ก่อนอื่นขอขอบคุณครอบครัวพันทิพที่เข้ามาอ่านนะค่ะ และบางคนที่ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ คือเรื่องเป็นอย่างนี้นะคะ
ตอนนี้จกท อยู่ที่ต่างประเทศ แต่วันนี้พี่ชายโทรมาบอกว่าเขามีหนี้บัตรเครดิตธนาคารมานานเกือบสิบปีแล้ว และได้มีการนัดไกล่เกลี่ย ทางทนายแนะนำให้พี่โอนบ้านในกทม มาเป็นชื่อของจกท กับน้องสาว เพื่อปัองกันการโดนยึดทรัพย์
ขอย้อนไปก่อนนะคะ เมื่อก่อน จกท กับพี่ชายอยู่บ้านเดียวกัน มีแม่ และน้องสาวอยู่ด้วยที่ กทม. โดยบ้านที่อยู่กันนี้ เป็นบ้านพี่พ่อจกท เป็นเจ้าของ ซึ่งพ่อได้เสียไปหลายปีมากแล้ว ซึ่งก่อนที่พ่อเสีย พ่อก็ยังติดหนี้แบงค์ก่อนหน้านี้ ซึ่ง จกท ก็ได้ไปทำการปลดใช้หนี้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ พอปิดหนี้เสร็จ ก็ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนไถ่ถอน โฉนดออกจากกรมที่ดิน เพราะฉะนั้น ชื่อยังเป็นชื่อของพ่ออยู่ ยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาท แต่มีพี่ชายเป็นผู้จัดการมรดก ตอนนั้นจกท กับน้องสาวเห็นตรงกันกับว่า ให้เก็บไว้แบบนี้ก่อน เพราะเกรงว่าพี่ชายจะทำเรื่องขึ้นมาเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิต (ตอนนั้นก็มีแนวโน้มอยู่แล้วว่าจะโดนฟ้อง) เลยกลัวว่าธนาคารอาจจะมายึดได้ เลยตกลงยังไม่โอน ตอนนี้พี่ชายอยู่ที่ต่างจังหวัด เขาไม่ได้อยู่บ้านที่กทม แต่ให้ลูกๆ อยู่แทน
ตอนนี้สถานการณ์ของ จกท กลื่นไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ค่ะ เพราะเพิ่งใช้หนี้ก้อนโตไปตอนหนี้ของพ่อ นึกว่าโล่งแล้วว่า บ้านเราเป็นเอกราชแล้ว แต่ที่ไหนได้ เรื่องที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ ตอนนี้เขาอยู่ขั้นไกล่เกลี่ยค่ะ ทนายของพี่ชายเลยแนะนำให้โอนโฉนดมาเป็นชื่อเราร่วมกับน้องสาวก่อน จึงอยากสอบถามว่า มันมีทางเป็นไปได้หรือคะ เพราะบ้านไม่ได้เป็นชื่อของใครเลย อยากจะได้คำปรึกษาจากนักกฏหมาย ว่าเราควรทำอย่างไรดี ถ้าจะให้ จกท ปิดหนี้ให้คงยากมากค่ะ ช่วงนี้เพราะไม่มีตัง พี่ชายต้องการขายสิทธิ์ของเขาแต่เราก็ยังไม่มีเงิน นอกจากนี้เขายังติดหนี้เราตอนที่เราออกเงินใช้หนี้ให้พี่น้องก่อน ตอนบสก. ก็ทีนึงแล้ว ตอนนี้เครียดมาก สามีชาวต่างชาติที่ให้เรายืมเงินไปใช้หนี้ เราก็ไม่อยากเล่าให้เขาฟังแล้วค่ะ เพราะเขาหมดความเชื่อถือในครอบครัว จกท เพราะบอกว่าจะผ่อนใช้เขาแต่ก็ไม่เคยผ่อนเลยสักบาท มีแต่น้องสาวซึ่งผ่อนมาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ต่อมาเห็นพี่ชายยังไม่เคยผ่อนเลย เลยพาลไม่ผ่อนไปด้วยอีก
นอกจากหนี้บัตรเครดิตพี่ชายยังมีหนี้รถยนต์ซึ่งคาดว่าคงโดนยึดอีกไม่นาน คุยก็ก็บ่นน้อยใจว่าพี่น้องไม่ช่วยเขาเลย จกท ก็เลย อยากจะเอาค้อนเขกหัวพี่ชายตัวเองจริงๆ ค่ะ ว่ามันพูดมาได้ยังไง
อย่างนี้จะถูกยึดบ้านไหมคะ
ตอนนี้จกท อยู่ที่ต่างประเทศ แต่วันนี้พี่ชายโทรมาบอกว่าเขามีหนี้บัตรเครดิตธนาคารมานานเกือบสิบปีแล้ว และได้มีการนัดไกล่เกลี่ย ทางทนายแนะนำให้พี่โอนบ้านในกทม มาเป็นชื่อของจกท กับน้องสาว เพื่อปัองกันการโดนยึดทรัพย์
ขอย้อนไปก่อนนะคะ เมื่อก่อน จกท กับพี่ชายอยู่บ้านเดียวกัน มีแม่ และน้องสาวอยู่ด้วยที่ กทม. โดยบ้านที่อยู่กันนี้ เป็นบ้านพี่พ่อจกท เป็นเจ้าของ ซึ่งพ่อได้เสียไปหลายปีมากแล้ว ซึ่งก่อนที่พ่อเสีย พ่อก็ยังติดหนี้แบงค์ก่อนหน้านี้ ซึ่ง จกท ก็ได้ไปทำการปลดใช้หนี้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ พอปิดหนี้เสร็จ ก็ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนไถ่ถอน โฉนดออกจากกรมที่ดิน เพราะฉะนั้น ชื่อยังเป็นชื่อของพ่ออยู่ ยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาท แต่มีพี่ชายเป็นผู้จัดการมรดก ตอนนั้นจกท กับน้องสาวเห็นตรงกันกับว่า ให้เก็บไว้แบบนี้ก่อน เพราะเกรงว่าพี่ชายจะทำเรื่องขึ้นมาเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิต (ตอนนั้นก็มีแนวโน้มอยู่แล้วว่าจะโดนฟ้อง) เลยกลัวว่าธนาคารอาจจะมายึดได้ เลยตกลงยังไม่โอน ตอนนี้พี่ชายอยู่ที่ต่างจังหวัด เขาไม่ได้อยู่บ้านที่กทม แต่ให้ลูกๆ อยู่แทน
ตอนนี้สถานการณ์ของ จกท กลื่นไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ค่ะ เพราะเพิ่งใช้หนี้ก้อนโตไปตอนหนี้ของพ่อ นึกว่าโล่งแล้วว่า บ้านเราเป็นเอกราชแล้ว แต่ที่ไหนได้ เรื่องที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ ตอนนี้เขาอยู่ขั้นไกล่เกลี่ยค่ะ ทนายของพี่ชายเลยแนะนำให้โอนโฉนดมาเป็นชื่อเราร่วมกับน้องสาวก่อน จึงอยากสอบถามว่า มันมีทางเป็นไปได้หรือคะ เพราะบ้านไม่ได้เป็นชื่อของใครเลย อยากจะได้คำปรึกษาจากนักกฏหมาย ว่าเราควรทำอย่างไรดี ถ้าจะให้ จกท ปิดหนี้ให้คงยากมากค่ะ ช่วงนี้เพราะไม่มีตัง พี่ชายต้องการขายสิทธิ์ของเขาแต่เราก็ยังไม่มีเงิน นอกจากนี้เขายังติดหนี้เราตอนที่เราออกเงินใช้หนี้ให้พี่น้องก่อน ตอนบสก. ก็ทีนึงแล้ว ตอนนี้เครียดมาก สามีชาวต่างชาติที่ให้เรายืมเงินไปใช้หนี้ เราก็ไม่อยากเล่าให้เขาฟังแล้วค่ะ เพราะเขาหมดความเชื่อถือในครอบครัว จกท เพราะบอกว่าจะผ่อนใช้เขาแต่ก็ไม่เคยผ่อนเลยสักบาท มีแต่น้องสาวซึ่งผ่อนมาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ต่อมาเห็นพี่ชายยังไม่เคยผ่อนเลย เลยพาลไม่ผ่อนไปด้วยอีก
นอกจากหนี้บัตรเครดิตพี่ชายยังมีหนี้รถยนต์ซึ่งคาดว่าคงโดนยึดอีกไม่นาน คุยก็ก็บ่นน้อยใจว่าพี่น้องไม่ช่วยเขาเลย จกท ก็เลย อยากจะเอาค้อนเขกหัวพี่ชายตัวเองจริงๆ ค่ะ ว่ามันพูดมาได้ยังไง