เป็นสิวคือมันก็เครียดอยู่แล้วนะคะ แต่เราเคยเครียดถึงขั้นเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากเจอเพื่อน ไม่อยากเจอหน้าใครเลยค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย(ตอนนี้เราทำงานแล้วค่ะ) คือก่อนหน้านี้ เราไม่ได้เป็นสิวหนักอะไรนะคะ เป็นแบบเม็ดสองเม็ดช่วงรอบเดือนมา หรือว่าช่วงที่แต่งหน้าหนาๆ
แต่ปัญหาคือ สิวมันดันหนักขึ้นเรื่อยๆ จากเม็ดสองเม็ด กลายเป็นเต็มหน้าเห่อขึ้นมาเลย ทั้งๆที่เราใช้ทุกอย่างเหมือนเดิมนะคะ ก็คิดว่าแพ้น้ำ แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นเดี๋ยวก็หาย หมั่นทาเจลแต้มสิวบ่อยๆเพื่อรักษากันไป แบบไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็หนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ ไม่มีวี่แววจะเบาลง ทั่วหน้าเลยค่ะ ที่แก้มก็มี ข้างขมับ หน้าผากก็มีสิวค่ะ มาเต็มทั้งหมด แล้วมันน่าเกลียดมาก เหมือนวงจรสิวเพราะ เม็ดเก่าก็ยังไม่ยุบ สิวเม็ดใหม่ก็ขึ้นมาอีกแล้ว
ตอนนั้นเรายังยอมรับไม่ได้ เพราะสิวคือมาเต็มหน้า รอยสิวก็เต็ม แล้วก็คิดว่า ถ้าเป็นสิวแพ้เหมือนคนอื่นๆ ผิวหน้าเราไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมแน่ๆ ต้องรักษาเป็นปีๆ ทนหน้าพังมีรอยแผลเป็นจากสิว คือเรายอมรับไม่ได้ เราไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ ก็ปลอบใจตัวเองไปเรื่อยๆ จนเพื่อนผู้ชายในห้องที่เคยคุยกันแบบเหมือนจะคบแต่ไม่ได้คบ ทักเลยจ้า ว่า ดูแลตัวเองบ้างนะ “ดูดิ(พร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าเรา) สิวขึ้นเต็มเลย แต่งหน้ากลบไม่มิดแล้วเนี่ย” แบบคนเต็มหน้าห้องเลยค่ะ เพราะมันหลังเลิกคลาสเรียนและทักเสียงดังมาก เราก็อ้ำอึ้งแบบไม่คิดว่าจะมีใครมาทักและไม่อยากให้ใครมาทักด้วย ยิ่งเป็นคนที่เคยคุยอ่ะ โค-ตะ-ระ รู้สึกอายและเสียหน้าขั้นสุด
แล้วพอเค้าทักมันเหมือนว่า ยิ่งตอกย้ำเราอ่ะ เราแย่เลยนะ กลับมาถึงห้องคิดเลย สงสัยผิวหน้าเราคงแย่จริงๆเค้าถึงทักขนาดนี้ แล้วดันเป็นเพื่อนผู้ชายมาทักด้วย อายมากค่ะ คือถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงทักอาจจะไม่รู้สึกอะไร ฟีลแบบเพื่อนผู้หญิงแชร์กัน ทักกันด้วยความห่วงใย แต่พอเป็นผู้ชายมันมีความรู้สึกแบบ เออ ผิวหน้าเรามันแย่จนผู้ชายยังทักยังพูดอ่ะ รู้สึกไม่ดีไปเลยค่ะ ก็คิดเลยว่า ไม่ได้ล่ะ ต้องเริ่มรักษาแล้ว
อันนี้ตอนทยอยขึ้นช่วงแรกๆค่ะ ช่วงนั้นไม่ค่อยได้ถ่ายไว้เท่าไหร่
ครั้งแรกที่เริ่มรักษา เราก็ใช้ครีมแบบทั่วๆไปนะ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมาก เพราะก็มีคนบอกมาว่า สิวเห่อแบบเราเนี่ย เดี๋ยวก็ยุบเองไปตามวัย แต่ก็ไม่หายค่ะ สิวยังเท่าเดิม ไม่ยุบ แต่ก็ยังดีไม่เพิ่ม แล้วระหว่างที่รักษาด้วยการทาครีมไป มันก็เริ่มมีปัญหาชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ เพราะสิวมันเยอะ หาอะไรกลบมันไม่ได้ค่ะ ยิ่งกลบยิ่งเห็นรอยสิวชัด เด่นหนาเชียว ก็อายค่ะ ทำให้ไม่กล้าแต่งหน้า ไม่กล้าเงยหน้าไปสบตาไปเจอใครเลย แบบเราไม่มั่นหน้ามั่นใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วไง กลัวคนทักแบบคราวก่อนด้วย เลยชอบก้มๆหน้าบ่อยๆค่ะ เลยทำให้เราเป็นคนชอบเดินก้มหน้าไปพักนึง ไม่กล้าสบตาคนเลย
แล้วก็มีกลุ่มเพื่อนด้วยที่มีปัญหาซึ่งอันนี้เพื่อนไม่ผิดเลยนะคะ มันเป็นที่เราเอง เพราะว่าเพื่อนเราหน้าใสมากๆ แบบในกลุ่มเราเป็นผู้หญิงหมดเลยทุกคนแทบจะไม่เป็นสิวเลย บางคนรอยสิวสักนิดก็ไม่มี มีเราเป็นสิวคนเดียว ก็เหมือนเราเป็นแกะดำอ่ะค่ะ เหมือนเค้าแก๊งนางฟ้าแล้วเราเป็นจุดดำ หน้าสิวคนเดียวในกลุ่ม ใครมองมาก็เห็นเรา เพ่งเราก่อน มันก็ทำให้เรายิ่งไม่อยากไปไหนมาไหนกับเพื่อน เลี่ยงได้เลี่ยง เพราะเคยไปด้วยกันเจอเพื่อนอีกกลุ่มเค้าก็ทัก “ทำไมหน้าเราเป็นสิวเยอะจัง ทำไมไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น” อะไรแบบนี้ค่ะ ซึ่งอันนี้แย่มาก เพราะมันทำให้เราห่างกับเพื่อนไปพอสมควร คือถ้าเพื่อนไม่มาหาที่หอ ก็ไม่ได้เจอเพราะเราไม่ยอมออกไปไหน ไม่อยากออกไปให้ใครเปรียบเทียบ มันทุกข์ใจจริงๆ ใครไม่เคยเป็นต้องไม่เข้าใจแน่ๆ
แล้วพอไม่มีเพื่อนแล้วอยู่คนเดียว เราเคว้งหนักค่ะ เคยมีวันที่นั่งส่องหน้าตัวเองเป็นชั่วโมงๆ บอกตัวเองว่าสิวเดี๋ยวก็หายๆ จนร้องไห้ออกมาเพราะมันไม่หายสักทีก็มี บ่อยด้วย ยิ่งวันไปเรียนก็พูดตรงๆค่ะว่า ไม่อยากไปเรียน ไม่อยากไปเจอหน้าใคร คือมันรู้สึกแย่มากที่เคยผิวหน้าดีมาก่อน พอสิวเต็มหน้า ทุกคนทักค่ะ ตั้งแต่หน้าคณะยันหลังคณะ เพื่อนบางคนก็มองๆแต่ไม่กล้าถาม แต่สายตาอ่ะ บอกเลยว่า อยากรู้หนักมากว่าเราไปทำอะไรมาชัดเจน และมีที่หนักกว่าคือ เพื่อนบางคนมาตามขายครีมในเน็ตที่รักษาสิวค่ะ แอดเรามาเลย บอกเป็นขั้นตอนเอารูปตัวเองเปรียบเทียบส่งมาให้เราดูซื้อของเค้า คือเราไม่โอเคมากๆ เพราะที่เราเป็นอยู่เราก็แย่พอแล้วอ่ะ พอเจออะไรแบบนี้เหมือนซ้ำเติม ดูใครๆใส่ใจกับผิวหน้าเราเกินไปมากๆทั้งๆที่ไม่สนิทกันเลย พอยิ่งมาทักกัน ก็เหมือนยิ่งย้ำให้เค้ารู้สึกแย่กับผิวหน้าตัวเองจริงๆนะ
ซึ่งปีแรกของการรักษาสิวไม่ได้อะไรเลยค่ะ ไม่หาย แต่ก็มีข้อดีตรงที่เริ่มยอมรับว่าตัวเองเป็นสิวได้แล้ว คิดไว้แค่ว่า ยอมหน้าผีแค่ปีเดียวเพื่อรักษาสิว คิดงี้เลยค่ะ ทำให้กล้าที่จะออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนได้บ้าง แต่ก็มีใส่แมสปิดสิวไว้ตลอด ก็ถือว่าเริ่มใช้ชีวิตได้ค่ะ
คนที่เคยทักก็เลิกทักแล้ว เพราะคงชินแล้วแหละ
ก็เลิกทัก เลิกถามกันไปเองค่ะ ทำให้เราเลิกกังวลตรงนั้นหันกลับมารักษาสิวด้วยตัวเอง รักษาด้วยสกินแคร์ครีมบำรุงที่มันเหมาะกับคนเป็นสิวจริงๆ ตามสภาพผิวเรา แล้วก็บอกเลยว่า การอ่านรีวิวมหากาพย์รักษาสิวมันช่วยได้จริงๆ ส่วนหนึ่งที่เราอยากจะรักษาสิวและมีกำลังใจให้ตัวเอง เริ่มจากตรงนี้เลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้สกินแคร์ที่ดีแล้ว ยังได้เห็นว่าบางคนเป็นหนักกว่าเรามากๆ เค้ายังหายเลย เราก็ต้องหายค่ะ ต้องหายได้ แค่ต้องทำความเข้าใจผิวเราและค่อยๆใช้เวลากับมันเท่านั้นเอง
เริ่มจากเปลี่ยนสกินแคร์ที่ใช้ค่ะ เพราะผิวเราเนี่ยมีปัญหาหนักมาก จะไปใช้อะไรมั่วๆไม่ได้ ก็จะเน้นเป็นพวกสกินแคร์ที่อ่อนโยน ไปทางแนวเวชสำอางอะไรแบบนี้ เพราะมันน่าจะปลอดภัยกับผิวมากกว่าครีมทั่วๆไป เป็นแบรนด์ที่คนนิยมกัน มีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ หาซื้อได้ตามห้างร้านต่างๆ
คลีนซิ่งล้างหน้าเป็นด่านแรกของการดูแลหน้าค่ะ ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้า แค่ทากันแดดอย่างเดียวก็ควรล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งนะ เราใช้เป็น Bioderma สีชมพู เช็ดหน้าก่อนล้างหน้าทุกวัน จะช่วยให้สิ่งสกปรกที่เราเจอมาทั้งวัน หลุดออกหมด และทุกครั้งจะเช็ดจนกว่าสำลีสะอาดเป็นสีขาวทุกครั้ง จะได้มั่นใจว่าไม่เหลืออะไรไว้บนผิวหน้าค่ะ
หลังจากคลีนหน้าแล้วก่อนล้างหน้า เราจะ ใช้Benzac AC 5% ตัวนี้ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของสิวดีมากๆ เราจะทาก่อนล้างหน้า 5-10 นาทีค่ะ แล้วล้างหน้าได้เลย จะไม่เกินกว่านั้น เพราะเดี๋ยวผิวจะแห้งเกินไปค่ะ ซึ่งเราจะใช้ทุกวัน วันละครั้งก่อนล้างหน้าตอนเย็นเท่านั้นค่ะ ตัวนี้เราใช้แล้วรู้สึกว่า นอกจากสิวจะลดลงแล้วยังช่วยให้หัวสิวแห้งไวด้วยค่ะ เราใช้ประจำนะคะ ไม่แพ้ค่ะ แต่ต้องมีทากันแดดทุกวันหลังจากใช้ตัวนี้ไปแล้ว ป้องกันผิวไวต่อแสง อันนี้ถ้าใครแพ้ง่ายอาจจะลองหา % ที่ต่ำกว่านี้มาลองเทสดูก่อนนะ ลดเวลาลงด้วยก็ได้ เริ่มจาก 5 นาทีไปก่อน
ส่วนขั้นตอนการล้างหน้า เราจะใช้เป็นเจลล้างหน้า
Facelabs Pure Gel เพราะตัวนี้เราดูมาแล้วว่าคลีนจริง ส่วนประกอบปลอดภัย คนแพ้ง่ายมากๆ หรือว่าคนเป็นสิวหนักๆใช้ได้เลย จริงๆเมื่อก่อนเราเคยใช้โฟมล้างหน้านะ แล้วแบบยิ่งเราทาสกินแคร์ที่เน้นการรักษาสิว ผิวมันจะแห้งอยู่แล้ว พอไปใช้โฟมแบบมีฟองยิ่งทำให้ผิวแห้งไปกันใหญ่ สิวขึ้นหนักกว่าเดิมไปอีก แล้วหน้านี่นะทั้งแห้งทั้งลอก ตอนหลังเราเลยเลือกเจลที่ไม่มีฟองมาใช้ ตัวนี้เราล้างแล้วสิวลดดีมากเลย สิวอุดตันหายเยอะมากเพราะตัวนี้ ล้างหน้าได้สะอาดเอี่ยม โดยที่ผิวไม่แห้งตึง เอาจริงๆในการรักษาสิว การเลือกใช้เจลล้างหน้าสำคัญมากนะ บางคนเปลี่ยนครีมยกเซตแต่มาตายรังตรงการล้างหน้ากันเยอะมาก ต้องท่องไว้เลยว่าผิวหน้าที่สะอาด คือผิวหน้าที่ห่างไกลสิว
โทนเนอร์หรือเอสเซนส์ เราจะใช้อยู่ 2 ตัวค่ะ ของ
Pixii กับ Clear Nose เป็นสูตรสำหรับผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย ใช้สลับๆกัน ส่วนใหญ่เราจะใช้สกินแคร์ที่เป็นเนื้อน้ำ มากกว่าเนื้อครีมหนักๆนะคะ เพื่อเลี่ยงการอุดตันจากเนื้อครีมค่ะ 2 ตัวนี้ช่วยลดการเกิดสิวและลดรอยแดงจากสิวได้มากเลย
น้ำตบตัวประจำที่เราใช้ก็คือน้ำตบเห็ด
ORIGINS ตัวน้ำตบเห็ดเราใช้แล้วรู้สึกว่าลดพวกสิวผดตามกรอบหน้าได้ดีเลย ช่วงไหนใช้ตัวนี้สิวผดก็จะหายไปเยอะมาก แล้วก็ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งจากการที่ใช้แบนเซคบ่อยๆด้วย
มาส์กหน้าก็มีใช้บ้างค่ะ ใช้เป็นของ Laneige ตัว Cica Sleeping Mask เราใช้วันเว้นวัน ไม่ได้บ่อย ตัวนี้ก็จะช่วยให้หัวสิวแห้งเร็วและลดรอยแดงจากสิวค่ะ ไม่ก็วันที่ออกไปทำธุระข้างนอก อยากให้หน้ามันดูนุ่มๆ ดูอิ่มฟูขึ้นนิดนึง ไม่ได้แห้งจากเจลทาสิวที่ทาจนเกินไป ก็จะทามาส์กบางๆก่อนค่ะ ไม่ต้องล้างออกนะคะ ทาแล้วนอนเลย ตื่นตอนเช้า ผิวจะนุ่มชุ่มชื้นและดูผิวใสๆ อิ่มน้ำขึ้นมานิดนึงค่ะ
กันแดดขาดไม่ได้ค่ะ เราใช้ของ SpectraBAN ตัวนี้เนื้อไม่เหนียว ไม่อุดตัน และไม่ทำให้ผิวแห้ง ป้องกันแดดได้ดี เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิวค่ะ ตัวนี้เป็นกันแดดที่เภสัชก็แนะนำนะคะ แพ้ง่ายแค่ไหนก็ใช้ได้แน่นอนค่า
แล้วระหว่างที่ใช้สกินแคร์เหล่านี้ เราเลิกแต่งหน้าไปเลยนะคะ ไม่พยายามไปทำอะไรให้มันแย่ยิ่งกว่าเดิม ไม่แต่งหน้าเท่าไหร่ เพราะกลัวจะไปอุดตัน ผิวมันก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับๆ
ซึ่งพอสิวเริ่มหาย มันก็จะเหลือรอยสิวเอาไว้ให้ดูต่างหน้าให้เจ็บใจเล่นๆ ทีนี้ก็เลยต้องมารักษารอยกันอีกรอบ แล้วเรื่องรอยนี่เป็นอะไรที่รักษายากสุดๆ ก็เลยเปลี่ยนสกินแคร์บางตัวเพื่อให้ตรงกับปัญหาของเรา สกินแคร์ที่เลือกใช้ก็จะเป็นสกินแคร์ที่ช่วยเรื่องสิว เรื่องรอยสิวเป็นส่วนใหญ่ บางตัวก็ยังใช้เป็นตัวเดิม แล้วกว่ารอยจะลดคือต้องใช้ความอดทนมากๆ อดทนต่อตัวเองเพราะต้องเพิ่มเวลาในการบำรุงผิวเข้าไปเยอะหน่อย จากเมื่อก่อนทาไม่ถึง 5 นาที เดี๋ยวนี้เราทา 15 นาทีค่ะ ค่อยๆทาให้แต่ละตัวมันซึมลงผิวจนแห้ง ค่อยทาตัวต่อไป ค่อยๆนวด อยากนอนไวแค่ไหนก็ต้องทาครีมให้ครบขั้นตอน ต้องตื่นเช้ามากขึ้นเพื่อมาใช้เวลากับตรงนี้ ถึงได้บอกว่า ต้องอดทนและมีวินัยในการทาครีมอย่างมากเลย
[CR] แค่เป็นสิวไม่ถึงตาย!! แชร์ประสบการณ์ครั้งหนึ่งเคยฉันเคยเป็นสิวจนไม่กล้าไปเรียน
แต่ปัญหาคือ สิวมันดันหนักขึ้นเรื่อยๆ จากเม็ดสองเม็ด กลายเป็นเต็มหน้าเห่อขึ้นมาเลย ทั้งๆที่เราใช้ทุกอย่างเหมือนเดิมนะคะ ก็คิดว่าแพ้น้ำ แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นเดี๋ยวก็หาย หมั่นทาเจลแต้มสิวบ่อยๆเพื่อรักษากันไป แบบไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็หนักขึ้นเรื่อยๆค่ะ ไม่มีวี่แววจะเบาลง ทั่วหน้าเลยค่ะ ที่แก้มก็มี ข้างขมับ หน้าผากก็มีสิวค่ะ มาเต็มทั้งหมด แล้วมันน่าเกลียดมาก เหมือนวงจรสิวเพราะ เม็ดเก่าก็ยังไม่ยุบ สิวเม็ดใหม่ก็ขึ้นมาอีกแล้ว
ตอนนั้นเรายังยอมรับไม่ได้ เพราะสิวคือมาเต็มหน้า รอยสิวก็เต็ม แล้วก็คิดว่า ถ้าเป็นสิวแพ้เหมือนคนอื่นๆ ผิวหน้าเราไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมแน่ๆ ต้องรักษาเป็นปีๆ ทนหน้าพังมีรอยแผลเป็นจากสิว คือเรายอมรับไม่ได้ เราไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ ก็ปลอบใจตัวเองไปเรื่อยๆ จนเพื่อนผู้ชายในห้องที่เคยคุยกันแบบเหมือนจะคบแต่ไม่ได้คบ ทักเลยจ้า ว่า ดูแลตัวเองบ้างนะ “ดูดิ(พร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าเรา) สิวขึ้นเต็มเลย แต่งหน้ากลบไม่มิดแล้วเนี่ย” แบบคนเต็มหน้าห้องเลยค่ะ เพราะมันหลังเลิกคลาสเรียนและทักเสียงดังมาก เราก็อ้ำอึ้งแบบไม่คิดว่าจะมีใครมาทักและไม่อยากให้ใครมาทักด้วย ยิ่งเป็นคนที่เคยคุยอ่ะ โค-ตะ-ระ รู้สึกอายและเสียหน้าขั้นสุด
แล้วพอเค้าทักมันเหมือนว่า ยิ่งตอกย้ำเราอ่ะ เราแย่เลยนะ กลับมาถึงห้องคิดเลย สงสัยผิวหน้าเราคงแย่จริงๆเค้าถึงทักขนาดนี้ แล้วดันเป็นเพื่อนผู้ชายมาทักด้วย อายมากค่ะ คือถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงทักอาจจะไม่รู้สึกอะไร ฟีลแบบเพื่อนผู้หญิงแชร์กัน ทักกันด้วยความห่วงใย แต่พอเป็นผู้ชายมันมีความรู้สึกแบบ เออ ผิวหน้าเรามันแย่จนผู้ชายยังทักยังพูดอ่ะ รู้สึกไม่ดีไปเลยค่ะ ก็คิดเลยว่า ไม่ได้ล่ะ ต้องเริ่มรักษาแล้ว
แล้วก็มีกลุ่มเพื่อนด้วยที่มีปัญหาซึ่งอันนี้เพื่อนไม่ผิดเลยนะคะ มันเป็นที่เราเอง เพราะว่าเพื่อนเราหน้าใสมากๆ แบบในกลุ่มเราเป็นผู้หญิงหมดเลยทุกคนแทบจะไม่เป็นสิวเลย บางคนรอยสิวสักนิดก็ไม่มี มีเราเป็นสิวคนเดียว ก็เหมือนเราเป็นแกะดำอ่ะค่ะ เหมือนเค้าแก๊งนางฟ้าแล้วเราเป็นจุดดำ หน้าสิวคนเดียวในกลุ่ม ใครมองมาก็เห็นเรา เพ่งเราก่อน มันก็ทำให้เรายิ่งไม่อยากไปไหนมาไหนกับเพื่อน เลี่ยงได้เลี่ยง เพราะเคยไปด้วยกันเจอเพื่อนอีกกลุ่มเค้าก็ทัก “ทำไมหน้าเราเป็นสิวเยอะจัง ทำไมไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น” อะไรแบบนี้ค่ะ ซึ่งอันนี้แย่มาก เพราะมันทำให้เราห่างกับเพื่อนไปพอสมควร คือถ้าเพื่อนไม่มาหาที่หอ ก็ไม่ได้เจอเพราะเราไม่ยอมออกไปไหน ไม่อยากออกไปให้ใครเปรียบเทียบ มันทุกข์ใจจริงๆ ใครไม่เคยเป็นต้องไม่เข้าใจแน่ๆ
แล้วพอไม่มีเพื่อนแล้วอยู่คนเดียว เราเคว้งหนักค่ะ เคยมีวันที่นั่งส่องหน้าตัวเองเป็นชั่วโมงๆ บอกตัวเองว่าสิวเดี๋ยวก็หายๆ จนร้องไห้ออกมาเพราะมันไม่หายสักทีก็มี บ่อยด้วย ยิ่งวันไปเรียนก็พูดตรงๆค่ะว่า ไม่อยากไปเรียน ไม่อยากไปเจอหน้าใคร คือมันรู้สึกแย่มากที่เคยผิวหน้าดีมาก่อน พอสิวเต็มหน้า ทุกคนทักค่ะ ตั้งแต่หน้าคณะยันหลังคณะ เพื่อนบางคนก็มองๆแต่ไม่กล้าถาม แต่สายตาอ่ะ บอกเลยว่า อยากรู้หนักมากว่าเราไปทำอะไรมาชัดเจน และมีที่หนักกว่าคือ เพื่อนบางคนมาตามขายครีมในเน็ตที่รักษาสิวค่ะ แอดเรามาเลย บอกเป็นขั้นตอนเอารูปตัวเองเปรียบเทียบส่งมาให้เราดูซื้อของเค้า คือเราไม่โอเคมากๆ เพราะที่เราเป็นอยู่เราก็แย่พอแล้วอ่ะ พอเจออะไรแบบนี้เหมือนซ้ำเติม ดูใครๆใส่ใจกับผิวหน้าเราเกินไปมากๆทั้งๆที่ไม่สนิทกันเลย พอยิ่งมาทักกัน ก็เหมือนยิ่งย้ำให้เค้ารู้สึกแย่กับผิวหน้าตัวเองจริงๆนะ
ซึ่งปีแรกของการรักษาสิวไม่ได้อะไรเลยค่ะ ไม่หาย แต่ก็มีข้อดีตรงที่เริ่มยอมรับว่าตัวเองเป็นสิวได้แล้ว คิดไว้แค่ว่า ยอมหน้าผีแค่ปีเดียวเพื่อรักษาสิว คิดงี้เลยค่ะ ทำให้กล้าที่จะออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนได้บ้าง แต่ก็มีใส่แมสปิดสิวไว้ตลอด ก็ถือว่าเริ่มใช้ชีวิตได้ค่ะ
คนที่เคยทักก็เลิกทักแล้ว เพราะคงชินแล้วแหละ ก็เลิกทัก เลิกถามกันไปเองค่ะ ทำให้เราเลิกกังวลตรงนั้นหันกลับมารักษาสิวด้วยตัวเอง รักษาด้วยสกินแคร์ครีมบำรุงที่มันเหมาะกับคนเป็นสิวจริงๆ ตามสภาพผิวเรา แล้วก็บอกเลยว่า การอ่านรีวิวมหากาพย์รักษาสิวมันช่วยได้จริงๆ ส่วนหนึ่งที่เราอยากจะรักษาสิวและมีกำลังใจให้ตัวเอง เริ่มจากตรงนี้เลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้สกินแคร์ที่ดีแล้ว ยังได้เห็นว่าบางคนเป็นหนักกว่าเรามากๆ เค้ายังหายเลย เราก็ต้องหายค่ะ ต้องหายได้ แค่ต้องทำความเข้าใจผิวเราและค่อยๆใช้เวลากับมันเท่านั้นเอง
เริ่มจากเปลี่ยนสกินแคร์ที่ใช้ค่ะ เพราะผิวเราเนี่ยมีปัญหาหนักมาก จะไปใช้อะไรมั่วๆไม่ได้ ก็จะเน้นเป็นพวกสกินแคร์ที่อ่อนโยน ไปทางแนวเวชสำอางอะไรแบบนี้ เพราะมันน่าจะปลอดภัยกับผิวมากกว่าครีมทั่วๆไป เป็นแบรนด์ที่คนนิยมกัน มีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ หาซื้อได้ตามห้างร้านต่างๆ
คลีนซิ่งล้างหน้าเป็นด่านแรกของการดูแลหน้าค่ะ ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้า แค่ทากันแดดอย่างเดียวก็ควรล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งนะ เราใช้เป็น Bioderma สีชมพู เช็ดหน้าก่อนล้างหน้าทุกวัน จะช่วยให้สิ่งสกปรกที่เราเจอมาทั้งวัน หลุดออกหมด และทุกครั้งจะเช็ดจนกว่าสำลีสะอาดเป็นสีขาวทุกครั้ง จะได้มั่นใจว่าไม่เหลืออะไรไว้บนผิวหน้าค่ะ
หลังจากคลีนหน้าแล้วก่อนล้างหน้า เราจะ ใช้Benzac AC 5% ตัวนี้ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของสิวดีมากๆ เราจะทาก่อนล้างหน้า 5-10 นาทีค่ะ แล้วล้างหน้าได้เลย จะไม่เกินกว่านั้น เพราะเดี๋ยวผิวจะแห้งเกินไปค่ะ ซึ่งเราจะใช้ทุกวัน วันละครั้งก่อนล้างหน้าตอนเย็นเท่านั้นค่ะ ตัวนี้เราใช้แล้วรู้สึกว่า นอกจากสิวจะลดลงแล้วยังช่วยให้หัวสิวแห้งไวด้วยค่ะ เราใช้ประจำนะคะ ไม่แพ้ค่ะ แต่ต้องมีทากันแดดทุกวันหลังจากใช้ตัวนี้ไปแล้ว ป้องกันผิวไวต่อแสง อันนี้ถ้าใครแพ้ง่ายอาจจะลองหา % ที่ต่ำกว่านี้มาลองเทสดูก่อนนะ ลดเวลาลงด้วยก็ได้ เริ่มจาก 5 นาทีไปก่อน
ส่วนขั้นตอนการล้างหน้า เราจะใช้เป็นเจลล้างหน้า Facelabs Pure Gel เพราะตัวนี้เราดูมาแล้วว่าคลีนจริง ส่วนประกอบปลอดภัย คนแพ้ง่ายมากๆ หรือว่าคนเป็นสิวหนักๆใช้ได้เลย จริงๆเมื่อก่อนเราเคยใช้โฟมล้างหน้านะ แล้วแบบยิ่งเราทาสกินแคร์ที่เน้นการรักษาสิว ผิวมันจะแห้งอยู่แล้ว พอไปใช้โฟมแบบมีฟองยิ่งทำให้ผิวแห้งไปกันใหญ่ สิวขึ้นหนักกว่าเดิมไปอีก แล้วหน้านี่นะทั้งแห้งทั้งลอก ตอนหลังเราเลยเลือกเจลที่ไม่มีฟองมาใช้ ตัวนี้เราล้างแล้วสิวลดดีมากเลย สิวอุดตันหายเยอะมากเพราะตัวนี้ ล้างหน้าได้สะอาดเอี่ยม โดยที่ผิวไม่แห้งตึง เอาจริงๆในการรักษาสิว การเลือกใช้เจลล้างหน้าสำคัญมากนะ บางคนเปลี่ยนครีมยกเซตแต่มาตายรังตรงการล้างหน้ากันเยอะมาก ต้องท่องไว้เลยว่าผิวหน้าที่สะอาด คือผิวหน้าที่ห่างไกลสิว
โทนเนอร์หรือเอสเซนส์ เราจะใช้อยู่ 2 ตัวค่ะ ของ Pixii กับ Clear Nose เป็นสูตรสำหรับผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย ใช้สลับๆกัน ส่วนใหญ่เราจะใช้สกินแคร์ที่เป็นเนื้อน้ำ มากกว่าเนื้อครีมหนักๆนะคะ เพื่อเลี่ยงการอุดตันจากเนื้อครีมค่ะ 2 ตัวนี้ช่วยลดการเกิดสิวและลดรอยแดงจากสิวได้มากเลย
น้ำตบตัวประจำที่เราใช้ก็คือน้ำตบเห็ด ORIGINS ตัวน้ำตบเห็ดเราใช้แล้วรู้สึกว่าลดพวกสิวผดตามกรอบหน้าได้ดีเลย ช่วงไหนใช้ตัวนี้สิวผดก็จะหายไปเยอะมาก แล้วก็ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งจากการที่ใช้แบนเซคบ่อยๆด้วย
มาส์กหน้าก็มีใช้บ้างค่ะ ใช้เป็นของ Laneige ตัว Cica Sleeping Mask เราใช้วันเว้นวัน ไม่ได้บ่อย ตัวนี้ก็จะช่วยให้หัวสิวแห้งเร็วและลดรอยแดงจากสิวค่ะ ไม่ก็วันที่ออกไปทำธุระข้างนอก อยากให้หน้ามันดูนุ่มๆ ดูอิ่มฟูขึ้นนิดนึง ไม่ได้แห้งจากเจลทาสิวที่ทาจนเกินไป ก็จะทามาส์กบางๆก่อนค่ะ ไม่ต้องล้างออกนะคะ ทาแล้วนอนเลย ตื่นตอนเช้า ผิวจะนุ่มชุ่มชื้นและดูผิวใสๆ อิ่มน้ำขึ้นมานิดนึงค่ะ
กันแดดขาดไม่ได้ค่ะ เราใช้ของ SpectraBAN ตัวนี้เนื้อไม่เหนียว ไม่อุดตัน และไม่ทำให้ผิวแห้ง ป้องกันแดดได้ดี เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิวค่ะ ตัวนี้เป็นกันแดดที่เภสัชก็แนะนำนะคะ แพ้ง่ายแค่ไหนก็ใช้ได้แน่นอนค่า
แล้วระหว่างที่ใช้สกินแคร์เหล่านี้ เราเลิกแต่งหน้าไปเลยนะคะ ไม่พยายามไปทำอะไรให้มันแย่ยิ่งกว่าเดิม ไม่แต่งหน้าเท่าไหร่ เพราะกลัวจะไปอุดตัน ผิวมันก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับๆ
ซึ่งพอสิวเริ่มหาย มันก็จะเหลือรอยสิวเอาไว้ให้ดูต่างหน้าให้เจ็บใจเล่นๆ ทีนี้ก็เลยต้องมารักษารอยกันอีกรอบ แล้วเรื่องรอยนี่เป็นอะไรที่รักษายากสุดๆ ก็เลยเปลี่ยนสกินแคร์บางตัวเพื่อให้ตรงกับปัญหาของเรา สกินแคร์ที่เลือกใช้ก็จะเป็นสกินแคร์ที่ช่วยเรื่องสิว เรื่องรอยสิวเป็นส่วนใหญ่ บางตัวก็ยังใช้เป็นตัวเดิม แล้วกว่ารอยจะลดคือต้องใช้ความอดทนมากๆ อดทนต่อตัวเองเพราะต้องเพิ่มเวลาในการบำรุงผิวเข้าไปเยอะหน่อย จากเมื่อก่อนทาไม่ถึง 5 นาที เดี๋ยวนี้เราทา 15 นาทีค่ะ ค่อยๆทาให้แต่ละตัวมันซึมลงผิวจนแห้ง ค่อยทาตัวต่อไป ค่อยๆนวด อยากนอนไวแค่ไหนก็ต้องทาครีมให้ครบขั้นตอน ต้องตื่นเช้ามากขึ้นเพื่อมาใช้เวลากับตรงนี้ ถึงได้บอกว่า ต้องอดทนและมีวินัยในการทาครีมอย่างมากเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้