โดยส่วนตัว ผมเล่น FF มาทุกภาค ไล่เรียงมาเลย 1-9 ชอบมากน้อยแตกต่างกันไป พอมาภาค 10 เพิ่งจะได้มาจับก็ตอนหัวหงอกสองสีแบบ Auron นี่แหละ 55555
เป็นภาคที่ดูเหมือนหลายคนจะไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่ คนมักจะพูดถึงภาค 4 6 9 ซึ่งผมก็ชอบนะ
พอมาได้จับ FFX ก็เข้าใจได้ ว่าคนไม่ค่อยพูดถึง คงเพราะ มีความเป็นปรัชญาค่อนข้างสูง ถ้าเล่นเกมนี้สมัยวัยรุ่น คงไม่อินเท่าไหร่ ต้องผ่านโลกมาแบบตัว Auron ผมสองสีจะอินกับเนื้อเรื่อง และ จุดที่เกมใส่มาเป็นกิมมิคเยอะมาก
ผมไม่ใส่สปอยนะ เกมเก่าพอสมควรแล้ว
เกม FFX เป็นภาคที่ฉีกออกมาจากเกม FF เดิมๆ ภาคก่อนๆ จะออกแนวธีมยุโรปยุคกลาง อัศวิน หรือ แนวโลกอนาคตก็ว่าไป แต่ภาคนี้จะเป็นความเอเชียไปเลย ตั้งแต่ เสื้อผ้า วิธีการเคารพ ที่คนในเกมทำกันทั้งเรื่อง ถ้าเมืองไทยก็คือการไหว้
บทสวดในวิหารแต่ละที่ ก็ความเป็นเอเชีย แถมไม่ใช่แค่สวดเฉยๆ มันแฝงความหมายไว้ด้วย
เนื้อเรื่องหลัก ว่าด้วยการแสวงบุญ นางเอกที่เป็น summoner จะต้องออกไปรวบรวม Aeon (มนต์อสูร) ตามวิหารต่างๆทั่วโลก เพื่อปราบ Sin (ที่แปลว่า บาป) ไคจูที่ถล่มเมือง
Sin ไคจู ที่ถล่มเมือง ภัยพิบัติที่คนในโลก Spira ต้องพบเจอมาเป็นร้อยๆ ปี ไม่จบสิ้นสักที ทำได้แค่ให้ summoner เรียก final Aeon ปราบลงให้สงบ ผู้คนดีใจได้ประมาณ 10 ปี Sin ก็จะกลับมาใหม่ เป็นลูปไปมาไม่จบสิ้น ตามแนวปรัชญาพุทธ เรื่องเวียนว่ายตายเกิด
รวมทั้งการสวดส่งวิญญาณผู้ตาย แบบเอเชียจ๋ามาเลย ผมชอบฉากนี้มาก งดงามดี
ผู้คนได้แต่หวังความสงบสุข เพียงชั่วครั้งคราว สัก 10 ปีก็ยังดี summoner ไปปราบ Sin แล้วก็ดีใจ พอ Sin กลับมาใหม่ก็หวังให้ summoner คนใหม่ปราบอีก วนไปเรื่อย
นางเอกก็เช่นกัน เดินทางไปรวบรวม Aeon เดินตามรอยเท้าพ่อตัวเองที่เป็น summoner ที่เคยปราบ Sin โดยจะมีsummoner คนอื่นเหมือนกันที่จะปราบ Sin แข่งกันทำspeedrun ว่างั้นเถอะ
พระเอก มาตอนแรก ด้วยมาจากโลกอดีต ไม่ได้รู้อะไรเลย โลกสวยมาก คิดแค่ว่าการเดินทางไปปราบ Sin ของนางเอก จะเป็นแบบพระถัมซัมจั๋ง เลยอาสาเป็น Guardian ผู้พิทักษ์ให้นางเอกร่วมกับเพื่อนร่วมตี้คนอื่นๆ ปราบเสร็จจบ โลกสงบสุข ทุกคนแฮปปี้ ตัวเองขะได้ใช้ชีวิตร่วมกับนางเอกหลังจากปราบ Sin
เพื่อนๆ ในตี้ พยายามจะบอกพระเอก มาตลอดทาง แต่อึดอัดไม่กล้าพูด ได้แต่บอกอ้อมๆ มาตลอด พอเห็นพระเอกโลกสวย นางเอกหัวเราะคิดคักกับพระเอก ไม่มีใครกล้าบอกสักคน
จนมาเฉลยรู้ความจริง ว่าการเดินไปปราบ Sin คือ การเสียสละของ Summoner เมื่อเรียกมนต์อสูรสุดท้าย ปราบ Sin ได้ คนนั้นจะต้องตาย เสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของคนอื่นทั่วโลก
พระเอกถึงกับปรี๊ดแตก ว่าตัวเองโลกสวย ไม่ได้รู้อะไรเลย บอกนางเอกมาตลอด ว่าปราบ Sin โลกสงบสุข มาใช้ชีวิตร่วมกัน นางเอกก็ยิ้มรับ หัวเราะคิกคักมาตลอด
โดยไม่รู้เลย ว่าการเดินทางของคณะ คือ การพานางเอกไปตาย เสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนรวม
ฉากนี้ ผมน้ำตาแตกเลย
ผมชอบความรักแบบค่อยๆ ก่อกำเนิด แบบพระนางเกมนี้ มากกว่า ภาค 8 ที่ดูเลี่ยนไปหน่อย 55555
และในภาคนี้ ก็เน้นเรื่องความเท่าเทียมระหว่างชนเผ่า การเกลียดชังแบบไม่มีเหตุผล เพียงเพราะความเชื่อไม่เหมือนกัน
เผ่า Al Bhed ที่ชอบวิทยาการเครื่องจักร ถูกเกลียดชังโดยคนที่นับถือ Yevon ลัทธิที่เชื่อว่าเครื่องจักรคือสิ่งผิด เพราะYevon สอนมาว่า เครื่องจักรเหล่านั้นเป็นตัวเรียก Sin
ทั้งที่ไม่มีหลักฐานสักชิ้นว่า Sin มาจากพวกวิทยาการเครื่องจักร แต่ก็เกลียดไปแล้ว ไม่ยอมรับเผ่า Al Bhed ที่ใช้เครื่องจักร
ก็คล้ายๆ กับโลกเราทุกวันนี้ ที่บางครั้งเราก็เกลียดอีกฝั่งไปแล้ว ทั้งที่เราก็ไม่ได้รู้อะไรเลย เพียงเพราะ เค้าบอกว่าพวกนี้คนไม่ดี
แถมเผ่านี้ พยายามจะลักพาตัว summoner มาตลอดทาง ให้พระเอกตามช่วย ทำให้ยิ่งเกลียดหนัก แต่แท้จริงแล้วคนในเผ่านี้ลักพาตัว เพื่อ ไม่ให้ summoner ต้องเสียสละตัวเอง
เกมนี้มีกิมมิคอีกหลายอย่างมาก เขียนในกระทู้นี้ ไม่จบสิ้นแน่ๆ เรียกว่า ใส่มาแบบจัดเต็ม มีหลายอย่างมาก ต้องไปเล่นเอง ถึงจะอิน
ระบบเกมภาคนี้ ก็แปลกดีนะ ใช้ระบบ sphere ตอนแรกก็งงหน่อย พอสักพักก็ชิน
รวมไปทั้งระบบ AP ที่ตอนแรกเล่นแบบไม่รู้อะไร ตัวละครอัพช้าเหลือเกิน รู้ทีหลังว่าทุกการต่อสู้ ให้เรียกมาทำอะไรก็ได้ สักครั้งนึง จะตีวืดก็ได้ แล้วเก็บเข้ากรุไปก็ได้ จะได้ค่า AP มาไว้อัพพลังเป็นระบบที่แปลกดี กลายเป็นว่า ทุกครั้งที่สู้ ต้องเรียกมาให้ครบทุกคน ตีกันให้ครบ หรือ ใช้ท่าอะไรก็ได้ ให้มีส่วนร่วมแค่ครั้งนึง เพื่อเอาค่า AP
ทำเสียเวลาในการเล่นไปพอสมควรเลย 55555
ภาคนี้ก็เหมือนๆ ทุกภาค ที่บอสย่อย ยากอิ๊บอ๋าย และมีมินิเกมที่แทบปาจอยทิ้ง ทั้งหลบฟ้าผ่า 200 ครั้ง ขี่โจโคโบะ ให้ได้เวลา 0 วินาที เก็บผีเสื้อน้ำเงิน บลาๆๆ เยอะมาก รีเซ็ตไปหลายรอบ เพื่อให้ตัวละครเทพ 55555
โดยรวมเกมนี้ เป็นภาคที่เนื้อเรื่องจัดว่าดีงามมาก ที่น่าเสียดายว่าคนไม่ค่อยพูดถึง เพราะปรัชญาเยอะไปหน่อย ความเข้าถึงของคนรุ่นใหม่ ไม่ค่อยอิน ต้องหัวสองสี ถึงจะอิน 55555
เพิ่งได้เล่น FFX จบ อินมาก สปอย
เป็นภาคที่ดูเหมือนหลายคนจะไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่ คนมักจะพูดถึงภาค 4 6 9 ซึ่งผมก็ชอบนะ
พอมาได้จับ FFX ก็เข้าใจได้ ว่าคนไม่ค่อยพูดถึง คงเพราะ มีความเป็นปรัชญาค่อนข้างสูง ถ้าเล่นเกมนี้สมัยวัยรุ่น คงไม่อินเท่าไหร่ ต้องผ่านโลกมาแบบตัว Auron ผมสองสีจะอินกับเนื้อเรื่อง และ จุดที่เกมใส่มาเป็นกิมมิคเยอะมาก
ผมไม่ใส่สปอยนะ เกมเก่าพอสมควรแล้ว
เกม FFX เป็นภาคที่ฉีกออกมาจากเกม FF เดิมๆ ภาคก่อนๆ จะออกแนวธีมยุโรปยุคกลาง อัศวิน หรือ แนวโลกอนาคตก็ว่าไป แต่ภาคนี้จะเป็นความเอเชียไปเลย ตั้งแต่ เสื้อผ้า วิธีการเคารพ ที่คนในเกมทำกันทั้งเรื่อง ถ้าเมืองไทยก็คือการไหว้
บทสวดในวิหารแต่ละที่ ก็ความเป็นเอเชีย แถมไม่ใช่แค่สวดเฉยๆ มันแฝงความหมายไว้ด้วย
เนื้อเรื่องหลัก ว่าด้วยการแสวงบุญ นางเอกที่เป็น summoner จะต้องออกไปรวบรวม Aeon (มนต์อสูร) ตามวิหารต่างๆทั่วโลก เพื่อปราบ Sin (ที่แปลว่า บาป) ไคจูที่ถล่มเมือง
Sin ไคจู ที่ถล่มเมือง ภัยพิบัติที่คนในโลก Spira ต้องพบเจอมาเป็นร้อยๆ ปี ไม่จบสิ้นสักที ทำได้แค่ให้ summoner เรียก final Aeon ปราบลงให้สงบ ผู้คนดีใจได้ประมาณ 10 ปี Sin ก็จะกลับมาใหม่ เป็นลูปไปมาไม่จบสิ้น ตามแนวปรัชญาพุทธ เรื่องเวียนว่ายตายเกิด
รวมทั้งการสวดส่งวิญญาณผู้ตาย แบบเอเชียจ๋ามาเลย ผมชอบฉากนี้มาก งดงามดี
ผู้คนได้แต่หวังความสงบสุข เพียงชั่วครั้งคราว สัก 10 ปีก็ยังดี summoner ไปปราบ Sin แล้วก็ดีใจ พอ Sin กลับมาใหม่ก็หวังให้ summoner คนใหม่ปราบอีก วนไปเรื่อย
นางเอกก็เช่นกัน เดินทางไปรวบรวม Aeon เดินตามรอยเท้าพ่อตัวเองที่เป็น summoner ที่เคยปราบ Sin โดยจะมีsummoner คนอื่นเหมือนกันที่จะปราบ Sin แข่งกันทำspeedrun ว่างั้นเถอะ
พระเอก มาตอนแรก ด้วยมาจากโลกอดีต ไม่ได้รู้อะไรเลย โลกสวยมาก คิดแค่ว่าการเดินทางไปปราบ Sin ของนางเอก จะเป็นแบบพระถัมซัมจั๋ง เลยอาสาเป็น Guardian ผู้พิทักษ์ให้นางเอกร่วมกับเพื่อนร่วมตี้คนอื่นๆ ปราบเสร็จจบ โลกสงบสุข ทุกคนแฮปปี้ ตัวเองขะได้ใช้ชีวิตร่วมกับนางเอกหลังจากปราบ Sin
เพื่อนๆ ในตี้ พยายามจะบอกพระเอก มาตลอดทาง แต่อึดอัดไม่กล้าพูด ได้แต่บอกอ้อมๆ มาตลอด พอเห็นพระเอกโลกสวย นางเอกหัวเราะคิดคักกับพระเอก ไม่มีใครกล้าบอกสักคน
จนมาเฉลยรู้ความจริง ว่าการเดินไปปราบ Sin คือ การเสียสละของ Summoner เมื่อเรียกมนต์อสูรสุดท้าย ปราบ Sin ได้ คนนั้นจะต้องตาย เสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของคนอื่นทั่วโลก
พระเอกถึงกับปรี๊ดแตก ว่าตัวเองโลกสวย ไม่ได้รู้อะไรเลย บอกนางเอกมาตลอด ว่าปราบ Sin โลกสงบสุข มาใช้ชีวิตร่วมกัน นางเอกก็ยิ้มรับ หัวเราะคิกคักมาตลอด
โดยไม่รู้เลย ว่าการเดินทางของคณะ คือ การพานางเอกไปตาย เสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนรวม
ฉากนี้ ผมน้ำตาแตกเลย
ผมชอบความรักแบบค่อยๆ ก่อกำเนิด แบบพระนางเกมนี้ มากกว่า ภาค 8 ที่ดูเลี่ยนไปหน่อย 55555
และในภาคนี้ ก็เน้นเรื่องความเท่าเทียมระหว่างชนเผ่า การเกลียดชังแบบไม่มีเหตุผล เพียงเพราะความเชื่อไม่เหมือนกัน
เผ่า Al Bhed ที่ชอบวิทยาการเครื่องจักร ถูกเกลียดชังโดยคนที่นับถือ Yevon ลัทธิที่เชื่อว่าเครื่องจักรคือสิ่งผิด เพราะYevon สอนมาว่า เครื่องจักรเหล่านั้นเป็นตัวเรียก Sin
ทั้งที่ไม่มีหลักฐานสักชิ้นว่า Sin มาจากพวกวิทยาการเครื่องจักร แต่ก็เกลียดไปแล้ว ไม่ยอมรับเผ่า Al Bhed ที่ใช้เครื่องจักร
ก็คล้ายๆ กับโลกเราทุกวันนี้ ที่บางครั้งเราก็เกลียดอีกฝั่งไปแล้ว ทั้งที่เราก็ไม่ได้รู้อะไรเลย เพียงเพราะ เค้าบอกว่าพวกนี้คนไม่ดี
แถมเผ่านี้ พยายามจะลักพาตัว summoner มาตลอดทาง ให้พระเอกตามช่วย ทำให้ยิ่งเกลียดหนัก แต่แท้จริงแล้วคนในเผ่านี้ลักพาตัว เพื่อ ไม่ให้ summoner ต้องเสียสละตัวเอง
เกมนี้มีกิมมิคอีกหลายอย่างมาก เขียนในกระทู้นี้ ไม่จบสิ้นแน่ๆ เรียกว่า ใส่มาแบบจัดเต็ม มีหลายอย่างมาก ต้องไปเล่นเอง ถึงจะอิน
ระบบเกมภาคนี้ ก็แปลกดีนะ ใช้ระบบ sphere ตอนแรกก็งงหน่อย พอสักพักก็ชิน
รวมไปทั้งระบบ AP ที่ตอนแรกเล่นแบบไม่รู้อะไร ตัวละครอัพช้าเหลือเกิน รู้ทีหลังว่าทุกการต่อสู้ ให้เรียกมาทำอะไรก็ได้ สักครั้งนึง จะตีวืดก็ได้ แล้วเก็บเข้ากรุไปก็ได้ จะได้ค่า AP มาไว้อัพพลังเป็นระบบที่แปลกดี กลายเป็นว่า ทุกครั้งที่สู้ ต้องเรียกมาให้ครบทุกคน ตีกันให้ครบ หรือ ใช้ท่าอะไรก็ได้ ให้มีส่วนร่วมแค่ครั้งนึง เพื่อเอาค่า AP
ทำเสียเวลาในการเล่นไปพอสมควรเลย 55555
ภาคนี้ก็เหมือนๆ ทุกภาค ที่บอสย่อย ยากอิ๊บอ๋าย และมีมินิเกมที่แทบปาจอยทิ้ง ทั้งหลบฟ้าผ่า 200 ครั้ง ขี่โจโคโบะ ให้ได้เวลา 0 วินาที เก็บผีเสื้อน้ำเงิน บลาๆๆ เยอะมาก รีเซ็ตไปหลายรอบ เพื่อให้ตัวละครเทพ 55555
โดยรวมเกมนี้ เป็นภาคที่เนื้อเรื่องจัดว่าดีงามมาก ที่น่าเสียดายว่าคนไม่ค่อยพูดถึง เพราะปรัชญาเยอะไปหน่อย ความเข้าถึงของคนรุ่นใหม่ ไม่ค่อยอิน ต้องหัวสองสี ถึงจะอิน 55555