“เที่ยวปันสุข” แคมเปญเปิดตัวฟื้นฟูเที่ยวในประเทศ ครึ่งปีแรก กระจายรายได้ 2 แสนล.
" ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางรวมแล้ว 28.3 ล้านคนต่อครั้ง
ลดลง 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สร้างรายได้ 200,000 ล้านบาท ลดลง 62% "
เผยแพร่: 21 ก.ย. 2563 20:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
กระแสเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเริ่มฟื้นตัว หลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระหึ่มแคมเปญ “เที่ยวปันสุข” ในช่วงไตรมาสสอง เผยอีกครึ่งปีหลังการท่องเที่ยวจะเป็นพระเอกฟื้นเศรษฐกิจประเทศทั้งระบบ
การระบาดของไวรัสโควิด 19 ยังคงสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลก ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม ททท.ก็ได้ปรับกลยุทธ์หลายอย่าง เพื่อให้การท่องเที่ยวเดินหน้าต่อไป โดยออกแคมเปญต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป
หนึ่งในแคมเปญสำคัญคือโครงการ “เที่ยวปันสุข” ซึ่งรัฐบาลกำหนดขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสอง โดยรัฐสนับสนุนการท่องเที่ยวในส่วนที่เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ารถโดยสาร และค่ารถเช่า เป็นต้น และมีส่วนแคมเปญอื่น ๆ เชื่อมโยงกันคือ แคมเปญกำลังใจเน้นให้บุคคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร ได้ท่องเที่ยวพักผ่อน และแคมเปญเราไปด้วยกัน เน้นช่วยเหลือค่าที่พักและอาหารเป็นหลัก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกประเทศทำให้คาดการณ์ว่าจำนวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศหรือตลาด "ไทยเที่ยวไทย" สะสมสำหรับปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 80-100 ล้านคนต่อครั้ง จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 120 ล้านคนต่อครั้ง
อย่างไรก็ตาม สถานกาณ์การท่องเที่ยวเริ่มดีดตัวกลับมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไตรมาสที่สอง นับตั้งแต่ออกแคมเปญเที่ยวปันสุข ซึ่งให้ส่วนลดค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเป็นค่าใช้จายหลักในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ การท่องเที่ยวภายในประเทศ จะกลายเป็นความหวังสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ททท.จะเดินหน้าแสวงหาพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อเป็นส่วนช่วยในการฟื้นฟู เพิ่มความถี่การเดินทาง และเพิ่มจำนวนวันพักค้างให้มากขึ้น
เฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงเริ่มปีงบประมาณใหม่ มั่นใจว่าการท่องเที่ยวไทยจะคึกคักเป็นพิเศษ ททท.จึงเตรียมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยหรือทำงานในประเทศ กลุ่มไทยเที่ยวต่างประเทศ และกลุ่มผู้จัดประชุมสัมมนาต่าง ๆ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ล่าสุดททท. ได้ร่วมกับ อาลีเพย์ (AliPay) ในการกระตุ้นการเดินทางในหมู่คนจีนที่อยู่ในประเทศไทยกว่า 200,000 คน ด้วยการมอบสิทธิพิเศษในการท่องเที่ยว ผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย พร้อมสนับสนุนให้ อาลีเพย์ ได้ทำงานกับผู้ประกอบการชาวไทยเพื่อสานต่อเครือข่ายในอนาคต
เช่นเดียวกับที่เร่งผลักดันนักท่องเที่ยวคนไทย ที่นิยมเที่ยวนอกจำนวนกว่า 12 ล้านคนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันหากงบประมาณปี 2564 ออกมา ก็เชื่อว่าองค์กรต่าง ๆ ของภาครัฐจะสามารถเดินทางเพื่อประชุม สัมมนา ได้อีกครั้ง
" ปัจจุบันคนไทยเริ่มปรับตัวสู่ยุค นิวนอร์มอล การใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการเดินทางท่องเที่ยว ตอนนี้ไม่ไปต่างประเทศ ททท.จึงต้องเร่งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศแทน ล่าสุดจับมือกับพันธมิตรเอกชนมากมาย เราทำทุอย่างที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้เดินหน้า ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้แล้ว
เตรียมแผนที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัย ให้สามารถเข้าถึงโครงการและใช้สิทธิได้ง่ายขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในภูมิลำเนา เช่น
ให้คนกรุงเทพฯสามารถใช้สิทธินี้เพื่อเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯได้ หวังกระตุ้นอัตราเข้าพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ หรือ คนเชียงใหม่สามารถใช้สิทธินี้ เพื่อเข้าพักโรงแรมในเชียงใหม่ได้
“จากโครงการเที่ยวปันสุขซึ่งเสนอสิทธิประโยชน์ด้านราคาให้ถูกลง ตอนนี้ก็เหมือนขยายผลให้เกิดความต่อเนื่อง ททท.หวังว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งระบบ” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า
มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางรวมแล้ว 28.3 ล้านคนต่อครั้ง ลดลง 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สร้างรายได้ 200,000 ล้านบาท ลดลง 62%
ข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ณ วันที่ 23 สิงหาคม2563 เปิดเผยตัวเลข ล่าสุด มียอดจองโรงแรมเพียง 625,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,874 ล้านบาท โดยรายละเอียดมีการจองโรงแรมทั้งสิ้น 3,823 แห่ง และมีการเข้าพัก (เช็กอิน) แล้ว 207,243 ห้อง และมีการแจ้งออกจากที่พัก (เช็กเอาต์) แล้ว จำนวน 198,241 ห้อง โดยราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 2,980 บาท
จังหวัดที่มียอดเข้าพักมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ
1. จังหวัดชลบุรี จำนวน 33,960 ห้อง
2. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 17,371 ห้อง
3. กรุงเทพฯ จำนวน 14,148 ห้อง
4. จังหวัดเชียงใหม่ 13,831 ห้อง
และ 5.จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 12,063 ห้อง.
“เที่ยวปันสุข” ฟื้นฟูเที่ยวในประเทศ แค่ครึ่งปีแรก .. กระจายรายได้ 2 แสนล้านบาท
" ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางรวมแล้ว 28.3 ล้านคนต่อครั้ง ลดลง 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สร้างรายได้ 200,000 ล้านบาท ลดลง 62% "
เผยแพร่: 21 ก.ย. 2563 20:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
กระแสเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเริ่มฟื้นตัว หลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระหึ่มแคมเปญ “เที่ยวปันสุข” ในช่วงไตรมาสสอง เผยอีกครึ่งปีหลังการท่องเที่ยวจะเป็นพระเอกฟื้นเศรษฐกิจประเทศทั้งระบบ
การระบาดของไวรัสโควิด 19 ยังคงสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลก ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม ททท.ก็ได้ปรับกลยุทธ์หลายอย่าง เพื่อให้การท่องเที่ยวเดินหน้าต่อไป โดยออกแคมเปญต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป
หนึ่งในแคมเปญสำคัญคือโครงการ “เที่ยวปันสุข” ซึ่งรัฐบาลกำหนดขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสอง โดยรัฐสนับสนุนการท่องเที่ยวในส่วนที่เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ารถโดยสาร และค่ารถเช่า เป็นต้น และมีส่วนแคมเปญอื่น ๆ เชื่อมโยงกันคือ แคมเปญกำลังใจเน้นให้บุคคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร ได้ท่องเที่ยวพักผ่อน และแคมเปญเราไปด้วยกัน เน้นช่วยเหลือค่าที่พักและอาหารเป็นหลัก
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกประเทศทำให้คาดการณ์ว่าจำนวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศหรือตลาด "ไทยเที่ยวไทย" สะสมสำหรับปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 80-100 ล้านคนต่อครั้ง จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 120 ล้านคนต่อครั้ง
อย่างไรก็ตาม สถานกาณ์การท่องเที่ยวเริ่มดีดตัวกลับมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไตรมาสที่สอง นับตั้งแต่ออกแคมเปญเที่ยวปันสุข ซึ่งให้ส่วนลดค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเป็นค่าใช้จายหลักในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ การท่องเที่ยวภายในประเทศ จะกลายเป็นความหวังสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ททท.จะเดินหน้าแสวงหาพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อเป็นส่วนช่วยในการฟื้นฟู เพิ่มความถี่การเดินทาง และเพิ่มจำนวนวันพักค้างให้มากขึ้น
เฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงเริ่มปีงบประมาณใหม่ มั่นใจว่าการท่องเที่ยวไทยจะคึกคักเป็นพิเศษ ททท.จึงเตรียมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยหรือทำงานในประเทศ กลุ่มไทยเที่ยวต่างประเทศ และกลุ่มผู้จัดประชุมสัมมนาต่าง ๆ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ล่าสุดททท. ได้ร่วมกับ อาลีเพย์ (AliPay) ในการกระตุ้นการเดินทางในหมู่คนจีนที่อยู่ในประเทศไทยกว่า 200,000 คน ด้วยการมอบสิทธิพิเศษในการท่องเที่ยว ผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย พร้อมสนับสนุนให้ อาลีเพย์ ได้ทำงานกับผู้ประกอบการชาวไทยเพื่อสานต่อเครือข่ายในอนาคต
เช่นเดียวกับที่เร่งผลักดันนักท่องเที่ยวคนไทย ที่นิยมเที่ยวนอกจำนวนกว่า 12 ล้านคนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันหากงบประมาณปี 2564 ออกมา ก็เชื่อว่าองค์กรต่าง ๆ ของภาครัฐจะสามารถเดินทางเพื่อประชุม สัมมนา ได้อีกครั้ง
" ปัจจุบันคนไทยเริ่มปรับตัวสู่ยุค นิวนอร์มอล การใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการเดินทางท่องเที่ยว ตอนนี้ไม่ไปต่างประเทศ ททท.จึงต้องเร่งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศแทน ล่าสุดจับมือกับพันธมิตรเอกชนมากมาย เราทำทุอย่างที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้เดินหน้า ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้แล้ว เตรียมแผนที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัย ให้สามารถเข้าถึงโครงการและใช้สิทธิได้ง่ายขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในภูมิลำเนา เช่น ให้คนกรุงเทพฯสามารถใช้สิทธินี้เพื่อเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯได้ หวังกระตุ้นอัตราเข้าพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ หรือ คนเชียงใหม่สามารถใช้สิทธินี้ เพื่อเข้าพักโรงแรมในเชียงใหม่ได้
“จากโครงการเที่ยวปันสุขซึ่งเสนอสิทธิประโยชน์ด้านราคาให้ถูกลง ตอนนี้ก็เหมือนขยายผลให้เกิดความต่อเนื่อง ททท.หวังว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งระบบ” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-มิถุนายน) พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางรวมแล้ว 28.3 ล้านคนต่อครั้ง ลดลง 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สร้างรายได้ 200,000 ล้านบาท ลดลง 62%
ข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ณ วันที่ 23 สิงหาคม2563 เปิดเผยตัวเลข ล่าสุด มียอดจองโรงแรมเพียง 625,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,874 ล้านบาท โดยรายละเอียดมีการจองโรงแรมทั้งสิ้น 3,823 แห่ง และมีการเข้าพัก (เช็กอิน) แล้ว 207,243 ห้อง และมีการแจ้งออกจากที่พัก (เช็กเอาต์) แล้ว จำนวน 198,241 ห้อง โดยราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 2,980 บาท
จังหวัดที่มียอดเข้าพักมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ
1. จังหวัดชลบุรี จำนวน 33,960 ห้อง
2. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 17,371 ห้อง
3. กรุงเทพฯ จำนวน 14,148 ห้อง
4. จังหวัดเชียงใหม่ 13,831 ห้อง
และ 5.จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 12,063 ห้อง.