.
. ความเฮงซวยหนึ่ง ของการทำงานประจำไปเรื่อยๆ และไม่สามารถถีบตัวเองให้ไต่เต้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นได้ภายในอายุ 35 ปี คือทางตันที่ลูกจ้างอย่างเราจะถูกต้อนจนมุม
.
. เพราะเมื่ออายุ 35 ปีแล้ว ตำแหน่งงานระดับเจ้าหน้าที่ ไปที่ไหนเขาก็แทบจะเมินหน้าหนี ไม่อยากรับเข้ามา เพราะคนอายุเลย 35 ส่วนใหญ่(ไม่ทุกคน)ล้วนเหมือนเถ้าถ่านที่ใกล้หมดไฟ แถมเป็นถ่านที่มีราคาแพงกว่าเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ไวกว่าและมากกว่า
.
. ปัญหาหนึ่งที่คิด และรู้สึกคือ การเริ่มต้นทำงานแบบไม่รู้จักตัวเอง และไม่รู้ว่าจะเอาอนาคตตัวเองไปแขวนไว้ที่สายอาชีพไหน เพราะจบออกมา จากระบบการศึกษาแบบไร้จุดมุ่งหมาย ทั้งกับตัวเองและกับระบบ จึงปล่อยให้อนาคตล่องลอยไปตามแรงลมที่กำหนดไม่ได้
.
. ใครเจองานที่ ถนัด ชอบ ก็ถือว่าโชคดี เพราะหนทางการเติบโตตามสายอาชีพของตนเอง ย่อมมีอยู่แล้วไม่มากก็น้อย ถึงแม้อาจจะดูลำบากหน่อยในช่วงเริ่มต้นของชีวิต แต่ก็มีส่วนใหญ่ที่ยังคงต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่ตนเองไม่ได้อยากทำ หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ก็เลือกงานที่เขาเลือกเรา แทบไม่มีโอกาสที่เราได้เลือกงาน
.
. เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บางครั้งงานที่ไม่ได้ชอบก็สบายเกินกว่า จะดิ้นรนออกไปตามหาสิ่งที่ชอบให้เหนื่อยล้าทำไม บางทีระบบบ้าๆนี่ ก็หลอกคนได้แนบเนียนดี เพราะกว่าจะรู้ตัวว่า ไอที่ทำอยู่แมร่งไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากจะแหกขี้ตาตื่นนอนไปทำงาน ก็ปาเข้าไปอายุเลข 3 ในวันที่รายล้อมตัวไปด้วย หนี้สิน ลูกเต้า อย่าว่าแต่ทำตามความฝันเลย แค่เดินออกไปทำงานแต่ละวันพลังานก็ถูกสูบไปจนหมดสิ้นแล้ว และการทำงานก็ถูกเปลี่ยนจากสิ่งที่อยากทำ กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างปริปากบ่นไม่ได้ แม้ว่าจะโดนกดดันสารพัดอย่างไร เพราะเจ้านายทุนนิยมได้ให้ยาพิษแก่คุณไว้แล้ว อันได้แก่ ความมั่นคงจอมปลอม หนี้สินจอมสูบเลือดเนื้อ และความสบายของงาน จอมขี้เกียจ(พัฒนาตัวเอง)
.
. เหมือนละครเรื่องเดิมที่คนเขียนก็เขียนตอนจบคล้ายๆเดิม ผมจำได้ว่าเขียนเรื่องราวแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่นักแสดงที่ผ่านเข้ามาล้วนไม่ใช่ชุดเดิม แต่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ให้ได้เขียนย้ำเติม ถึงตอนจบเหมือนเดิมทุกครา
.
. ใครก็ตามที่อายุไม่ถึง 30 ปี หา "ตัวตน ของตนเอง" ให้เจอเถอะครับ แล้วชีวิตมันจะมีความหมายมากยิ่งขึ้น หากงานที่ทำอยู่มันมาจากความชอบของเรา ไม่ต้องชอบมันทั้งหมดก็ได้ ขอแค่มีความหลงใหลในอะไรบางอย่างของมันก็พอ และมันจะทำให้เราไม่หยุดเรียนรู้
.
. อย่าลืมนะว่า เราต้องอยู่กับมันไปอีก 10 20 ปี เราจะทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้ชอบได้นานขนาดนั้นเชียวหรอ และการเสียสละเวลาในวัยหนุ่มสาว เพื่อค้นหาอะไรบางสิ่ง มันยากกว่าการทนอยู่กับสิ่งไม่ชอบไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?
จดหมาย ถึงเพื่อนพนักงานในวัย 25
. ความเฮงซวยหนึ่ง ของการทำงานประจำไปเรื่อยๆ และไม่สามารถถีบตัวเองให้ไต่เต้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นได้ภายในอายุ 35 ปี คือทางตันที่ลูกจ้างอย่างเราจะถูกต้อนจนมุม
.
. เพราะเมื่ออายุ 35 ปีแล้ว ตำแหน่งงานระดับเจ้าหน้าที่ ไปที่ไหนเขาก็แทบจะเมินหน้าหนี ไม่อยากรับเข้ามา เพราะคนอายุเลย 35 ส่วนใหญ่(ไม่ทุกคน)ล้วนเหมือนเถ้าถ่านที่ใกล้หมดไฟ แถมเป็นถ่านที่มีราคาแพงกว่าเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ไวกว่าและมากกว่า
.
. ปัญหาหนึ่งที่คิด และรู้สึกคือ การเริ่มต้นทำงานแบบไม่รู้จักตัวเอง และไม่รู้ว่าจะเอาอนาคตตัวเองไปแขวนไว้ที่สายอาชีพไหน เพราะจบออกมา จากระบบการศึกษาแบบไร้จุดมุ่งหมาย ทั้งกับตัวเองและกับระบบ จึงปล่อยให้อนาคตล่องลอยไปตามแรงลมที่กำหนดไม่ได้
.
. ใครเจองานที่ ถนัด ชอบ ก็ถือว่าโชคดี เพราะหนทางการเติบโตตามสายอาชีพของตนเอง ย่อมมีอยู่แล้วไม่มากก็น้อย ถึงแม้อาจจะดูลำบากหน่อยในช่วงเริ่มต้นของชีวิต แต่ก็มีส่วนใหญ่ที่ยังคงต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่ตนเองไม่ได้อยากทำ หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ก็เลือกงานที่เขาเลือกเรา แทบไม่มีโอกาสที่เราได้เลือกงาน
.
. เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บางครั้งงานที่ไม่ได้ชอบก็สบายเกินกว่า จะดิ้นรนออกไปตามหาสิ่งที่ชอบให้เหนื่อยล้าทำไม บางทีระบบบ้าๆนี่ ก็หลอกคนได้แนบเนียนดี เพราะกว่าจะรู้ตัวว่า ไอที่ทำอยู่แมร่งไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากจะแหกขี้ตาตื่นนอนไปทำงาน ก็ปาเข้าไปอายุเลข 3 ในวันที่รายล้อมตัวไปด้วย หนี้สิน ลูกเต้า อย่าว่าแต่ทำตามความฝันเลย แค่เดินออกไปทำงานแต่ละวันพลังานก็ถูกสูบไปจนหมดสิ้นแล้ว และการทำงานก็ถูกเปลี่ยนจากสิ่งที่อยากทำ กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างปริปากบ่นไม่ได้ แม้ว่าจะโดนกดดันสารพัดอย่างไร เพราะเจ้านายทุนนิยมได้ให้ยาพิษแก่คุณไว้แล้ว อันได้แก่ ความมั่นคงจอมปลอม หนี้สินจอมสูบเลือดเนื้อ และความสบายของงาน จอมขี้เกียจ(พัฒนาตัวเอง)
.
. เหมือนละครเรื่องเดิมที่คนเขียนก็เขียนตอนจบคล้ายๆเดิม ผมจำได้ว่าเขียนเรื่องราวแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่นักแสดงที่ผ่านเข้ามาล้วนไม่ใช่ชุดเดิม แต่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ให้ได้เขียนย้ำเติม ถึงตอนจบเหมือนเดิมทุกครา
.
. ใครก็ตามที่อายุไม่ถึง 30 ปี หา "ตัวตน ของตนเอง" ให้เจอเถอะครับ แล้วชีวิตมันจะมีความหมายมากยิ่งขึ้น หากงานที่ทำอยู่มันมาจากความชอบของเรา ไม่ต้องชอบมันทั้งหมดก็ได้ ขอแค่มีความหลงใหลในอะไรบางอย่างของมันก็พอ และมันจะทำให้เราไม่หยุดเรียนรู้
.
. อย่าลืมนะว่า เราต้องอยู่กับมันไปอีก 10 20 ปี เราจะทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้ชอบได้นานขนาดนั้นเชียวหรอ และการเสียสละเวลาในวัยหนุ่มสาว เพื่อค้นหาอะไรบางสิ่ง มันยากกว่าการทนอยู่กับสิ่งไม่ชอบไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?