ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 14 เรื่องที่ 3 ครับ ^^
เรื่องนี้ออกแนวเสียดสี จี๊ดจ๊าด มันส์แซ่บ!
แค่ชื่อตัวละครแต่ละคนก็มันส์แล้ว
เช้าวันหนึ่ง ณ โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง มีการแข่งกีฬาสี ครูนักเรียนและผู้ปกครองมากันมากมาย พอถึงตอนที่อาจารย์คนสำคัญซึ่งประจำสีทั้ง 5 มากันแล้วพากันขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้นสิบซึ่งเป็นชั้นสูงสุดแล้ว
เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ประตูลิฟท์เปิดไม่ออก แล้วข้างบนเหนือลิฟท์ขึ้นไปก็เกิดการระเบิดขึ้น ตูม !!
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามเกาะสถานการณ์ไปด้วยกันครับ ตามมาโลด !! ^^
ภายในโรงเรียนประถมศึกษา อนุบาลพิมพ์ห้าสีมณี อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เช้านี้เต็มไปด้วยคุณครู นักเรียน และผู้ปกครองบางส่วน รวม 5 กลุ่ม เป็นจำนวนหลายร้อยคน เพราะวันนี้เป็นวันแข่งขันกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน จัดขึ้นที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกอำนวยการ ดูชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก
บนตึกชั้นที่ 10 ในห้องประชุมไพลินบูรพา เหล่าตัวแทนของครูและนักเรียนจากทั้ง 5 สี ( ส้ม-แดง-เหลือง-ชมพู-ฟ้า ) ล้วนมาครบหมดแล้ว ขาดแค่เพียง 5 ครูประจำสี หรือ อาจารย์หัวหน้าประจำสีทั้ง 5 ท่านเท่านั้น
( อ.ก้าวเก , อ.เพื่อไค , อ.ประชารก (ครูใหญ่) , อ.ภูมิใจเท และ อ.ชนทิปัด ตามลำดับ )
เหล่าครูและนักเรียน ส่วนใหญ่ล้วนกระสับกระส่าย กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้ล่วงเลยเวลาตามนัดหมายประชุม ก่อนการเปิดงานกีฬาสีมาได้นานนับเกือบชั่วโมงแล้ว การให้อดทนรอนับเป็นความรู้สึกที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ผู้ใดใช้ให้พวกที่มาสายเหล่านี้เป็นหัวหน้าประจำสีทั้ง 5 กันเล่า
กล่าวไป ราวกับนัดกันไว้ อาจารย์หัวหน้าประจำสีทั้ง 5 ท่าน ที่ผู้อื่นต้องกำลังอดทนรอคอย ก็ได้มาถึงหน้าโรงเรียนในเวลาใกล้เคียงไล่เลี่ยกัน
ทั้งห้าพนมมือไหว้ทักทาย กล่าวสวัสดีกันตามธรรมเนียมไทย อยู่ครู่หนึ่ง อ.ประชารก และ อ.ภูมิใจเท เดินนำเข้าโรงเรียนมาก่อนด้วยนับจากตำแหน่ง ( ครูใหญ่ และ ผู้ช่วยครูใหญ่ ) และความอาวุโส ตรงไปยังตึกอำนวยการ อ.ก้าวเก อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด จึงได้เดินตามมา โดยด้านหลังคือเหล่าครูใกล้ชิดสนิท และลูกศิษย์นักเรียนติดตามของอาจารย์ทั้งห้า
เมื่อมาถึงที่หน้าลิฟต์ของตึก เจ้าหน้าที่นักการภารโรงของโรงเรียนได้กดประตูลิฟต์รอไว้แล้ว
อ.ประชารก และ อ.ภูมิใจเท เข้าไปก่อน ยืนอยู่แถวหลัง อ.ก้าวเก อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด ที่ตามมาจึงยืนอยู่แถวหน้า
ความจริงลิฟต์ขนาดประมาณ 1x1.5 เมตร พอบรรจุผู้โดยสารได้ 7-8 คน แต่ยังไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับอาจารย์ทั้งห้าท่านเหล่านี้
เมื่อกดหมายเลขชั้นที่ 10 ประตูลิฟต์ปิดลง และพาบุคคลสำคัญทั้งห้าท่านนี้ ขึ้นไปข้างบน
แต่ทว่า หลังจากลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 10 อันเป็นที่สุดของลิฟต์ตัวนี้ ประตูลิฟต์ไม่ได้เปิดออก กลับเกิดเสียงระเบิดด้านบน แล้วตัวลิฟต์ก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ดูได้จากตัวเลขดิจิตอลเหนือประตูลิฟต์ที่นับถอยหลังจนแทบมองตามไม่ทัน
เหล่าอาจารย์หัวหน้าประจำสีทั้ง 5 ล้วนเป็นหนุ่มใหญ่วัยทอง ย่อมมีปฏิกริยาเชื่องช้ากว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง เสียงระเบิดที่ดังอยู่เหนือหัวและลิฟต์ที่ทิ้งดิ่งลง ย่อมเป็นเพราะเกิดปัญหากับสายเคเบิลของลิฟต์ ความตระหนกบังเกิดขึ้นในจิตใจของทุกท่าน
ถึงกระนั้น ด้วยการที่ทุกท่านขยันหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ กับทานถั่งเช่า กินธาตุเหล็ก เคี้ยวปูนหมาก เป็นประจำ และได้ฝึกปฎิบัติควบคุมรักษาจิตใจ ละความละโมบ หลงตนลืมตัว อยู่บ้าง แม้ตระหนกก็มิได้หวาดกลัว ดังเช่นที่ อ.ประชารก ยืนกอดอกเอนหลังพิงผนังลิฟต์ราวกับไร้เรื่องราว ซึ่งอาจารย์หัวหน้าสีอื่นอีก 4 ท่าน ต่างทราบดีว่า อ.ประชารก คือผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นหมากรุก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เชี่ยวชาญวิชาการเล่นหมากรุกเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างจากถูกมัดมือมัดเท้า ได้แต่ต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา
แต่ อ.ภูมิใจเท ไม่เป็นเช่นนั้น
เท-หนูเหล็ก อ.ภูมิใจเท ดังคำกล่าวว่า โลกนี้แท้จริงไม่มีหนูเจอรี่ มีเพียงหนูเหล็กกับยิ้มที่ขบขัน และหนูที่ยิ้มน่าขบขันที่สุดก็คือ หนูเหล็ก ภูมิใจเท ผู้ที่อายุราวกลางๆในบรรดาอาจารย์ประจำสีทั้งห้า เพียงยังไม่ถึง 60 แต่ด้วยความสำเร็จในวิชากำลังภายนอกที่นับเป็นเอกในแผ่นดิน ยิ่งได้รับเคล็ดวิชาชักนำกำลังภายนอกเข้าสู่ภายในของ
สำนักอสรพิษ งูเห่าสลายสี ด้วยแล้ว ความสำเร็จของท่านยิ่งนับว่าเป็นหนูติดสเก๊ตพลังเทอร์โบที่เท้าเลย
อ.ภูมิใจเท เคลื่อนกายหาริมขอบลิฟต์ เพื่อหลีกเลี่ยงจุดตกกระทบหนักที่สุดที่กลางลิฟต์ ยกขาขวาขึ้นตั้งเข่าฉาก เหลือเพียงเท้าซ้ายสัมผัสพื้นเพื่อลดจุดกระแทก ตั้งอยู่ในท่าหนูทองขาเดียว กางศอก คว่ำฝ่ามือลงในระดับเอว ส่งพลังทั้งหมดในร่างลงไปคุ้มครองป้องกันที่เท้าซ้าย ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น อย่างมากก็เพียงเสียสละเท้าซ้ายไปข้างหนึ่งยังคงสามารถรักษาชีวิตไว้ ขณะที่ อ.ก้าวเก ไม่คิดจะอยู่บนพื้นขณะที่ลิฟต์ตก
บนฟ้ามีอินทรี บนผืนดินมี ก้าวเก ผู้กินเรียบรอบวง อ.ก้าวเก เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นไพ่เก้าเก และไพ่ประเภทอื่นๆแทบทุกชนิด เป็นอย่างมาก
อ.ก้าวเก ถอยเฉียงๆเข้ามุมลิฟต์ด้านหลัง กระโดดลอยตัวขึ้น มือเท้าทั้งสี่ใช้ออกด้วยวิชากรงเล็บแมวอันเที่ยงแท้ จิกให้ผนังลิฟต์ตรงมุมทั้งสองด้าน แขวนตัวลอยไว้ในอากาศ ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น ท่านก็ไม่ได้ตกถึงพื้นไปด้วย ย่อมสามารถรักษาชีวิตได้
มีเพียง อ.ชนทิปัด ที่ยืนนิ่งๆไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่ใบหน้านั้นปรากฏแววสีม่วง เพราะความจริงได้ลอบเกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนภายในร่างกายรอแล้ว
อาจารย์ผู้มีอาวุโสน้อยที่สุด อายุเพียง 55 ปี แม้ภายนอกท่านจะดูสันทัด ค่อนข้างผอมเสียด้วยซ้ำไป แต่กล้ามเนื้อร่างกายของท่านหาได้อ่อนเหลวปวกเปียกไม่ จากการที่เล่นฟิตเนสอยู่เป็นประจำ ทำให้วิชาเข็มในสำลี เมื่อรวมกับการใช้เคล็ดวิชา ยืมพลังใช้พลังสลายแรงปะทะ แม้ขณะลิฟต์กำลังดิ่งลงไป รอยยิ้มของท่าน อ.ชนทิปัด หาได้สลายไปไม่
ข้างฝ่าย อ.เพื่อไค ที่อาจารย์ท่านอื่นเห็นว่าท่านยืนหันหลังให้ผู้อื่น หันหน้าเข้าหากำแพงผนังของลิฟต์นิ่งอยู่นั้น ด้วยวิชายิมนาสติกตัวเบา ที่ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ และท่าที่ท่านบัญญัติขึ้นเอง
'บังนภา ชิงเมฆ' ยังใช้ได้อยู่
หลังจากลอบสังเกตท่วงท่าการเคลื่อนไหวของอาจารย์แต่ละท่านเพียงแว๊บเดียวแล้ว อ.เพื่อไค ก็จึงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า หมุนตัวสะบัดเท้ากลับหลังถีบใส่ผนัง ยืมพลังกระโดดเป็นท่าวานรเหินหาว กางแยกแขนแยกขาออกทั้ง 4 ทิศ เอื้อมมือสองข้างไปคว้าจับไหล่ อ.ประชารก ( ครูใหญ่ ) กับไหล่ของ อ.ก้าวเก พลิกขาวางพาดบ่า อ.ชนทิปัด เท้าอีกข้างวางบนเข่าขวาของ อ.ภูมิใจเท เรียกว่าใช้ผู้อื่นเป็นที่รองมือรองเท้าแทน หากจะตายก็ตายด้วยกัน แต่หากจะรอด อย่างน้อยท่านก็จะเป็นผู้หนึ่งที่รอด
อาจารย์ท่านอื่นมัวเพ่งสมาธิกับการรับมือสถานการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่า อ.เพื่อไค จะใจกล้าหน้าด้านใช้ลูกไม้เช่นนี้ จึงไม่อาจป้องกันการเคลื่อนไหวเอารัดเอาเปรียบครานี้ได้ แต่ชั่วพริบตาที่การลงมือของ อ.เพื่อไค สำเร็จ ลิฟต์ก็ตกลงถึงพื้น เป็นชั่วพริบตาที่ตัดสินชะตาชีวิต
ณ เวลา ที่อาจารย์ประจำสีทั้ง 5 ท่าน กำลังพยายามใช้สติและวิชาประจำตัวเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่นั้น เหล่าครูคนอื่นๆและลูกศิษย์นักเรียน ที่เฝ้าคอยรอต้อนรับทั้ง 5 อาจารย์ ที่หน้าลิฟต์ชั้น 10 มองเห็นลิฟต์แสดงตัวเลข 10 แค่ชั่ววูบ ก่อนที่ตัวเลขจะลดลงอย่างรวดเร็ว ต่างตระหนกด้วยรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ครูและลูกศิษย์ที่มีปัญญาอยู่บ้าง รีบวิ่งลงบันไดไปยังข้างล่างที่ชั้น 1 อันจะเป็นจุดสิ้นสุดของลิฟต์ อย่างรวดเร็วทันที
ตูมมมม!!!
ชั่วพริบตาที่ตัดสินชีวิตมาถึงแล้ว ลิฟต์ตกจากชั้น 10 ลงสู่ชั้น 1 กระแทกพื้นอย่างรุนแรง จนไฟฟ้าในอาคารตึกอำนวยการดับหมดทุกชั้น แรงกระแทกทำเอาผนังกำแพงถึงกับพังทลายลง เศษอิฐหินปูนระเบิดแตกกระจัดกระจาย ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หลังจากใช้เวลาเกือบ 5 นาที ไฟสำรองจึงทำงาน ชั้น 1 กลับมาสว่างอีกครั้ง
คำสั่งเรียกหน่วยกู้ภัยพร้อมเครื่องมือช่วยชีวิตถูกสั่งออกไป พวกครูทั้งหลายและเหล่าบรรดาลูกศิษย์นักเรียนของทั้งห้าอาจารย์ ต่างไม่รีรอ ลงมือช่วยกันขนย้ายรื้อกองเศษหินและปูนออกจากหน้าลิฟต์ อย่างเร่งรีบทันที
อีกชั่วเวลาเพียง 20 นาที หน่วยกู้ภัยก็ได้มาถึงที่หน้าตัวลิฟต์ แล้วใช้เครื่องมืองัดถ่างที่เตรียมมาเปิดประตูลิฟต์ได้สำเร็จ เหล่าครูและลูกศิษย์นักเรียนต่างรีบกรูกันเข้าไปจะช่วยเหลืออาจารย์ทั้งหมดของพวกเขาออกมา
แต่ภาพที่เห็นด้านหลังประตูลิฟต์ ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวชา
บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ร่างกายสั่นสะเทิ้มสะท้าน
อ.ประชารก (ครูใหญ่) , อ.ภูมิใจเท (ผู้ช่วยครูใหญ่) , อ.ก้าวเก , อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย
คนที่มาถึงภายหลังมองเข้าไป บางคนถึงกับขนลุก บางคนอ้าปากจนคางแทบกระแทกพื้น บางคนอุดปากไม่อยู่ ต้องส่งเสียงอุทานออกมาดังลั่น
..... (CENSERED)
อ.ประชารก (ครูใหญ่) , อ.ภูมิใจเท (ผู้ช่วยครูใหญ่) , อ.ก้าวเก , อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด ทุกท่าน ตายเรียบ
สภาพศพ อย่าให้พูดเลย อยู่ในลิฟต์ที่ร่วงตกลงมาสูงขนาดนั้นจะไปเหลืออะไรล่ะ มีทั้งกระดูกหักหงิกงอทั้งตัว คอบิดผิดรูป กระโหลกยุบ ตาทะลักลิ้นจุกปาก เลือดไหลออกทางทวารทั้ง 7 บนใบหน้า ยังมีบางท่านที่ต้องขอสงวนชื่อ ถึงกับอุจจาระแตกเต็มกางเกง มีเสียงเด็กนักเรียนคนหนึ่งพูดอุทานขึ้นมาอย่างปลงๆ ว่า "เฮ้อ เวรกรรม!"
กริ้งงงงง.. กริ้งงงงง.. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
เด็กชายสันติ แสนงาม นักเรียนชั้น ม.3 ค่อยๆขยับตัว เอื้อมมือไปกดปิดสัญญาณปลุกของนาฬิกาปลุกที่ขอบหัวเตียงนอน แล้วจึงลืมตา ขยับตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินงัวเงียอย่างช้าๆไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายหนักเบา ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ เสร็จแล้วออกมารีบแต่งตัวใส่เสื้อกางเกงกีฬาพละ เพิ่อจะไปร่วมงานแข่งขันกีฬาสีประจำของโรงเรียนในวันนี้
พอแต่งตัวเสร็จลงบันไดมายังที่โต๊ะทานอาหารในห้องครัว ก็พบกับแม่ของเขา นางมณฑา แสนงาม กำลังสาละวนอยู่กับการทำความสะอาดล้างถ้วยล้างชามและจัดเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวอื่นๆ อยู่อย่างขะมักเขม้น
บนโต๊ะทานอาหาร มีอาหารเช้าที่เตรียมไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้วยังอุ่นๆวางอยู่ สันตินั่งลงเตรียมจะรับทาน แต่ก็หยุดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
"แม่ครับ เมื่อคืนผมฝันไม่ดีเลยครับ"
นางมณฑา หยุดชะงักกิจกรรมที่ทำอยู่ชั่วคราวเมื่อได้ยินเสียงลูก แล้วจึงพูดออกมาว่า "แล้วลูกฝันว่าอะไร? หือ"
"ผมฝันว่า ลิฟต์ที่โรงเรียนตกลงมา ครับ" สันติตอบ
"ลูกดูหนังมากเกินไปจนดึกดื่นแล้วเก็บเอาไปฝันมั้ง ว่าแต่แล้วมีใครเป็นอะไรบ้างรึเปล่าล่ะ?" นางมณฑาถามต่อ
"เอ่อ ในลิฟต์มีอาจารย์ประจำสีอยู่ครบทั้ง 5 คนเลย มีครูใหญ่ด้วยครับ ลิฟต์ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ทุกคนตายหมดเลยครับ โอ้.. พูดแล้วผมยังเสียวๆ อยู่เลยครับแม่"
นางมณฑา นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ พอได้ยินว่า...
"ลิฟต์ตกจากชั้น 10 มีคนตาย 5 คน น่าจะเป็น 510 แต่ลิฟต์ร่วงลงมา ต้องลดลง 1 งั้นก็ต้องเป็น 509 มั้งนะ ต้องใช่แน่ๆ งวดนี้ 509 ชัวร์ เลขสวยด้วยสิ"
นางมณฑา มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นทันทีเมื่อขบคิดแก้ปัญหาได้สำเร็จ แล้วพูดขึ้นว่า "โอเคเลย ขอบใจมากนะลูก"
- - - จ บ - - -
( หมายเหตุ. บทประพันธ์ดัดแปลงแก้ไขชิ้นนี้ แต่งขึ้นเพื่อความสนุกบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น )
⚡️🔥💥 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#48 Week#14, 28 กย. - 2 ตค. "THAILAND ONLY" - ถุงมือ กี ฬ า สี 5 ห่ ว ง 💥🔥⚡️
เรื่องนี้ออกแนวเสียดสี จี๊ดจ๊าด มันส์แซ่บ! แค่ชื่อตัวละครแต่ละคนก็มันส์แล้ว
เช้าวันหนึ่ง ณ โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง มีการแข่งกีฬาสี ครูนักเรียนและผู้ปกครองมากันมากมาย พอถึงตอนที่อาจารย์คนสำคัญซึ่งประจำสีทั้ง 5 มากันแล้วพากันขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้นสิบซึ่งเป็นชั้นสูงสุดแล้ว เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ประตูลิฟท์เปิดไม่ออก แล้วข้างบนเหนือลิฟท์ขึ้นไปก็เกิดการระเบิดขึ้น ตูม !!
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามเกาะสถานการณ์ไปด้วยกันครับ ตามมาโลด !! ^^
บนตึกชั้นที่ 10 ในห้องประชุมไพลินบูรพา เหล่าตัวแทนของครูและนักเรียนจากทั้ง 5 สี ( ส้ม-แดง-เหลือง-ชมพู-ฟ้า ) ล้วนมาครบหมดแล้ว ขาดแค่เพียง 5 ครูประจำสี หรือ อาจารย์หัวหน้าประจำสีทั้ง 5 ท่านเท่านั้น ( อ.ก้าวเก , อ.เพื่อไค , อ.ประชารก (ครูใหญ่) , อ.ภูมิใจเท และ อ.ชนทิปัด ตามลำดับ )
เหล่าครูและนักเรียน ส่วนใหญ่ล้วนกระสับกระส่าย กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้ล่วงเลยเวลาตามนัดหมายประชุม ก่อนการเปิดงานกีฬาสีมาได้นานนับเกือบชั่วโมงแล้ว การให้อดทนรอนับเป็นความรู้สึกที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ผู้ใดใช้ให้พวกที่มาสายเหล่านี้เป็นหัวหน้าประจำสีทั้ง 5 กันเล่า
กล่าวไป ราวกับนัดกันไว้ อาจารย์หัวหน้าประจำสีทั้ง 5 ท่าน ที่ผู้อื่นต้องกำลังอดทนรอคอย ก็ได้มาถึงหน้าโรงเรียนในเวลาใกล้เคียงไล่เลี่ยกัน
ทั้งห้าพนมมือไหว้ทักทาย กล่าวสวัสดีกันตามธรรมเนียมไทย อยู่ครู่หนึ่ง อ.ประชารก และ อ.ภูมิใจเท เดินนำเข้าโรงเรียนมาก่อนด้วยนับจากตำแหน่ง ( ครูใหญ่ และ ผู้ช่วยครูใหญ่ ) และความอาวุโส ตรงไปยังตึกอำนวยการ อ.ก้าวเก อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด จึงได้เดินตามมา โดยด้านหลังคือเหล่าครูใกล้ชิดสนิท และลูกศิษย์นักเรียนติดตามของอาจารย์ทั้งห้า
เมื่อมาถึงที่หน้าลิฟต์ของตึก เจ้าหน้าที่นักการภารโรงของโรงเรียนได้กดประตูลิฟต์รอไว้แล้ว
อ.ประชารก และ อ.ภูมิใจเท เข้าไปก่อน ยืนอยู่แถวหลัง อ.ก้าวเก อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด ที่ตามมาจึงยืนอยู่แถวหน้า
ความจริงลิฟต์ขนาดประมาณ 1x1.5 เมตร พอบรรจุผู้โดยสารได้ 7-8 คน แต่ยังไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับอาจารย์ทั้งห้าท่านเหล่านี้
เมื่อกดหมายเลขชั้นที่ 10 ประตูลิฟต์ปิดลง และพาบุคคลสำคัญทั้งห้าท่านนี้ ขึ้นไปข้างบน
แต่ทว่า หลังจากลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 10 อันเป็นที่สุดของลิฟต์ตัวนี้ ประตูลิฟต์ไม่ได้เปิดออก กลับเกิดเสียงระเบิดด้านบน แล้วตัวลิฟต์ก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ดูได้จากตัวเลขดิจิตอลเหนือประตูลิฟต์ที่นับถอยหลังจนแทบมองตามไม่ทัน
เหล่าอาจารย์หัวหน้าประจำสีทั้ง 5 ล้วนเป็นหนุ่มใหญ่วัยทอง ย่อมมีปฏิกริยาเชื่องช้ากว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง เสียงระเบิดที่ดังอยู่เหนือหัวและลิฟต์ที่ทิ้งดิ่งลง ย่อมเป็นเพราะเกิดปัญหากับสายเคเบิลของลิฟต์ ความตระหนกบังเกิดขึ้นในจิตใจของทุกท่าน
ถึงกระนั้น ด้วยการที่ทุกท่านขยันหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ กับทานถั่งเช่า กินธาตุเหล็ก เคี้ยวปูนหมาก เป็นประจำ และได้ฝึกปฎิบัติควบคุมรักษาจิตใจ ละความละโมบ หลงตนลืมตัว อยู่บ้าง แม้ตระหนกก็มิได้หวาดกลัว ดังเช่นที่ อ.ประชารก ยืนกอดอกเอนหลังพิงผนังลิฟต์ราวกับไร้เรื่องราว ซึ่งอาจารย์หัวหน้าสีอื่นอีก 4 ท่าน ต่างทราบดีว่า อ.ประชารก คือผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นหมากรุก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เชี่ยวชาญวิชาการเล่นหมากรุกเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างจากถูกมัดมือมัดเท้า ได้แต่ต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา
แต่ อ.ภูมิใจเท ไม่เป็นเช่นนั้น
เท-หนูเหล็ก อ.ภูมิใจเท ดังคำกล่าวว่า โลกนี้แท้จริงไม่มีหนูเจอรี่ มีเพียงหนูเหล็กกับยิ้มที่ขบขัน และหนูที่ยิ้มน่าขบขันที่สุดก็คือ หนูเหล็ก ภูมิใจเท ผู้ที่อายุราวกลางๆในบรรดาอาจารย์ประจำสีทั้งห้า เพียงยังไม่ถึง 60 แต่ด้วยความสำเร็จในวิชากำลังภายนอกที่นับเป็นเอกในแผ่นดิน ยิ่งได้รับเคล็ดวิชาชักนำกำลังภายนอกเข้าสู่ภายในของสำนักอสรพิษ งูเห่าสลายสี ด้วยแล้ว ความสำเร็จของท่านยิ่งนับว่าเป็นหนูติดสเก๊ตพลังเทอร์โบที่เท้าเลย
อ.ภูมิใจเท เคลื่อนกายหาริมขอบลิฟต์ เพื่อหลีกเลี่ยงจุดตกกระทบหนักที่สุดที่กลางลิฟต์ ยกขาขวาขึ้นตั้งเข่าฉาก เหลือเพียงเท้าซ้ายสัมผัสพื้นเพื่อลดจุดกระแทก ตั้งอยู่ในท่าหนูทองขาเดียว กางศอก คว่ำฝ่ามือลงในระดับเอว ส่งพลังทั้งหมดในร่างลงไปคุ้มครองป้องกันที่เท้าซ้าย ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น อย่างมากก็เพียงเสียสละเท้าซ้ายไปข้างหนึ่งยังคงสามารถรักษาชีวิตไว้ ขณะที่ อ.ก้าวเก ไม่คิดจะอยู่บนพื้นขณะที่ลิฟต์ตก
บนฟ้ามีอินทรี บนผืนดินมี ก้าวเก ผู้กินเรียบรอบวง อ.ก้าวเก เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นไพ่เก้าเก และไพ่ประเภทอื่นๆแทบทุกชนิด เป็นอย่างมาก
อ.ก้าวเก ถอยเฉียงๆเข้ามุมลิฟต์ด้านหลัง กระโดดลอยตัวขึ้น มือเท้าทั้งสี่ใช้ออกด้วยวิชากรงเล็บแมวอันเที่ยงแท้ จิกให้ผนังลิฟต์ตรงมุมทั้งสองด้าน แขวนตัวลอยไว้ในอากาศ ต่อให้ลิฟต์ตกถึงพื้น ท่านก็ไม่ได้ตกถึงพื้นไปด้วย ย่อมสามารถรักษาชีวิตได้
มีเพียง อ.ชนทิปัด ที่ยืนนิ่งๆไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่ใบหน้านั้นปรากฏแววสีม่วง เพราะความจริงได้ลอบเกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนภายในร่างกายรอแล้ว
อาจารย์ผู้มีอาวุโสน้อยที่สุด อายุเพียง 55 ปี แม้ภายนอกท่านจะดูสันทัด ค่อนข้างผอมเสียด้วยซ้ำไป แต่กล้ามเนื้อร่างกายของท่านหาได้อ่อนเหลวปวกเปียกไม่ จากการที่เล่นฟิตเนสอยู่เป็นประจำ ทำให้วิชาเข็มในสำลี เมื่อรวมกับการใช้เคล็ดวิชา ยืมพลังใช้พลังสลายแรงปะทะ แม้ขณะลิฟต์กำลังดิ่งลงไป รอยยิ้มของท่าน อ.ชนทิปัด หาได้สลายไปไม่
ข้างฝ่าย อ.เพื่อไค ที่อาจารย์ท่านอื่นเห็นว่าท่านยืนหันหลังให้ผู้อื่น หันหน้าเข้าหากำแพงผนังของลิฟต์นิ่งอยู่นั้น ด้วยวิชายิมนาสติกตัวเบา ที่ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ และท่าที่ท่านบัญญัติขึ้นเอง 'บังนภา ชิงเมฆ' ยังใช้ได้อยู่
หลังจากลอบสังเกตท่วงท่าการเคลื่อนไหวของอาจารย์แต่ละท่านเพียงแว๊บเดียวแล้ว อ.เพื่อไค ก็จึงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า หมุนตัวสะบัดเท้ากลับหลังถีบใส่ผนัง ยืมพลังกระโดดเป็นท่าวานรเหินหาว กางแยกแขนแยกขาออกทั้ง 4 ทิศ เอื้อมมือสองข้างไปคว้าจับไหล่ อ.ประชารก ( ครูใหญ่ ) กับไหล่ของ อ.ก้าวเก พลิกขาวางพาดบ่า อ.ชนทิปัด เท้าอีกข้างวางบนเข่าขวาของ อ.ภูมิใจเท เรียกว่าใช้ผู้อื่นเป็นที่รองมือรองเท้าแทน หากจะตายก็ตายด้วยกัน แต่หากจะรอด อย่างน้อยท่านก็จะเป็นผู้หนึ่งที่รอด
อาจารย์ท่านอื่นมัวเพ่งสมาธิกับการรับมือสถานการณ์ตรงหน้า ไม่คิดว่า อ.เพื่อไค จะใจกล้าหน้าด้านใช้ลูกไม้เช่นนี้ จึงไม่อาจป้องกันการเคลื่อนไหวเอารัดเอาเปรียบครานี้ได้ แต่ชั่วพริบตาที่การลงมือของ อ.เพื่อไค สำเร็จ ลิฟต์ก็ตกลงถึงพื้น เป็นชั่วพริบตาที่ตัดสินชะตาชีวิต
ณ เวลา ที่อาจารย์ประจำสีทั้ง 5 ท่าน กำลังพยายามใช้สติและวิชาประจำตัวเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่นั้น เหล่าครูคนอื่นๆและลูกศิษย์นักเรียน ที่เฝ้าคอยรอต้อนรับทั้ง 5 อาจารย์ ที่หน้าลิฟต์ชั้น 10 มองเห็นลิฟต์แสดงตัวเลข 10 แค่ชั่ววูบ ก่อนที่ตัวเลขจะลดลงอย่างรวดเร็ว ต่างตระหนกด้วยรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ครูและลูกศิษย์ที่มีปัญญาอยู่บ้าง รีบวิ่งลงบันไดไปยังข้างล่างที่ชั้น 1 อันจะเป็นจุดสิ้นสุดของลิฟต์ อย่างรวดเร็วทันที
ตูมมมม!!!
ชั่วพริบตาที่ตัดสินชีวิตมาถึงแล้ว ลิฟต์ตกจากชั้น 10 ลงสู่ชั้น 1 กระแทกพื้นอย่างรุนแรง จนไฟฟ้าในอาคารตึกอำนวยการดับหมดทุกชั้น แรงกระแทกทำเอาผนังกำแพงถึงกับพังทลายลง เศษอิฐหินปูนระเบิดแตกกระจัดกระจาย ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หลังจากใช้เวลาเกือบ 5 นาที ไฟสำรองจึงทำงาน ชั้น 1 กลับมาสว่างอีกครั้ง
คำสั่งเรียกหน่วยกู้ภัยพร้อมเครื่องมือช่วยชีวิตถูกสั่งออกไป พวกครูทั้งหลายและเหล่าบรรดาลูกศิษย์นักเรียนของทั้งห้าอาจารย์ ต่างไม่รีรอ ลงมือช่วยกันขนย้ายรื้อกองเศษหินและปูนออกจากหน้าลิฟต์ อย่างเร่งรีบทันที
อีกชั่วเวลาเพียง 20 นาที หน่วยกู้ภัยก็ได้มาถึงที่หน้าตัวลิฟต์ แล้วใช้เครื่องมืองัดถ่างที่เตรียมมาเปิดประตูลิฟต์ได้สำเร็จ เหล่าครูและลูกศิษย์นักเรียนต่างรีบกรูกันเข้าไปจะช่วยเหลืออาจารย์ทั้งหมดของพวกเขาออกมา
แต่ภาพที่เห็นด้านหลังประตูลิฟต์ ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวชา บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ร่างกายสั่นสะเทิ้มสะท้าน
อ.ประชารก (ครูใหญ่) , อ.ภูมิใจเท (ผู้ช่วยครูใหญ่) , อ.ก้าวเก , อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย
คนที่มาถึงภายหลังมองเข้าไป บางคนถึงกับขนลุก บางคนอ้าปากจนคางแทบกระแทกพื้น บางคนอุดปากไม่อยู่ ต้องส่งเสียงอุทานออกมาดังลั่น
..... (CENSERED)
อ.ประชารก (ครูใหญ่) , อ.ภูมิใจเท (ผู้ช่วยครูใหญ่) , อ.ก้าวเก , อ.เพื่อไค และ อ.ชนทิปัด ทุกท่าน ตายเรียบ
สภาพศพ อย่าให้พูดเลย อยู่ในลิฟต์ที่ร่วงตกลงมาสูงขนาดนั้นจะไปเหลืออะไรล่ะ มีทั้งกระดูกหักหงิกงอทั้งตัว คอบิดผิดรูป กระโหลกยุบ ตาทะลักลิ้นจุกปาก เลือดไหลออกทางทวารทั้ง 7 บนใบหน้า ยังมีบางท่านที่ต้องขอสงวนชื่อ ถึงกับอุจจาระแตกเต็มกางเกง มีเสียงเด็กนักเรียนคนหนึ่งพูดอุทานขึ้นมาอย่างปลงๆ ว่า "เฮ้อ เวรกรรม!"
กริ้งงงงง.. กริ้งงงงง.. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
เด็กชายสันติ แสนงาม นักเรียนชั้น ม.3 ค่อยๆขยับตัว เอื้อมมือไปกดปิดสัญญาณปลุกของนาฬิกาปลุกที่ขอบหัวเตียงนอน แล้วจึงลืมตา ขยับตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินงัวเงียอย่างช้าๆไปเข้าห้องน้ำ ถ่ายหนักเบา ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ เสร็จแล้วออกมารีบแต่งตัวใส่เสื้อกางเกงกีฬาพละ เพิ่อจะไปร่วมงานแข่งขันกีฬาสีประจำของโรงเรียนในวันนี้
พอแต่งตัวเสร็จลงบันไดมายังที่โต๊ะทานอาหารในห้องครัว ก็พบกับแม่ของเขา นางมณฑา แสนงาม กำลังสาละวนอยู่กับการทำความสะอาดล้างถ้วยล้างชามและจัดเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวอื่นๆ อยู่อย่างขะมักเขม้น
บนโต๊ะทานอาหาร มีอาหารเช้าที่เตรียมไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้วยังอุ่นๆวางอยู่ สันตินั่งลงเตรียมจะรับทาน แต่ก็หยุดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
"แม่ครับ เมื่อคืนผมฝันไม่ดีเลยครับ"
นางมณฑา หยุดชะงักกิจกรรมที่ทำอยู่ชั่วคราวเมื่อได้ยินเสียงลูก แล้วจึงพูดออกมาว่า "แล้วลูกฝันว่าอะไร? หือ"
"ผมฝันว่า ลิฟต์ที่โรงเรียนตกลงมา ครับ" สันติตอบ
"ลูกดูหนังมากเกินไปจนดึกดื่นแล้วเก็บเอาไปฝันมั้ง ว่าแต่แล้วมีใครเป็นอะไรบ้างรึเปล่าล่ะ?" นางมณฑาถามต่อ
"เอ่อ ในลิฟต์มีอาจารย์ประจำสีอยู่ครบทั้ง 5 คนเลย มีครูใหญ่ด้วยครับ ลิฟต์ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ทุกคนตายหมดเลยครับ โอ้.. พูดแล้วผมยังเสียวๆ อยู่เลยครับแม่"
นางมณฑา นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ พอได้ยินว่า... "ลิฟต์ตกจากชั้น 10 มีคนตาย 5 คน น่าจะเป็น 510 แต่ลิฟต์ร่วงลงมา ต้องลดลง 1 งั้นก็ต้องเป็น 509 มั้งนะ ต้องใช่แน่ๆ งวดนี้ 509 ชัวร์ เลขสวยด้วยสิ"
นางมณฑา มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นทันทีเมื่อขบคิดแก้ปัญหาได้สำเร็จ แล้วพูดขึ้นว่า "โอเคเลย ขอบใจมากนะลูก"