ขออนุญาตออกตัวก่อนนะครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับผม เลยอยากแชร์และอยากสอบถามเพื่อนๆว่าคิดเห็นอย่างไรในกรณีนี้ ผมเป็นเกย์ที่ปิดตัวเองและมีกำแพงต่อการที่จะเปิดใจในการมีใครเข้ามาสักคนในชีวิตด้วยสภาพครอบครัวและหน้าที่งาน จนมีโอกาสได้รู้จักกับคนหนึ่งเมื่อ 10 เดือนที่ผ่านมา ครั้งแรกยอมรับว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยและดีใจด้วยซ้ำที่จะมีเพื่อนในโลกที่ผมปกปิด เขาแสดงตัวตนชัดเจนในการทำลายกำแพงที่ผมตั้งซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ ช่วงแรกระยะทางหรือเวลาแม้จะไม่ตรงกันดูเขาทุ่มเทที่จะทำ ผมยอมรับว่ามีความสุขมากและตัดสินใจคบหา โดยก่อนที่จะคบเรื่องสำคัญที่เขาบอกคือเขาเป็น HIV และเคยติดยาเสพติด ซึ่งผมบอกเขาว่าผมมองข้ามและยอมรับในสิ่งที่เป็น โดยตลอดความสัมพันธ์เรียกว่าแทบไม่มีอะไรเกินเลยแค่คิดว่าอย่างน้อยอยู่ดูแลกันและกัน ซึ่งเขาก็ให้เกียรติในการไม่ทำให้ผมมีปัญหาหรือมีความเสี่ยงจากสิ่งที่เขาเป็นแต่อย่างใด
ช่วงแรกผมมีความสุขมากอาจมีทะเลาะบ้าง ผมเป็นคนขี้น้อยใจและคิดมากซึ่งเขาก็ง้อทุกครั้ง เรามีกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นจนถึงกระทั่งการเปิดปัญชีด้วยกัน ปํญหาหนึ่งที่คอยเขามารบกวนจิตใจผมเสมอคือ แฟนเก่าของเขาพยายามเข้ามาตลอด โดยตัวเขาเองบอกว่าไม่มีอะไร จนปัญหาใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นในคืนวันที่กำลังจะเข้านอน เขาเล่น FB และพบเหตุไฟไหม้จึงโทรไปหาทั้งที่บ้านหลังนั้นไม่ได้มีคนอยู่แต่เขาบอกเพื่อมนุษยธรรมแต่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกคนที่นอนข้างๆ ผมน้อยใจและหนีลงไปข้างล่างเพราะรู้สึกว่าเขายังห่วงหากันทั้งที่ปากบอกไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ยกเว้นเรื่องหนี้สินที่แฟนเก่ามีภาระกับครอบครัวแฟนผม เนื่องจากแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ ครั้งที่ 2 พบว่าเขาติดเชื้อซิฟิลิส ผมรู้ว่าเขาติด HIV และเชื้อซิฟิลิส จากแฟนเก่าคนนี้แต่เขายืนยันว่าไม่ได้มีอะไรนานแล้ว ผมให้เกียรติและเชื่อใจในคำพูดที่เขาบอก
ปัญหาโรคร้ายเกิดขึ้นจาก การใช้ยาเสพติดและการมั่วเพศแบบไม่เลือก จนเป็นที่รู้กันไปทั่วในกลุ่มเฉพาะว่าแฟนเก่าของเขาพฤติกรรมสกปรกในการเรียกร้องความสนใจและใช้ความสนุกสนานทางเพศแบบไม่ซ้ำหน้า วันที่สารภาพเขาร้องไห้เสียใจและบอกว่าไม่มีอะไรตั้งแต่คบกับผม ผมก็ยังให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นและคิดว่าสิ่งเกิดขึ้นแล้วเขาก็ต้องรักษาให้หาย ตลอดเวลาในการคบหาเขาเคยบอกเสมอว่าแฟนเก่าเคยพูดว่า หากเขาไม่มีใครเขายังรออยู่ คำนี้เป็นคำที่ทำร้ายผมมากแต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกและพยายามบอกเสมอถ้าคุณเล่นกับไฟโอกาสคุณจะกลับไปโดนไฟเผาตัวคุณ แต่เขาบอกอยากเอาชนะและสงสาร ประกอบกับระยะหลังแฟนผมเริ่มมีการแสดงพฤติกรรมในเชิงเสียดสีประชดประชันมากขึ้น และพูดเสมอว่าผมไม่มีเสน่ห์ จืดชืด ซ้ำซาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยบอกในตัวตนตั้งแต่วันแรกที่จะคบกัน
ผมยอมเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองในหลายเรื่อง เช่น การเป็นภาวะผู้นำของผมที่มีสูงจากงานซึ่งเขามองว่าอึดอัด ผมพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ตามที่ดีจนบางครั้งเรารู้สึกว่าเหมือนคนที่ต้องถูกให้คนอื่นมีอิทธิพล จนรู้สึกว่าเรายอมเปลี่ยนจนเสียความเป็นตัวหรือเปล่าและเราจะคบเขาได้นานแค่ไหน? ครั้งสุดท้ายที่แตกหักคือเราทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อย ผมยอมรับว่างี่เง่าและเดินหนีออกมาและคิดว่าจะหยุดความสัมพันธ์ด้วยอารมณ์ในขณะนั้นและคิดว่าจะตัดขาดกัน โดยเข้าไปเก็บของและนัดปิดบัญชีที่เปิดด้วยกัน พอวันที่นัดหมายปรากฎว่าเขาแอบไปใช้ยาเสพติดและไปบ้านแฟนเก่าอีกครั้ง โดยเข้าไปทำพฤติกรรมเดิมๆผมเจ็บมากที่เขาทำแบบนี้ หลังจากเหตุการณ์นี้เขาบอกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้
ทุกวันนี้เขาเอาแฟนเก่าเขาเข้ามาทำกิจกรรมแทนผมหมดทุกอย่าง เพราะเขาบอกว่าผมเลือกเดินออกมาเองและเขาไม่คิดกลับไปแล้ว กรณีนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกและเป็นตัวคั่นเวลาในช่วงที่เขาห่างกันโดยใช้ความรู้สึกดีๆที่เคยให้ทำลายจนหมด
วันนี้ผมคิดว่าคงเก็บภาพจำดีๆในทุกกิจกรรมให้เป็นความทรงจำพอและควรเดินออกมาเพื่ออนาคตตัวเอง
“คนปกติควรอยู่กับคนปกติ คนป่วยควรอยู่กับคนป่วย” อย่ายืนบนปากเหวที่เสียงโรค ติดยา เสียอนาคต ผมคิดถูกและกรณีที่เกิดขึ้นนี้ผมอยากทำว่าผมเป็นคนผิดในเหตุการณ์นี้หรือไม่ครับ เพราะเขาบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมทำให้เกิดขึ้นทุกอย่าง
ผมผิดมั้ยที่เลือกเดินออกจากชีวิตแบบนี้
ช่วงแรกผมมีความสุขมากอาจมีทะเลาะบ้าง ผมเป็นคนขี้น้อยใจและคิดมากซึ่งเขาก็ง้อทุกครั้ง เรามีกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นจนถึงกระทั่งการเปิดปัญชีด้วยกัน ปํญหาหนึ่งที่คอยเขามารบกวนจิตใจผมเสมอคือ แฟนเก่าของเขาพยายามเข้ามาตลอด โดยตัวเขาเองบอกว่าไม่มีอะไร จนปัญหาใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นในคืนวันที่กำลังจะเข้านอน เขาเล่น FB และพบเหตุไฟไหม้จึงโทรไปหาทั้งที่บ้านหลังนั้นไม่ได้มีคนอยู่แต่เขาบอกเพื่อมนุษยธรรมแต่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกคนที่นอนข้างๆ ผมน้อยใจและหนีลงไปข้างล่างเพราะรู้สึกว่าเขายังห่วงหากันทั้งที่ปากบอกไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ยกเว้นเรื่องหนี้สินที่แฟนเก่ามีภาระกับครอบครัวแฟนผม เนื่องจากแฟนผมค่อนข้างมีฐานะ ครั้งที่ 2 พบว่าเขาติดเชื้อซิฟิลิส ผมรู้ว่าเขาติด HIV และเชื้อซิฟิลิส จากแฟนเก่าคนนี้แต่เขายืนยันว่าไม่ได้มีอะไรนานแล้ว ผมให้เกียรติและเชื่อใจในคำพูดที่เขาบอก ปัญหาโรคร้ายเกิดขึ้นจาก การใช้ยาเสพติดและการมั่วเพศแบบไม่เลือก จนเป็นที่รู้กันไปทั่วในกลุ่มเฉพาะว่าแฟนเก่าของเขาพฤติกรรมสกปรกในการเรียกร้องความสนใจและใช้ความสนุกสนานทางเพศแบบไม่ซ้ำหน้า วันที่สารภาพเขาร้องไห้เสียใจและบอกว่าไม่มีอะไรตั้งแต่คบกับผม ผมก็ยังให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นและคิดว่าสิ่งเกิดขึ้นแล้วเขาก็ต้องรักษาให้หาย ตลอดเวลาในการคบหาเขาเคยบอกเสมอว่าแฟนเก่าเคยพูดว่า หากเขาไม่มีใครเขายังรออยู่ คำนี้เป็นคำที่ทำร้ายผมมากแต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกและพยายามบอกเสมอถ้าคุณเล่นกับไฟโอกาสคุณจะกลับไปโดนไฟเผาตัวคุณ แต่เขาบอกอยากเอาชนะและสงสาร ประกอบกับระยะหลังแฟนผมเริ่มมีการแสดงพฤติกรรมในเชิงเสียดสีประชดประชันมากขึ้น และพูดเสมอว่าผมไม่มีเสน่ห์ จืดชืด ซ้ำซาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยบอกในตัวตนตั้งแต่วันแรกที่จะคบกัน
ผมยอมเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองในหลายเรื่อง เช่น การเป็นภาวะผู้นำของผมที่มีสูงจากงานซึ่งเขามองว่าอึดอัด ผมพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ตามที่ดีจนบางครั้งเรารู้สึกว่าเหมือนคนที่ต้องถูกให้คนอื่นมีอิทธิพล จนรู้สึกว่าเรายอมเปลี่ยนจนเสียความเป็นตัวหรือเปล่าและเราจะคบเขาได้นานแค่ไหน? ครั้งสุดท้ายที่แตกหักคือเราทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อย ผมยอมรับว่างี่เง่าและเดินหนีออกมาและคิดว่าจะหยุดความสัมพันธ์ด้วยอารมณ์ในขณะนั้นและคิดว่าจะตัดขาดกัน โดยเข้าไปเก็บของและนัดปิดบัญชีที่เปิดด้วยกัน พอวันที่นัดหมายปรากฎว่าเขาแอบไปใช้ยาเสพติดและไปบ้านแฟนเก่าอีกครั้ง โดยเข้าไปทำพฤติกรรมเดิมๆผมเจ็บมากที่เขาทำแบบนี้ หลังจากเหตุการณ์นี้เขาบอกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้
ทุกวันนี้เขาเอาแฟนเก่าเขาเข้ามาทำกิจกรรมแทนผมหมดทุกอย่าง เพราะเขาบอกว่าผมเลือกเดินออกมาเองและเขาไม่คิดกลับไปแล้ว กรณีนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกและเป็นตัวคั่นเวลาในช่วงที่เขาห่างกันโดยใช้ความรู้สึกดีๆที่เคยให้ทำลายจนหมด
วันนี้ผมคิดว่าคงเก็บภาพจำดีๆในทุกกิจกรรมให้เป็นความทรงจำพอและควรเดินออกมาเพื่ออนาคตตัวเอง “คนปกติควรอยู่กับคนปกติ คนป่วยควรอยู่กับคนป่วย” อย่ายืนบนปากเหวที่เสียงโรค ติดยา เสียอนาคต ผมคิดถูกและกรณีที่เกิดขึ้นนี้ผมอยากทำว่าผมเป็นคนผิดในเหตุการณ์นี้หรือไม่ครับ เพราะเขาบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมทำให้เกิดขึ้นทุกอย่าง