สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เคยคิดว่า น่าจะลาออกมาเร็วกว่านี้ แต่เมื่อพิจารณาดูอีกครั้งพบว่า ที่สำเร็จมานี่ ส่วนหนึ่งก็มาจากประสบการณ์จากการทำงานมนุษย์เงินเดือนนี่แหละ แล้วก็ทุนที่จะเอามาลง ก็ได้มาจากการเก็บออมจากเงินเดือนนี่แหละ ครับ จะไปรังเกียจหรือดูแคลนว่าเป็นทาสได้อย่างไร ?
ไม่เคยเสียดายเวลาชีวิตมนุษย์เงินเดือน ของตัวเองที่ผ่านมาเลยสักนิดเดียว ส่วนที่เคยคิดว่า น่าจะออกมาเร็วกว่านี้ ก็ไม่คิดแล้ว เพราะเรื่องแบบนี้ มันอยู่ที่จังหวะเวลา และความพร้อมด้วย ออกมาเร็วกว่านี้ อาจจะแย่ก็ได้ หรือช้ากว่านี้ อาจจะแย่ก็ได้ ใครจะรู้ ?
ความคิดส่วนตัวของผมคือ อะไรที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันมีค่าและประโยชน์ ในตัวของมันครับ มันขึ้นอยู่กับว่า เราเอาสิ่งที่ได้มาส่วนดีมาต่อยอดทำอะไร เราเอาสิ่งผิดพลาดสิ่งที่เคยทำแย่ มาปรับปรุงแก้ไขมันอย่างไร ครับ
ไม่เคยเสียดายเวลาชีวิตมนุษย์เงินเดือน ของตัวเองที่ผ่านมาเลยสักนิดเดียว ส่วนที่เคยคิดว่า น่าจะออกมาเร็วกว่านี้ ก็ไม่คิดแล้ว เพราะเรื่องแบบนี้ มันอยู่ที่จังหวะเวลา และความพร้อมด้วย ออกมาเร็วกว่านี้ อาจจะแย่ก็ได้ หรือช้ากว่านี้ อาจจะแย่ก็ได้ ใครจะรู้ ?
ความคิดส่วนตัวของผมคือ อะไรที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันมีค่าและประโยชน์ ในตัวของมันครับ มันขึ้นอยู่กับว่า เราเอาสิ่งที่ได้มาส่วนดีมาต่อยอดทำอะไร เราเอาสิ่งผิดพลาดสิ่งที่เคยทำแย่ มาปรับปรุงแก้ไขมันอย่างไร ครับ
ความคิดเห็นที่ 7
ของเรายังไม่ทันได้ทำจริงจัง ลองทำช่วงเรียนต่อ งานไม่ตรงสายเลือกใกล้ที่เรียนโท มีเวลาไปอ่านหนังสือ ทำแค่ 2 เดือน
ว่าจะสอบราชการ วางแผนอ่านหนังสือหลายปี สุดท้ายสอบผ่านหมด เนติ จบโท เหลือแค่ไปสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาสนามเล็ก
เราคิดว่าคงไม่ใช่แนวทางเรา ไม่มีความสุข ชอบทำธุรกิจมากกว่า เลยหยุดสอบ คนไม่เห็นด้วยเยอะ ช่วงแรกก็ลำบากหน่อย
แต่เราโชคดี ระหว่างเรียนมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ลูกค้าประจำหลายเจ้า งานสอนพิเศษเราเยอะด้วย เต็มทั้งเสาร์อาทิตย์ พอกิน
งานกฎหมายพอมีบ้าง หันมารับงานเต็มตัว รายได้จากห้าหมื่น เพิ่มไปจนเกินแสน ทำงานหนักๆอยู่ 5-6 ปี ค่อยๆสร้างกิจการ
ซื้อทรัพย์สิน มีเงินเท่าไหร่ก็เทไปกับการสร้าง ซื้อ ซ่อม ไม่ค่อยได้เที่ยว ไปเมืองนอกแค่ 3 ครั้ง ของแบรนด์เนมไม่ได้ซื้อเลย
ใช้แบรนด์ในห้างหลักพัน เรียกว่าช่วง 30-40 ทำงานงกๆเอาเงินรายได้ไปสร้างต่อ เล่นหุ้นบ้าง หมุนเวียนไปแบบนี้ จนอยู่ได้
ตอนนี้เรามีกิจการ 2 อย่าง ช่วงโควิดก็ไม่มีรายได้ ปิดไว้ก่อน มันลงทุนไม่คุ้ม เอาไว้เปิดปีหน้าทีเดียว แต่เราก็อยู่ได้สบายนะ
เพราะกิจการใช้เงินสดสร้าง ไม่มีหนี้มีแค่ค่าน้ำไฟ ค่าคนงานก็จ้างเป็นคราวๆ ทำความสะอาด ช่างซ่อม ไม่ได้จ้างรายเดือน
ที่บ้านช่วยกันทำเลยประหยัดไปเยอะ ให้เลือกอีกครั้งเราก็ชอบใช้ชีวิตแบบนี้ อิสระ สบายใจดี อยากไปไหนตอนไหนกินอะไรก็ได้
เราไม่ค่อยเปลืองกับเรื่องกินอยู่แล้ว วันหนึ่ง 200-300 ก็อิ่ม นานทีค่อยกินเปลืองบ้าง เราไม่ได้รวยมาก แต่อยู่ได้สบาย อะไรที่หนัก
เช่นกิจการอาจขายออกบ้าง ลดภาระลง เอาที่ตัวเองสบายไม่เครียด ไม่ต้องตื่นเช้าไปรถติด มันเสียเวลา เราเคยเสียมาเยอะแล้ว
เพื่อนๆและคนรอบตัวก็อิจฉาเรา ใช้ชีวิตสบาย มันก็เหนื่อยช่วงแรก มาตอนนี้เราพอใจ รวยแล้วมีสุขภาพไม่ดีไม่เอา แต่ก่อนป่วยบ่อย
เพื่อนเรารวยกว่าเราทุกคน แต่เค้ามีภาระ มีครอบครัวมีลูก เราไม่มีเลยทำได้ บางคนก็ขยันเพราะบ้าพลัง ยอมรับจริงๆเราทำไม่ได้
คนมีลูกค่าเรียนรวมกันปีหนึ่งก็เป็นล้านแล้ว ค่ากินค่าใช้จ่ายอีก ยิ่งถ้าซื้อบ้านรถแพง เดี๋ยวนี้ 10 ล้านหลังนิดเดียว รถคันหนึ่ง2-3 ล้าน
ก็สู้กันต่อไป ทั้งคนทำงานประจำ ทำธุรกิจ เลือกแนวทางที่มันเหมาะกับตัวเอง แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน เวลาคนถามเราไม่กล้าแนะนำ
อย่าเล่นหุ้นมันเสี่ยง อสังหาริมทรัพย์ก็ต้องมีความรู้บวกดวงด้วย กิจการคนส่วนใหญ่ใจร้อนชอบกู้มากกว่าค่อยๆสร้าง พอล้มจะโทษเรา
ว่าจะสอบราชการ วางแผนอ่านหนังสือหลายปี สุดท้ายสอบผ่านหมด เนติ จบโท เหลือแค่ไปสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาสนามเล็ก
เราคิดว่าคงไม่ใช่แนวทางเรา ไม่มีความสุข ชอบทำธุรกิจมากกว่า เลยหยุดสอบ คนไม่เห็นด้วยเยอะ ช่วงแรกก็ลำบากหน่อย
แต่เราโชคดี ระหว่างเรียนมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ลูกค้าประจำหลายเจ้า งานสอนพิเศษเราเยอะด้วย เต็มทั้งเสาร์อาทิตย์ พอกิน
งานกฎหมายพอมีบ้าง หันมารับงานเต็มตัว รายได้จากห้าหมื่น เพิ่มไปจนเกินแสน ทำงานหนักๆอยู่ 5-6 ปี ค่อยๆสร้างกิจการ
ซื้อทรัพย์สิน มีเงินเท่าไหร่ก็เทไปกับการสร้าง ซื้อ ซ่อม ไม่ค่อยได้เที่ยว ไปเมืองนอกแค่ 3 ครั้ง ของแบรนด์เนมไม่ได้ซื้อเลย
ใช้แบรนด์ในห้างหลักพัน เรียกว่าช่วง 30-40 ทำงานงกๆเอาเงินรายได้ไปสร้างต่อ เล่นหุ้นบ้าง หมุนเวียนไปแบบนี้ จนอยู่ได้
ตอนนี้เรามีกิจการ 2 อย่าง ช่วงโควิดก็ไม่มีรายได้ ปิดไว้ก่อน มันลงทุนไม่คุ้ม เอาไว้เปิดปีหน้าทีเดียว แต่เราก็อยู่ได้สบายนะ
เพราะกิจการใช้เงินสดสร้าง ไม่มีหนี้มีแค่ค่าน้ำไฟ ค่าคนงานก็จ้างเป็นคราวๆ ทำความสะอาด ช่างซ่อม ไม่ได้จ้างรายเดือน
ที่บ้านช่วยกันทำเลยประหยัดไปเยอะ ให้เลือกอีกครั้งเราก็ชอบใช้ชีวิตแบบนี้ อิสระ สบายใจดี อยากไปไหนตอนไหนกินอะไรก็ได้
เราไม่ค่อยเปลืองกับเรื่องกินอยู่แล้ว วันหนึ่ง 200-300 ก็อิ่ม นานทีค่อยกินเปลืองบ้าง เราไม่ได้รวยมาก แต่อยู่ได้สบาย อะไรที่หนัก
เช่นกิจการอาจขายออกบ้าง ลดภาระลง เอาที่ตัวเองสบายไม่เครียด ไม่ต้องตื่นเช้าไปรถติด มันเสียเวลา เราเคยเสียมาเยอะแล้ว
เพื่อนๆและคนรอบตัวก็อิจฉาเรา ใช้ชีวิตสบาย มันก็เหนื่อยช่วงแรก มาตอนนี้เราพอใจ รวยแล้วมีสุขภาพไม่ดีไม่เอา แต่ก่อนป่วยบ่อย
เพื่อนเรารวยกว่าเราทุกคน แต่เค้ามีภาระ มีครอบครัวมีลูก เราไม่มีเลยทำได้ บางคนก็ขยันเพราะบ้าพลัง ยอมรับจริงๆเราทำไม่ได้
คนมีลูกค่าเรียนรวมกันปีหนึ่งก็เป็นล้านแล้ว ค่ากินค่าใช้จ่ายอีก ยิ่งถ้าซื้อบ้านรถแพง เดี๋ยวนี้ 10 ล้านหลังนิดเดียว รถคันหนึ่ง2-3 ล้าน
ก็สู้กันต่อไป ทั้งคนทำงานประจำ ทำธุรกิจ เลือกแนวทางที่มันเหมาะกับตัวเอง แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน เวลาคนถามเราไม่กล้าแนะนำ
อย่าเล่นหุ้นมันเสี่ยง อสังหาริมทรัพย์ก็ต้องมีความรู้บวกดวงด้วย กิจการคนส่วนใหญ่ใจร้อนชอบกู้มากกว่าค่อยๆสร้าง พอล้มจะโทษเรา
แสดงความคิดเห็น
คนที่ทำกิจการส่วนตัว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ยังจะลาออกจากงานประจำไหมครับ???
ปล.tagสินธรด้วยนะครับ เผื่อบางคนลาออกมาเล่นหุ้น กองทุน หรือpassive incomeต่างๆ