เริ่มจากเมื่อปี 2557 เราได้จัดฟันที่คลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อนจัดฟันก็ได้ X-ray ฟัน แล้วพบว่ามีฟันคุดอยู่ 2 ซี่ก่อนจัดฟันหมอได้ผ่าไป 1 ซี่ ซึ่งซี่นี้โผล่มาเต็มแล้ว ราคาผ่าที่คลินิกตอนนั้นหมอแจ้งว่าราคา 2,500-4,000 บาท แล้วแต่ความยากง่าย เราก็คิดว่าของเราคงแค่ 2,500 บาท สุดท้ายหมอคิดเรา 3,000 บาท 555  จบไป ส่วนอีก 1 ซี่ หมอบอกว่ามันยังไม่มีปัญหา ไม่โผล่ จัดฟันเสร็จค่อยเอาออกก็ได้  ผ่านไป2 ปีจัดฟันเสร็จก็ยังไม่ได้เอา 1 ซี่ที่เหลือออก และเราก็ไม่รู้สึกว่ามีมันอยู่ในปากเลย เพราะมันไม่โผล่ ไม่ปวดใดๆทั้งสิ้น
             ต้นปี 63 เราเคยไปสอบถามที่คลินิก หมอที่คลินิกไม่รับเคสเรา บอกว่ามันยากใกล้เส้นประสาท ให้ไปหาหมอ ร.พ. ดีกว่า
              7 ส.ค.63 พอดีได้ไปที่ ร.พ. สมเด็จฯ ก็เลยคิดว่าลองไปปรึกษาหมอดูดีกว่า เผื่อจะได้คิวผ่า  เราเลยขึ้นไปที่ชั้น 3  อาคารอนุสรณ์ ๑๐๐ ปี จะเป็นคลินิกทันตรรม ขึ้นบันไดเลื่อนไปจะเจอป้ายพอดี อยู่ตรงข้ามกับคลินิกประกันสังคม

 
        ติดต่อหน้าเค้าเตอร์บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะมาปรึกษาเรื่องผ่าฟันคุด ได้บัตรคิวมารอบเกือบชั่วโมง ก็ได้เข้าพบหมอ  และได้เอารูปฟิล์มX-ray ที่ถ่ายไว้ บอกหมอว่าตั้งแต่ปี 57 นะคะ หมอเลยให้เรา X-ray ใหม่ เพราะมัน 5  ปีก่าแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลง

         สรุปไป X-ray แล้ว ขนาดและตำแหน่งยังเท่าเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด หมอเลยถามว่าทำไมอยากเอาออก  ไม่เอาออกก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ เพราะผ่านมาหลายปีแล้ว ยังไม่เปลี่ยนแปลงไม่โผล่   (ที่เราอยากเอาออกเพราะว่ากลัวว่ามันจะไปชนฟันปกติ ทำให้เสียหายเพราะมันไม่โผล่ออกมาข้างนอก มันมุดอยู่ใต้เหงือก  จัดฟันมาด้วย กลัวฟันล้มค่ะ)  หมอเลยเดินไปถามหมอผู้ชายอีกคนหนึ่ง หมอผู้ชายบอกว่าเอาออกเถอะ อายุยังน้อยแผลจะได้หายเร็ว กลัวว่าจะไปเติบโตตอนแก่มันจะหายยาก สุดท้ายหมอเลยแจ้งว่างั้นเอาออกเนอะ แต่หมอจะนัดหมอที่เก่งที่สุดให้นะเพราะเคสยาก เลยได้ใบนัดมาเป็นวันที่ 22 กันยายน 2563 เวลา 13.30 น.
      วันที่ 21 ก.ย. 63 มีเจ้าหน้าที่โทรมาคอนเฟิมนัดว่าพรุ่งนี้เวลา 13.30 น. มีนัดผ่าฟันคุดกับคุณหมอ..... นะคะ  โอ้ววว ยังกะ ร.พ.เอกชน 5555
      วันที่ 22 ก.ย. 63  เราไปถึงร.พ. เกือบบ่าย ไปลงทะเบียนที่หน้าเคาเตอร์ชั้น 1 ก่อน โดยยื่นใบนัด บัตรประชาชน บัตรร.พ.(เคยทำไว้แล้ว) พอได้เอกสารมาก็ขึ้นไปที่ชั้น 3 คลินิกทันตกรรม ยังไม่ถึงบ่ายโมง ประตูจะยังล็อคอยู่ ก็นั่งรอแป้บนึง ระหว่างรอก็ไปวัดความดันรอไว้  พอประตูเปิดคนที่รอก็ต่อแถวกันยื่นเอกสารที่ได้มา ใครมีใบนัดก็ยื่นอีกแถวนึง ยังไม่ถึงบ่ายโมงครึ่ง พยาบาลก็เรียกพบหมอที่นัดไว้  ตื่นเต้นมาก กลัวก็กลัว กลัวเจ็บ กลัวประสาทเสีย 555
      พอเข้ามาพบหมอ หมอก็ถามว่า ปวดมั้ย เคยปวดมั้ย ไม่เคยปวดเลยแต่อยากเอาออก หมอก็ฉีดยาชา หมอบอกเจ็บนิดนึงนะครับ  แต่เราว่าไม่เจ็บเลย แค่รู้สึกนิดเดียว  ไม่กี่นาทีก็เริ่มการผ่า เราชาแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่ไปๆมาๆ เริ่มเจ็บริมฝีปากเพราะงัดแล้วตัด งัดแล้วตัด จนเราท้อ ไม่ออกสะที นึกถึงเพลง งัดถั่งงัดในทันที 5555   ผู้ช่วยทันตฯ ก็พยายามช่วยเราเต็มที่ ทาวาสลีนให้เป็นระยะ พยายามพูดให้เราไม่กลัว ไม่เกร็ง พอออกมาได้หมอก็เย็บแผล ด้วยไหมละลายให้ ผช.ทันตฯ บอกว่าประมาณ 1 เดือนก็จะละลายไปเอง แต่ถ้ารำคาญก็มาตัดไหมได้  แล้วให้ไป X-ray  อีกรอบ เพื่อเช็คว่ารากฟันออกมาหมดรึยัง  เราก็กลัวว่าจะไม่หมดนะ กลัวจะต้องงัดกันอีกรอบ เพราะตอนนี้ริมฝีปากเราบวมหมดแล้วเพราะเครื่องมือหมอเบียดไปมาจนพอง โชคดีที่หมดแล้ว รอดดดด
       พอเสร็จหมดก็คืนเอกสารให้มายื่นหน้าเคาเตอร์คลินิกทันตกรรม ผช.ทันตฯ แนะนำว่าพอได้ยาแก้ปวดแล้วให้กินไว้เลย ไม่ต้องรอตอนเย็นเพราะยาชาหมดฤทธิ์พอดี เคาเตอร์ให้เอกสารมาให้ไปรับยาที่ช่อง 40 ชั้น 2 ได้ยาฆ่าเชื้อ และยาโพรเฟ่นมา  พอถึงบ้านก็กินยานอนไป 3 ช.ม.เต็มๆ นึกว่าตื่นมาจะปวด  แต่ไม่ปวดเลย หรือว่าเพราะกินยาไว้  ตื่นมากินข้าวกินยาอีกรอบ เอาเจลสำหรับทาร้อนในโปะปากไว้ด้วย คิดไว้ว่าตื่นเช้ามาต้องปวดหนักแน่ ผช.ทันตฯ ก็เคลมว่าปวด บวมแน่นอนเลยคนไข้  555  พอเช้ามา อุ้ยๆๆๆๆๆ ไม่ปวดใดๆ งงมากแม่ ดีจังเลยยยยย และผ่านมาหลายวันก็ไม่ปวดอีกเลย กินยาแก้ปวดแค่ 2 วันเอง ลองเลิกกินว่าจะปวดมั้ย ก็ไม่ปวดดดด  
    *****ราคาผ่าฟันคุดหมอลงบิลไว้ 1,000 บาท ค่ะ***
จบการรีวิว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คนที่กำลังหาข้อมูลได้สักนิดนะคะ