไม่หยุดไม่หย่อน นั้นคือ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ก้าวไม่พ้น stage ที่ 5 เพราะหยุดคิดอีกไม่ได้นั้นเอง
แล้วจะทำอย่างไร ให้หลุดพ้น จาก stage ที่ 5 นี้ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็จะบอกว่า คุณก็ต้องปล่อยวาง อดีต ไป มันผ่านไปแล้ว
มันแก้ไขอะไรไม่ได้ ปลงซะ บลาๆๆๆๆ ซึ่งก็นะ ใครๆ ก็พูดได้ ปะล่ะ แต่คนที่เจอ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น (แต่ก็มีหลายคนปล่อยวางมันได้นะครับ)
เพราะ มันเป็นการสูญเสีย ทั้งความมั่นใจ เสียโอกาส เสีย self เสียเวลา ฯลฯ ......... เพราะฉะนั้นการที่จะแก้ได้ ต้องมีสิ่งที่มาชดเชย ให้กับสิ่ง
ที่เสียไป อารมณ์เหมือนกับ คนที่ อกหักในรักแรก เสียใจ ฟูมฟาย ท้อแท้ สิ้นหวัง อายเพื่อน ไม่กล้า เข้า เฟช เข้า ไลน์ เพราะตัวเองถูก ผู้เท อนาคต
สิ้นหวังแล้ว .. สองวันต่อมา มี หนุ่มหล่อ นิสัยดี ขี้เล่น จริงใจ หล่อเหมือน ณเดช ย้ายมาข้างห้อง เข้ามาจีบ มาขอเบอร์ เท่านั้นล่ะ เฟช เอย ไลน์
เอย ของเพื่อน เด้งตลอด ถ่ายรูปคู่ผู้ ไปอวดเพื่อนๆ ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หายไปไหนไม่รู้ จำแทบไม่ได้เลย เพราะอะไรครับ เพราะมันถูกทด
แทนด้วยสิ่งที่ดีกว่า(ดีกว่า แฟนเก่าเป็นไหนๆ ทั้งเอาแต่ใจ ซกมก เอาแต่เล่นเกม ฯลฯ ทำไม่ตูโง่ ไปเสียใจอยู่ตั้งนาน) แล้วก็จะผ่าน stage ที่ 5
นี้ไปได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายกว่าวิธีแรก คือ การปล่อยวาง การไม่คิดถึงมัน มากๆๆๆๆ
เอาล่ะเกริ่นมามากแล้ว แล้วกรณีคุณล่ะ จะหาอะไรมาชดเชยให้กับสิ่งที่เสียไป เพื่อที่จะทำให้คุณลืมปมในอดีต เพราะวิธี แรก คือ
การปล่อยวาง แอ๊ดๆๆ (เสียงออดมาแต่ไกล) คุณไม่ผ่าน ต้องวิธีที่ สอง คือ หาสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ผมเห็นและคิดว่าพอจะมา เยียวยา
ความสูญเสีย (เหมือน หนุ่มหล่อ ข้างบน) นั้น ก็คือ
1. คุณได้รู้แล้วว่าใครบ้าง ที่เป็นเพื่อนที่ดีของคุณ ใครที่ห่วงใยคุณ ในวันที่คุณเจอปัญหา เพราะจะรู้ว่าใครเป็นเพื่อนแท้ก็ยามยากนี้
แหละครับ กำไรเห็นๆ
2. คุณโชคดีแล้วครับที่ได้เป็น ท้นตแพทย์ ไม่ได้เป็น แพทย์ ทำไมหรือครับ ผมจะแยกให้เป็นข้อๆ เลยนะครับ (อันนี้เป็นความคิด
ของผมคนเดียวนะครับ ย้ำนะครับ คนอื่นอาจเห็นต่างจากผม)
อาชีพ แพทย์ โคตรเหนื่อยเลย วันนึงตรวจคนไข้ ถ้าเป็น รัฐบาล เป็นร้อยคน นะครับ บางวัน สองร้อยคน ถ้าคนไข้เยอะ
พักเที่ยงเหรอ อย่าไปหวังมาก ลืมๆ มันไปซะ ไว้กินรวบเลยตอนเย็น นี้ยังไม่นับรวมเจอคนไข้ประเภท 5 ดาว อีก รู้กันนะ
อาชีพ ทันตแพทย์ วันนึง คนไข้ 10-15 คน บางวัน อาจจะถึง 20 คน บาง รพ. มีโควต้า รับวันล่ะไม่เกิน 15 case คนไข้
หนึ่งคนทำได้ครั้งล่ะอย่าง แบ่งกันไป อุดซี่ ถอนซี่ไม่ได้นะครับ ต้องมาใหม่ นั่งฟังเพลงไป กรอไป แก็กๆๆ ชิวๆ เที่ยงก็พัก เพราะคนไข้
รอได้ ยกเว้นปวดฟัน ปวดฟันคุด แก้มโย้มาเลย ก็ รักษาก่อนคนไข้รายอื่นที่รอได้
อาชีพ แพทย์ ต้องมาอยู่เวรนะครับ บางครั้งอยู่เวรติดกัน สองวัน สองคืน ซ้อน ไม่ได้นอน 48 ชม. ซอมบี้ยังอายเลยนะ โดย
เฉพาะวันหยุด เทศกาล ปึใหม่ สงกรานต์ อย่าได้หวัง จะได้หยุด ไปเที่ยวกับแฟน ฝันไปเถอะ บาง เสาร์-อาทิตย์ ยังไม่ได้หยุดเลย
อาชีพ ทันตแพทย์ อะไรนะอยู่เวร เป็นไงไม่รู้จัก รู้จักแต่ เสาร์-อาทิตย์ ไปรับจ๊อบเพิ่มตามคลินิก ไม่ก็ไปเที่ยว ช๊อปปิ้ง เทศกาล
ปีใหม่ ฉันนัดแฟนไว้ ไปทะเล ไปภูเขา อะเธอ รพ. ปิด คลินิกก็ปิด แหม ของมันต้องไป
อาชีพ แพทย์ ปัจจุบันเสี่ยงมากมาย โดยเฉพาะแพทย์ ตามห้องฉุกเฉิน สูติแพทย์ ฯลฯ เพราะคนไข้เยอะ โอกาสผิดพลาดสูง
แพทย์ก็น้อย เมื่อคืนก็อยู่เวรมาไม่ได้นอนเลย ตอนเช้าต้องมาตรวจอีก พลาดที ความรู้สึกผิด อนาคต อาจแย่ได้ ซึ่งในกรณีนี้ ผมว่าสภาพ
จิตใจคุณไม่เหมาะถ้าคุณเกิด แจ๊คพอต เจอความผิดพลาดขึ้นมา โดยเฉพาะถ้าเกิดคนไข้เสียชีวิตขึ้นมา ทั้งๆ ที่คุณทำสุดความสามารถแล้ว
แต่แน่นอน ไม่ใช่กับความคิดของผู้สูญเสีย คือ ญาตของผู้ป่วย อาจจะ blame คุณ โทษคุณ คุณจะเจอสภาพที่หนัก กว่าที่คุณเจอทุกวันนี้
อีก คุณจะไม่สามารถ move on ผ่านมันไปได้แน่ๆ เพราะฉะนั้น ผมถึงบอกคุณว่า คุณ โชคดีแล้วที่ไม่ได้เป็น แพทยฺ์ คุณอาจคิดว่าสิ่ง
ที่เกิดกับคุณเป็น การลงโทษ แต่ ผมกลับเห็นว่า มันเป็น รางวัล ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บุญ กรรม ฯลฯ ที่มอบให้กับคุณไว้ ให้คุณเจอสิ่งที่ดีเหมาะสม
กับคุณมากกว่า (อย่างที่บอกไว้ นะครับ ในความคิดของผม)
อาชีพ ทันตแพทย์ ความเสี่ยงน้อยมากกว่าเยอะ เพราะ เคส ฉุกเฉิน จริงๆ มีน้อยกว่า มาก โอกาสที่ทำอะไรแล้วเกิดข้อผิดพลาด
ก็น้อยกว่า ความาเครียดในการปฏิบัติหน้าที่ก็น้อยกว่า การยอมรับในสังคมก็ไม่น้อยไปกว่า แพทย์
อาชีพ แพทย์ รายได้สูง แน่ล่ะ ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน หลับไปยังฝัน ว่าตรวจคนไข้อยู่เลย
อาชีพ ทันตแพทย์ รายได้ ไม่ต่าง กับ แพทย์ บางคนรายได้มากกว่าอีก ถ้าขยัน
แหมพิมพ์มาตั้งมากมาย อาชีพทันตแพทย์ ดีหมดเลยหรือ ไม่หรอกครับ มีหลายอย่างที่ไม่ค่อยดี เช่น ทันตแพทย์ ทุกคนที่ผมรู้จัก โดยเฉพาะ
ที่เป็น ผู้หญิง ตอนอายุมากขึ้น หลังค่อม ทุกคนเลย คงเป็นเพราะว่า ต้องก้มหน้าทำฟันให้คนไข้ตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้น คุณต้องใส่ใจในการออก
กำลังกายทุกวัน โยคะ ว่ายน้ำ ฯลฯ จะได้ไม่เป็น อีกอย่างที่นึกได้ เวลาที่เจอคนไข้ ที่มีกลิ่นปากแรงๆ นี่ สุดยอดเลยครับ ทฤษฎสัมพัทธภาพของ ไอ
สไตน์ ทำงานเลยครับ เวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน นอกเรื่องไปละ กลับมาที่ ปม ที่คุณเจอ อย่างที่ผมบอก คุณต้องหา สิ่งที่มาชดเชยสิ่งที่คุณ
รู้สึกสูญเสียไป เพื่อมาบรรเทา หรือ รักษาความรู้สึกล้มเหลวนั้นไป อาจจะเป็นสิ่งดีๆ ที่ผมยกตัวอย่างไว้ข้างบน นี้ หรือ สิ่งที่คุณจะหาเจอในอนาคต
ขออย่างเดียวว่า คุณจะต้องไม่หยุดหามัน แล้วซักวันคุณจะเจอ กับ ณเดช เอ๊ย สิ่งที่มาทดแทน หรือ ชดเชยสิ่งที่คุณสูญเสียไป หวังไปว่าคุณจะเจอ
มันเข้าซักวันหนึ่ง แล้วก้าวข้าม stage 5 ไปได้ ขอให้คุณโชคดีครับ
หลังจากที่ผมได้อ่านเนื้อหาโดยรวมแล้ว ปัญหา หรือ สาเหตุ ที่ทำให้คุณเกิดเป็น ปม ขึ้นมาน่าจะเกิดจากการที่ คุณเป็นคนที่เรียนดี
มาตลอด ประสบความสำเร็จในด้านการเรียนมาตลอด แต่สุดท้าย มาพลาด ครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ ในการสอบครั้งนี้ และดันเป็นการสอบ
ครั้งที่สำคัญที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิต คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในคณะที่คุณอยากสอบเข้ามากที่สุด นั่น คือ คณะแพทย์ (ขออนุญาติ เปรียบ
เหมือนรักแรก น่ะครับ เพราะมันฝังใจ ลืมไม่ค่อยได้) ซึ่ง นั่นทำให้คุณ รู้สึก ผิดหวัง เศร้า เสียใจ โทษตัวเอง และ รู้สึกอับอาย เพื่อนๆ (โดย
เฉพาะ เพื่อนหลายคน ที่คุณรู้สึกว่า เก่งน้อยกว่าคุณด้วยซ้ำ) ฯลฯ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่อง แปลก หรือ ผิดแต่อย่างใดที่คุณจะรู้สึกอย่างนั้น เพราะ
เรื่องนี้ถ้าเกิดกับใครทุกคนก็จะรู้สึกอย่างคุณ และ โดยปกติแล้ว คนที่ประสบเรื่องที่ผิดหวัง เสียใจ นั้น จะเกิดขั้นตอน 5 ประการ ขึ้นมา
(คุณอาจจะได้เรียนผ่านมาแล้ว ที่คณะ) หรือ ที่เรียกว่า 5 Stages of grief ดังนี้คือ
1. ปฏิเสธ และ ปลึกตัว (Denial & Isolation)
2. โกรธ (Anger)
3. ต่อรอง โต้แย้ง (Bargaining) ไม่นะ มันไม่จริงใช่ไม๊
4. ตกอยู่ในความเศร้า (Depression)
5. ยอมรับความจริง (Acceptance) และ
เดินจากมันออกมา(อันนี้ผมเติมเอง)
ซึ่ง ทั้ง 4 stage นี้คุณได้ผ่านมัน ไปๆ มาๆ แล้ว แต่ stage สุดท้าย คุณยังก้าวผ่านมันไม่พ้น ซึ่ง stage 5 นี้มันเป็น stage ที่คนส่วนใหญ่
ก้าวผ่านมันออกมาได้ ยากที่สุด บางคนไม่สามารถผ่านมันออกมาเลยทั้งชีวิตก็มี ผมเคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง มีเนื้อหาอยู่ว่า มันเป็นเรื่องที่
แปลกมากๆ ว่า ถ้าเราทำให้เกิดบาดแผลบนตัวเรา เช่น ทำมีดบาดนิ้ว สิ่งที่เราทำคือ เราจะเอามีดออกไป ไปทำแผล เจ็บแผล แผลหาย ค่อยๆ ลืม
เหตุการณ์ และ ความเจ็บ นั้นไป ยิ่งนานวัน เหตุการณ์นั้น ความเจ็บนั้น ยิ่งเลือนหายลงไปทุกทีๆ แต่ตรงกันข้ามกับการบาดเจ็บทางใจ ถ้าเรา
หรือ คน อื่นทำให้เกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้เกิดแผลทางใจ เรากลับ ปล่อยแผลนั้นไว้ แล้วเรากลับไปคิด (ไปเอามีด มากรีดซ้ำ แผลเดิม) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อยู่ เรื่อยไป ไม่หยุดไม่หย่อน นั้นคือ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ก้าวไม่พ้น stage ที่ 5 เพราะหยุดคิดอีกไม่ได้นั้นเอง
แล้วจะทำอย่างไร ให้หลุดพ้น จาก stage ที่ 5 นี้ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็จะบอกว่า คุณก็ต้องปล่อยวาง อดีต ไป มันผ่านไปแล้ว
มันแก้ไขอะไรไม่ได้ ปลงซะ บลาๆๆๆๆ ซึ่งก็นะ ใครๆ ก็พูดได้ ปะล่ะ แต่คนที่เจอ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น (แต่ก็มีหลายคนปล่อยวางมันได้นะครับ)
เพราะ มันเป็นการสูญเสีย ทั้งความมั่นใจ เสียโอกาส เสีย self เสียเวลา ฯลฯ ......... เพราะฉะนั้นการที่จะแก้ได้ ต้องมีสิ่งที่มาชดเชย ให้กับสิ่ง
ที่เสียไป อารมณ์เหมือนกับ คนที่ อกหักในรักแรก เสียใจ ฟูมฟาย ท้อแท้ สิ้นหวัง อายเพื่อน ไม่กล้า เข้า เฟช เข้า ไลน์ เพราะตัวเองถูก ผู้เท อนาคต
สิ้นหวังแล้ว .. สองวันต่อมา มี หนุ่มหล่อ นิสัยดี ขี้เล่น จริงใจ หล่อเหมือน ณเดช ย้ายมาข้างห้อง เข้ามาจีบ มาขอเบอร์ เท่านั้นล่ะ เฟช เอย ไลน์
เอย ของเพื่อน เด้งตลอด ถ่ายรูปคู่ผู้ ไปอวดเพื่อนๆ ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หายไปไหนไม่รู้ จำแทบไม่ได้เลย เพราะอะไรครับ เพราะมันถูกทด
แทนด้วยสิ่งที่ดีกว่า(ดีกว่า แฟนเก่าเป็นไหนๆ ทั้งเอาแต่ใจ ซกมก เอาแต่เล่นเกม ฯลฯ ทำไม่ตูโง่ ไปเสียใจอยู่ตั้งนาน) แล้วก็จะผ่าน stage ที่ 5
นี้ไปได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายกว่าวิธีแรก คือ การปล่อยวาง การไม่คิดถึงมัน มากๆๆๆๆ
เอาล่ะเกริ่นมามากแล้ว แล้วกรณีคุณล่ะ จะหาอะไรมาชดเชยให้กับสิ่งที่เสียไป เพื่อที่จะทำให้คุณลืมปมในอดีต เพราะวิธี แรก คือ
การปล่อยวาง แอ๊ดๆๆ (เสียงออดมาแต่ไกล) คุณไม่ผ่าน ต้องวิธีที่ สอง คือ หาสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ผมเห็นและคิดว่าพอจะมา เยียวยา
ความสูญเสีย (เหมือน หนุ่มหล่อ ข้างบน) นั้น ก็คือ
1. คุณได้รู้แล้วว่าใครบ้าง ที่เป็นเพื่อนที่ดีของคุณ ใครที่ห่วงใยคุณ ในวันที่คุณเจอปัญหา เพราะจะรู้ว่าใครเป็นเพื่อนแท้ก็ยามยากนี้
แหละครับ กำไรเห็นๆ
2. คุณโชคดีแล้วครับที่ได้เป็น ท้นตแพทย์ ไม่ได้เป็น แพทย์ ทำไมหรือครับ ผมจะแยกให้เป็นข้อๆ เลยนะครับ (อันนี้เป็นความคิด
ของผมคนเดียวนะครับ ย้ำนะครับ คนอื่นอาจเห็นต่างจากผม)
อาชีพ แพทย์ โคตรเหนื่อยเลย วันนึงตรวจคนไข้ ถ้าเป็น รัฐบาล เป็นร้อยคน นะครับ บางวัน สองร้อยคน ถ้าคนไข้เยอะ
พักเที่ยงเหรอ อย่าไปหวังมาก ลืมๆ มันไปซะ ไว้กินรวบเลยตอนเย็น นี้ยังไม่นับรวมเจอคนไข้ประเภท 5 ดาว อีก รู้กันนะ
อาชีพ ทันตแพทย์ วันนึง คนไข้ 10-15 คน บางวัน อาจจะถึง 20 คน บาง รพ. มีโควต้า รับวันล่ะไม่เกิน 15 case คนไข้
หนึ่งคนทำได้ครั้งล่ะอย่าง แบ่งกันไป อุดซี่ ถอนซี่ไม่ได้นะครับ ต้องมาใหม่ นั่งฟังเพลงไป กรอไป แก็กๆๆ ชิวๆ เที่ยงก็พัก เพราะคนไข้
รอได้ ยกเว้นปวดฟัน ปวดฟันคุด แก้มโย้มาเลย ก็ รักษาก่อนคนไข้รายอื่นที่รอได้
อาชีพ แพทย์ ต้องมาอยู่เวรนะครับ บางครั้งอยู่เวรติดกัน สองวัน สองคืน ซ้อน ไม่ได้นอน 48 ชม. ซอมบี้ยังอายเลยนะ โดย
เฉพาะวันหยุด เทศกาล ปึใหม่ สงกรานต์ อย่าได้หวัง จะได้หยุด ไปเที่ยวกับแฟน ฝันไปเถอะ บาง เสาร์-อาทิตย์ ยังไม่ได้หยุดเลย
อาชีพ ทันตแพทย์ อะไรนะอยู่เวร เป็นไงไม่รู้จัก รู้จักแต่ เสาร์-อาทิตย์ ไปรับจ๊อบเพิ่มตามคลินิก ไม่ก็ไปเที่ยว ช๊อปปิ้ง เทศกาล
ปีใหม่ ฉันนัดแฟนไว้ ไปทะเล ไปภูเขา อะเธอ รพ. ปิด คลินิกก็ปิด แหม ของมันต้องไป
อาชีพ แพทย์ ปัจจุบันเสี่ยงมากมาย โดยเฉพาะแพทย์ ตามห้องฉุกเฉิน สูติแพทย์ ฯลฯ เพราะคนไข้เยอะ โอกาสผิดพลาดสูง
แพทย์ก็น้อย เมื่อคืนก็อยู่เวรมาไม่ได้นอนเลย ตอนเช้าต้องมาตรวจอีก พลาดที ความรู้สึกผิด อนาคต อาจแย่ได้ ซึ่งในกรณีนี้ ผมว่าสภาพ
จิตใจคุณไม่เหมาะถ้าคุณเกิด แจ๊คพอต เจอความผิดพลาดขึ้นมา โดยเฉพาะถ้าเกิดคนไข้เสียชีวิตขึ้นมา ทั้งๆ ที่คุณทำสุดความสามารถแล้ว
แต่แน่นอน ไม่ใช่กับความคิดของผู้สูญเสีย คือ ญาตของผู้ป่วย อาจจะ blame คุณ โทษคุณ คุณจะเจอสภาพที่หนัก กว่าที่คุณเจอทุกวันนี้
อีก คุณจะไม่สามารถ move on ผ่านมันไปได้แน่ๆ เพราะฉะนั้น ผมถึงบอกคุณว่า คุณ โชคดีแล้วที่ไม่ได้เป็น แพทยฺ์ คุณอาจคิดว่าสิ่ง
ที่เกิดกับคุณเป็น การลงโทษ แต่ ผมกลับเห็นว่า มันเป็น รางวัล ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บุญ กรรม ฯลฯ ที่มอบให้กับคุณไว้ ให้คุณเจอสิ่งที่ดีเหมาะสม
กับคุณมากกว่า (อย่างที่บอกไว้ นะครับ ในความคิดของผม)
อาชีพ ทันตแพทย์ ความเสี่ยงน้อยมากกว่าเยอะ เพราะ เคส ฉุกเฉิน จริงๆ มีน้อยกว่า มาก โอกาสที่ทำอะไรแล้วเกิดข้อผิดพลาด
ก็น้อยกว่า ความาเครียดในการปฏิบัติหน้าที่ก็น้อยกว่า การยอมรับในสังคมก็ไม่น้อยไปกว่า แพทย์
อาชีพ แพทย์ รายได้สูง แน่ล่ะ ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน หลับไปยังฝัน ว่าตรวจคนไข้อยู่เลย
อาชีพ ทันตแพทย์ รายได้ ไม่ต่าง กับ แพทย์ บางคนรายได้มากกว่าอีก ถ้าขยัน
แหมพิมพ์มาตั้งมากมาย อาชีพทันตแพทย์ ดีหมดเลยหรือ ไม่หรอกครับ มีหลายอย่างที่ไม่ค่อยดี เช่น ทันตแพทย์ ทุกคนที่ผมรู้จัก โดยเฉพาะ
ที่เป็น ผู้หญิง ตอนอายุมากขึ้น หลังค่อม ทุกคนเลย คงเป็นเพราะว่า ต้องก้มหน้าทำฟันให้คนไข้ตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้น คุณต้องใส่ใจในการออก
กำลังกายทุกวัน โยคะ ว่ายน้ำ ฯลฯ จะได้ไม่เป็น อีกอย่างที่นึกได้ เวลาที่เจอคนไข้ ที่มีกลิ่นปากแรงๆ นี่ สุดยอดเลยครับ ทฤษฎสัมพัทธภาพของ ไอ
สไตน์ ทำงานเลยครับ เวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน นอกเรื่องไปละ กลับมาที่ ปม ที่คุณเจอ อย่างที่ผมบอก คุณต้องหา สิ่งที่มาชดเชยสิ่งที่คุณ
รู้สึกสูญเสียไป เพื่อมาบรรเทา หรือ รักษาความรู้สึกล้มเหลวนั้นไป อาจจะเป็นสิ่งดีๆ ที่ผมยกตัวอย่างไว้ข้างบน นี้ หรือ สิ่งที่คุณจะหาเจอในอนาคต
ขออย่างเดียวว่า คุณจะต้องไม่หยุดหามัน แล้วซักวันคุณจะเจอ กับ ณเดช เอ๊ย สิ่งที่มาทดแทน หรือ ชดเชยสิ่งที่คุณสูญเสียไป หวังไปว่าคุณจะเจอ
มันเข้าซักวันหนึ่ง แล้วก้าวข้าม stage 5 ไปได้ ขอให้คุณโชคดีครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากปรึกษาเรื่องในใจที่ก้าวผ่านได้ยากของหมอฟันน้อยคนนึงค่ะ (เป็นเรื่องทั่วไปนะคะ ไม่เกี่ยวกับการทำฟัน)