สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมมีเรื่องอยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการสืบทรัพย์ของลูกหนี้/จำเลยหน่อยครับ
ขอเข้าประเด็นเลยนะครับ
คือเมื่อปีที่แล้ว ก่อนเกิดโควิท ที่บ้านผมมีแปลนว่าจะปรับปรุงบ้านและเดินสายไฟฟ้าใหม่ เพราะบ้านหลังนี้ใช้งานมาหลายปีและสภาพหลายอย่างชำรุดแล้ว
ทางเราเลยตัดสินใจจ้างช่างรับเหมา ซึ่งก็เป็นช่างที่เพื่อนๆแนะนำต่อๆกันมาครับ เพื่อนใช้งานช่างรายนี้มาหลายปี ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันมาแจ็คพอตแตกเกิดปัญหา ตอนเราเรียกใช้นี่แหละ
เราเจอปัญหาโลกแตกเหมือนที่หลายๆคนเคยเจอครับ คือช่างขอมัดจำบางส่วนแล้วก็ทยอยมาทำบ้าง หยุดงานบ้าง แล้วก็ขอเก็บเงินส่วนที่ค้างอยู่ตลอด
ทั้งๆที่เราก็ระวังเรืองนี้อยู่แล้ว การว่าจ้างมีการทำสัญญารอบคอบ การจ่ายเงินแต่ละครั้งต้องโอนเข้าบัญชีคู่สัญญาเสมอ แต่ก็เจอปัญหาจนได้ เรื่องการจ่ายเงิน เราเรียนตรงๆว่าทางช่างมีเทคนิคที่จะกดดันเราให้จ่ายเงินล่วงหน้าตลอด (เช่นบอกว่าต้องใช้เงินไปซื้อวัสดุ ไม่งั้นงานก็เดินต่อไม่ได้ เป็นต้น) ซึ่งสุดท้าย เราก็ต้องจ่ายเงินไปประมาณ 80% ในขณะที่งานเดินไปนิดเดียว แล้วพอมาดูอย่างละเอียด งานหลายอย่างที่ทำก็ใช้ไม่ได้ ต้องให้ช่างอื่นมาแก้
สุดท้าย พอเราตามเรื่องบ่อยๆเข้า ช่างรายนี้ก็หนีงานและติดต่อไม่ได้อีกเลย
เราทำเรื่องฟ้องร้องกับศาลคุ้มครองผู้บริโภคไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จนล่าสุดือศาลตัดสินว่าเราเสียหายจริง และให้ลูกความ/จำเลยชำระค่าเสียหายกับเรา
ซึ่งต่อจากนี้คือเราต้องสืบว่าจำเลยมีทรัพย์อะไรบ้าง จะได้เดินเรื่องกับกรมบังคับคดีเพื่อให้ทำการยึดทรัพย์ตามกระบวนการ
ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้แหละครับ
ในการสืบทรัพย์
- เบื้องต้น ผมอยากทราบว่าจำเลยมีบ้านหรือที่ดินหรือทรัพย์สินอะไรที่เราจะดำเนินการได้บ้าง ผมไปเช็คที่สำนักงานที่ดิน เดิมที ผมคิดว่าสำนักงานที่ดินน่าจะมีข้อมูลออนไลน์แบบกดครั้งเดียวก็ทราบว่า นายคนนี้ เลขประจำตัวประชาชนเลขที่ XXXXXX มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่อำเภอไหน จังหวัดไหนบ้าง แต่ปรากฏว่าผมคิดผิดครับ ทางสำนักงานที่ดินบอกว่าประเทศไทยมีสำนักงานที่ดินเป็นร้อยๆเขต เราไม่สามารถไปครั้งเดียวแล้วเช็คว่านายคนนี้มีทรัพย์อยู่ที่ไหนบ้าง แต่เราต้องไปเช็คทีละเขต ทีละเขตเพื่อเช็คถึงการมีทรัพย์อยู่ของเขาเป็นครั้งๆไป และการเช็คแต่ละเขตก็มีค่าใช้จ่ายเป็นครั้งๆไปเช่นกัน ดังนั้น ถ้าอยากทราบว่านายคนนี้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ที่อำเภอใดจังหวัดใด เราต้องเดินทางไปติดต่อกับสำนักงานที่ดิน ทั่วทั้งประเทศไทยให้ครบทุกเขต และเช็คเป็นเขตๆไป ค่าธรรมเนียมและค่าเดินทางในการเช็คทรัพย์ให้ครบทุกเขตคงสูงกว่ามูลหนี้ที่ฟ้องร้องกันซะอีก ผมเลยเลือกเช็คแค่เขตที่จำเลยมีชื่อในทะเบียนราษฏร์อยู่ ซึ่งก็ไม่เจอว่าจำเลยมีทรัพย์ในเขต/จังหวัดที่ผมเช็ค (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เช่นจำเลยเป็นคนจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในภาคอิสาน ถึงมาอยู่สระบุรี ทำงาน ซื้อบ้านอยู่สระบุรี แต่ชื่อในทะเบียนราษฏร์ของเค้ายังอยู่ที่ภาคอีสาน ดังนั้นเราก็ทราบแต่ว่าเค้าเป็นคนพื้นเพจากภาคอีสาน แต่จะไม่มีทางรู้เลยว่าเค้าไปมีบ้านมีที่ดินในอำเภอไหนจังหวัดไหน นอกจากเราจะไปทยอยเช็คกับสำนักงานที่ดินแต่ละแห่งกันไปเรื่อยจนครบทุกสำนักงาน หรือจนกว่าจะฟลุคเจอว่าเค้าไปมีบ้านหรือที่ดินอยู่ในเขตที่เราไปเช็คเจอพอดี)
- เมื่อใช้วิธีเช็คทรัพย์จากสำนักงานที่ดินไม่ได้ เราก็มาเช็คทรัพย์จากบัญชีเค้าแทน (คือตอนจ่ายเงินให้ช่างแต่ละครั้ง เราจะไม่จ่ายด้วยเงินสด แต่จะจ่ายด้วยการโอน เราจึงรู้ว่าเค้ามีบัญชีที่ธนาคารไหน เบอร์บัญชีอะไร) เราจึงไปติดต่อธนาคารที่เค้ามีบัญชีพร้อมทั้งแสดงเอกสารการฟ้องร้องและผลการตัดสินของศาล เพื่อขอทราบว่าจำเลยรายนี้มีเงินในบัญชีรึเปล่า ถ้ามีเราก็จะได้ดำเนินเรื่องให้กรมบังคับคดีทำเรื่องอาญัติ ปรากฏว่าทางธนาคารแจ้งว่าเป็นข้อมูลของลูกค้า ไม่สามารถเปิดเผยได้ สรุปเราก็เลยไม่สามารถเช็คได้ว่าบัญชีที่เราโอนเงินให้จำเลย ยังเป็นบัญชีที่ยัง active อยู่รึเปล่า มีทรัพย์ในบัญชีให้ยึดรึเปล่า ช่องทางนี้เป็นอันตีบตันไปอีกช่องทางนึง
-เมื่อเช็คทรัพย์ทั้งสองวิธีบนไม่ได้ เราก็เลยไปที่กรมบังคับคดี แล้วก็เล่าเรื่องของเล่าเพื่อขอคำปรึกษา ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าโดยปกติ การเช็คอสังหาริมทรัพย์ของจำเลย ถ้าเอาให้แน่ๆก็คือต้องเช็คกับสำนักงานที่ดินทั่วทั้งประเทศนั่นแหละ ส่วนการเช็คกับธนาคาร ก็เป็นปกติที่ธนาคารอาจะไม่เปิดเผยคข้อมูล ดังนั้น สิ่งที่เราทำด้วยตัวเองได้ เราก็ทำไปหมดแล้ว มีอีกทางก็คือไปจ้างทนายสืบทรัพย์
-เราสอบถามไปทางทนายความ เล่าเรื่องให้ฟัง ทนายถามเราว่ามูลหนี้เป็นเงินเท่าไร ทนายบอกเราว่าทำใจเถอะ ถ้าให้ทนายสืบทรัพย์ ค่าสืบทรัพย์น่าจะสูงกว่ามูลหนี้ความเสียหายที่เราฟ้องร้องได้ซะอีก ยังไม่ต้องนึกถึงว่ากายยึดการดำเนินการ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายหมด
สรุปจากการที่เดินเรืองมาทุกส่วน ไม่มีวิธีไหนที่เราจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองได้เลยเหรอ ??
ผมเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยน สนทนา ปรับทุกข์ หรือขอคำแนะนำ เพื่อนๆที่เจอเคสแบบนี้ว่ามีวิธีการอย่างไรบ้างครับ
ดูๆไป หลายเรื่องก็ไม่น่าเชื่อ อย่างเรื่องการจัดเก็บข้อมูลของกรมที่ดิน ทุกวันนี้ยังไม่มีข้อมูลออนไลน์ทั่วประเทศอีกเหรอ? นี่เราอยู่ในยุค 4.0 รึเปล่า?
หรือเรื่องทางธนาคารเองก็เช่นกัน คือเข้าใจนะครับว่าข้อมูลของลูกค้าเป็นความลับไม่ใช่เอามาเปิดเผยกันได้ง่ายๆ แต่นี่ เรื่องเข้าสู่ศาลแล้ว ศาลก็ตัดสินแล้ว เอกสารก็แสดงไปหมดแล้ว จะมีวิธีใดให้ธนาคารเปิดเผยข้อมูลบ้าง
หรือสุดท้ายเราก็ต้องทำอย่างที่ทนายความบอกมา คือทำใจ แล้วก็ปล่อยไปเป็นคลื่นกระทบฝั่งและเงียบหายไป
ในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ เราเชื่อว่าหลายคนคงเจอปัญหาเหมือนที่เราเจอ หลังจากเดินเรืองไปมากมาย ทุกอย่างก็มาจบดื้อตรงนี้คือไม่รู้ว่าจำเลยมีทรัพย์อะไรอยู่ที่ไหนให้ดำเนินการต่อได้บ้าง
เราจึงอยากขอความเห็นเพื่อนๆหน่อยครับ
เราจะมีวิธีสืบทรัพย์ของลูกหนี้/จำเลย ด้วยวิธีใดบ้างครับ ?
ขอเข้าประเด็นเลยนะครับ
คือเมื่อปีที่แล้ว ก่อนเกิดโควิท ที่บ้านผมมีแปลนว่าจะปรับปรุงบ้านและเดินสายไฟฟ้าใหม่ เพราะบ้านหลังนี้ใช้งานมาหลายปีและสภาพหลายอย่างชำรุดแล้ว
ทางเราเลยตัดสินใจจ้างช่างรับเหมา ซึ่งก็เป็นช่างที่เพื่อนๆแนะนำต่อๆกันมาครับ เพื่อนใช้งานช่างรายนี้มาหลายปี ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันมาแจ็คพอตแตกเกิดปัญหา ตอนเราเรียกใช้นี่แหละ
เราเจอปัญหาโลกแตกเหมือนที่หลายๆคนเคยเจอครับ คือช่างขอมัดจำบางส่วนแล้วก็ทยอยมาทำบ้าง หยุดงานบ้าง แล้วก็ขอเก็บเงินส่วนที่ค้างอยู่ตลอด
ทั้งๆที่เราก็ระวังเรืองนี้อยู่แล้ว การว่าจ้างมีการทำสัญญารอบคอบ การจ่ายเงินแต่ละครั้งต้องโอนเข้าบัญชีคู่สัญญาเสมอ แต่ก็เจอปัญหาจนได้ เรื่องการจ่ายเงิน เราเรียนตรงๆว่าทางช่างมีเทคนิคที่จะกดดันเราให้จ่ายเงินล่วงหน้าตลอด (เช่นบอกว่าต้องใช้เงินไปซื้อวัสดุ ไม่งั้นงานก็เดินต่อไม่ได้ เป็นต้น) ซึ่งสุดท้าย เราก็ต้องจ่ายเงินไปประมาณ 80% ในขณะที่งานเดินไปนิดเดียว แล้วพอมาดูอย่างละเอียด งานหลายอย่างที่ทำก็ใช้ไม่ได้ ต้องให้ช่างอื่นมาแก้
สุดท้าย พอเราตามเรื่องบ่อยๆเข้า ช่างรายนี้ก็หนีงานและติดต่อไม่ได้อีกเลย
เราทำเรื่องฟ้องร้องกับศาลคุ้มครองผู้บริโภคไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จนล่าสุดือศาลตัดสินว่าเราเสียหายจริง และให้ลูกความ/จำเลยชำระค่าเสียหายกับเรา
ซึ่งต่อจากนี้คือเราต้องสืบว่าจำเลยมีทรัพย์อะไรบ้าง จะได้เดินเรื่องกับกรมบังคับคดีเพื่อให้ทำการยึดทรัพย์ตามกระบวนการ
ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้แหละครับ
ในการสืบทรัพย์
- เบื้องต้น ผมอยากทราบว่าจำเลยมีบ้านหรือที่ดินหรือทรัพย์สินอะไรที่เราจะดำเนินการได้บ้าง ผมไปเช็คที่สำนักงานที่ดิน เดิมที ผมคิดว่าสำนักงานที่ดินน่าจะมีข้อมูลออนไลน์แบบกดครั้งเดียวก็ทราบว่า นายคนนี้ เลขประจำตัวประชาชนเลขที่ XXXXXX มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่อำเภอไหน จังหวัดไหนบ้าง แต่ปรากฏว่าผมคิดผิดครับ ทางสำนักงานที่ดินบอกว่าประเทศไทยมีสำนักงานที่ดินเป็นร้อยๆเขต เราไม่สามารถไปครั้งเดียวแล้วเช็คว่านายคนนี้มีทรัพย์อยู่ที่ไหนบ้าง แต่เราต้องไปเช็คทีละเขต ทีละเขตเพื่อเช็คถึงการมีทรัพย์อยู่ของเขาเป็นครั้งๆไป และการเช็คแต่ละเขตก็มีค่าใช้จ่ายเป็นครั้งๆไปเช่นกัน ดังนั้น ถ้าอยากทราบว่านายคนนี้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ที่อำเภอใดจังหวัดใด เราต้องเดินทางไปติดต่อกับสำนักงานที่ดิน ทั่วทั้งประเทศไทยให้ครบทุกเขต และเช็คเป็นเขตๆไป ค่าธรรมเนียมและค่าเดินทางในการเช็คทรัพย์ให้ครบทุกเขตคงสูงกว่ามูลหนี้ที่ฟ้องร้องกันซะอีก ผมเลยเลือกเช็คแค่เขตที่จำเลยมีชื่อในทะเบียนราษฏร์อยู่ ซึ่งก็ไม่เจอว่าจำเลยมีทรัพย์ในเขต/จังหวัดที่ผมเช็ค (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เช่นจำเลยเป็นคนจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในภาคอิสาน ถึงมาอยู่สระบุรี ทำงาน ซื้อบ้านอยู่สระบุรี แต่ชื่อในทะเบียนราษฏร์ของเค้ายังอยู่ที่ภาคอีสาน ดังนั้นเราก็ทราบแต่ว่าเค้าเป็นคนพื้นเพจากภาคอีสาน แต่จะไม่มีทางรู้เลยว่าเค้าไปมีบ้านมีที่ดินในอำเภอไหนจังหวัดไหน นอกจากเราจะไปทยอยเช็คกับสำนักงานที่ดินแต่ละแห่งกันไปเรื่อยจนครบทุกสำนักงาน หรือจนกว่าจะฟลุคเจอว่าเค้าไปมีบ้านหรือที่ดินอยู่ในเขตที่เราไปเช็คเจอพอดี)
- เมื่อใช้วิธีเช็คทรัพย์จากสำนักงานที่ดินไม่ได้ เราก็มาเช็คทรัพย์จากบัญชีเค้าแทน (คือตอนจ่ายเงินให้ช่างแต่ละครั้ง เราจะไม่จ่ายด้วยเงินสด แต่จะจ่ายด้วยการโอน เราจึงรู้ว่าเค้ามีบัญชีที่ธนาคารไหน เบอร์บัญชีอะไร) เราจึงไปติดต่อธนาคารที่เค้ามีบัญชีพร้อมทั้งแสดงเอกสารการฟ้องร้องและผลการตัดสินของศาล เพื่อขอทราบว่าจำเลยรายนี้มีเงินในบัญชีรึเปล่า ถ้ามีเราก็จะได้ดำเนินเรื่องให้กรมบังคับคดีทำเรื่องอาญัติ ปรากฏว่าทางธนาคารแจ้งว่าเป็นข้อมูลของลูกค้า ไม่สามารถเปิดเผยได้ สรุปเราก็เลยไม่สามารถเช็คได้ว่าบัญชีที่เราโอนเงินให้จำเลย ยังเป็นบัญชีที่ยัง active อยู่รึเปล่า มีทรัพย์ในบัญชีให้ยึดรึเปล่า ช่องทางนี้เป็นอันตีบตันไปอีกช่องทางนึง
-เมื่อเช็คทรัพย์ทั้งสองวิธีบนไม่ได้ เราก็เลยไปที่กรมบังคับคดี แล้วก็เล่าเรื่องของเล่าเพื่อขอคำปรึกษา ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าโดยปกติ การเช็คอสังหาริมทรัพย์ของจำเลย ถ้าเอาให้แน่ๆก็คือต้องเช็คกับสำนักงานที่ดินทั่วทั้งประเทศนั่นแหละ ส่วนการเช็คกับธนาคาร ก็เป็นปกติที่ธนาคารอาจะไม่เปิดเผยคข้อมูล ดังนั้น สิ่งที่เราทำด้วยตัวเองได้ เราก็ทำไปหมดแล้ว มีอีกทางก็คือไปจ้างทนายสืบทรัพย์
-เราสอบถามไปทางทนายความ เล่าเรื่องให้ฟัง ทนายถามเราว่ามูลหนี้เป็นเงินเท่าไร ทนายบอกเราว่าทำใจเถอะ ถ้าให้ทนายสืบทรัพย์ ค่าสืบทรัพย์น่าจะสูงกว่ามูลหนี้ความเสียหายที่เราฟ้องร้องได้ซะอีก ยังไม่ต้องนึกถึงว่ากายยึดการดำเนินการ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายหมด
สรุปจากการที่เดินเรืองมาทุกส่วน ไม่มีวิธีไหนที่เราจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองได้เลยเหรอ ??
ผมเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยน สนทนา ปรับทุกข์ หรือขอคำแนะนำ เพื่อนๆที่เจอเคสแบบนี้ว่ามีวิธีการอย่างไรบ้างครับ
ดูๆไป หลายเรื่องก็ไม่น่าเชื่อ อย่างเรื่องการจัดเก็บข้อมูลของกรมที่ดิน ทุกวันนี้ยังไม่มีข้อมูลออนไลน์ทั่วประเทศอีกเหรอ? นี่เราอยู่ในยุค 4.0 รึเปล่า?
หรือเรื่องทางธนาคารเองก็เช่นกัน คือเข้าใจนะครับว่าข้อมูลของลูกค้าเป็นความลับไม่ใช่เอามาเปิดเผยกันได้ง่ายๆ แต่นี่ เรื่องเข้าสู่ศาลแล้ว ศาลก็ตัดสินแล้ว เอกสารก็แสดงไปหมดแล้ว จะมีวิธีใดให้ธนาคารเปิดเผยข้อมูลบ้าง
หรือสุดท้ายเราก็ต้องทำอย่างที่ทนายความบอกมา คือทำใจ แล้วก็ปล่อยไปเป็นคลื่นกระทบฝั่งและเงียบหายไป
ในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ เราเชื่อว่าหลายคนคงเจอปัญหาเหมือนที่เราเจอ หลังจากเดินเรืองไปมากมาย ทุกอย่างก็มาจบดื้อตรงนี้คือไม่รู้ว่าจำเลยมีทรัพย์อะไรอยู่ที่ไหนให้ดำเนินการต่อได้บ้าง
เราจึงอยากขอความเห็นเพื่อนๆหน่อยครับ