ลงทุนมาฉีดโบทั้งที
ใครๆก็อยากให้อยู่ได้นานๆจริงมั้ยคะ
สาเหตุที่ทำให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์เร็ว
หลายคนอาจจะเคยฉีดโบแล้วรู้สึกว่าเห็นผลอยู่ได้ไม่นาน
เช่น 1-2 เดือน ริ้วรอยก็กลับมาแล้ว
โดยปกติแล้วฤทธิ์ของโบท็อกซ์ในการคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอย จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน (ไม่ถาวรเพราะตัวยาจะสลายไปเองตามธรรมชาติ) แต่อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้อีกเล็กน้อย แตกต่างกันไปแล้วแต่คนนะคะ ซึ่ง
สาเหตุที่ทำให้โบหมดฤทธิ์/สลายเร็วกว่าปกติ
เกิดได้จากหลายๆอย่าง เช่น จากตัวยา จากคนไข้ และจากหมอ
⭕️ จากตัวยา
1. ยาปลอมไม่ได้มาตรฐาน
2. ยาแท้แต่จัดเก็บไม่ดี ทำให้ยาเสื่อมคุณภาพ/ ยาแท้แต่หมดอายุ อันนี้ฉีดแล้วอาจจะไม่ได้ผลเลย
3. ยาเจือจางมากเกินไป ทำให้ได้ยูนิตไม่เพียงพอที่จะคลายกล้ามเนื้อตรงจุดที่จะฉีด
⭕️ จากคนไข้
1. คนไข้มีแอนติบอดี้ต่อโบท็อกซ์ ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะดื้อโบท็อกซ์ เลยทำให้ฉีดแล้วไม่ค่อยเห็นผล หรือเห็นผลแต่อยู่ได้ไม่นาน
2. มีพฤติกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อนบ่อยๆ เช่น อบซาวน่า ล้างหน้า/สระผมด้วยน้ำอุ่นจัด โดยไอความร้อนอยู่เรื่อยๆ อาจจะทำให้โบหมดฤทธิ์เร็วกว่ากำหนด
3. กล้ามเนื้อบางมัดอ่อนแอ ทำให้ต้องใช้มัดอื่นๆเข้ามาช่วย เช่น บางคนหนังตกตา คิ้วตก แต่ไม่รู้ตัว เวลาอ่านหนังสือ หรือ เพ่งมอง จึงต้องเลิกหน้าผากช่วย (ใช้กล้ามเนื้อยกหน้าผากช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น)
4. ใช้กล้ามเนื้อบางมัดบ่อยเกินไป เช่น ชอบหยีตา ชอบขมวดคิ้ว เป็นประจำ
5. เพิ่งเริ่มฉีดตอนที่อายุเยอะแล้ว หรือมีริ้วรอยเยอะ ลึกและเห็นชัดมากแล้ว การฉีดโบอย่างเดียวอาจจะช่วยลดริ้วรอยได้ไม่ทั้งหมด อาจจะต้องใช้วิธีอื่นร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลดีขึ้น เช่น ทำเลเซอร์ยกกระชับ หรือการเติมฟิลเลอร์ ซึ่งตรงนี้หมอจะประเมินและคุยกับคนไข้ก่อน เพื่อให้เข้าใจว่าจะมีขั้นตอนการรักษาอย่างไร และโบท็อกซ์จะแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้มากน้อยเพียงใด เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันค่ะ
⭕️ จากหมอ
1. คำนวณการใช้ยูนิตน้อยกว่าขนาดหรือกำลังของกล้ามเนื้อ ทำให้คลายกล้ามเนื้อได้ไม่เต็มที่ (แต่ละจุด แต่ละคน ใช้ยาไม่เท่ากัน ตรงนี้จึงต้องอาศัยประสบการณ์ของหมอในคำนวณยูนิตให้เหมาะสมพอดีกับแต่ละเคส เพราะฉีดน้อยก็ไม่ค่อยตึง แต่การที่ฉีดมากไปก็จะทำให้ดูหน้าแข็งดูไม่สวยไม่เป็นธรรมชาติ)
2. ฉีดตื้นเกินไป ไม่ถึงกล้ามเนื้อ ทำให้ยาหมดฤทธิ์เร็ว
3. ฉีดไม่โดนมัดกล้ามเนื้อในจุดที่ต้องการ อันนี้นอกจากริ้วรอยจะไม่หายแล้ว มักจะเกิดผลข้างเคียงด้วย ถ้าไปโดนกล้ามเนื้อมัดที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ปากเบี้ยว ยิ้มแปลก หนังตาตก
😢 สิ่งที่ตามมาจากการที่โบ หมดฤทธิ์เร็ว นอกจากคนไข้จะรู้สึกไม่คุ้ม เสียดายเงินแล้ว สิ่งที่ตามมาต่อจากนั้น คือ ในบางเคสจะกลับไปฉีดโบบ่อย(ถี่)มากขึ้น เช่น บ่อยกว่า 3 เดือน จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อโบ ซึ่งสุดท้ายจะทำให้ฉีดแล้วไม่ได้ผลค่ะ
ส่วนใครที่สนใจความรู้เกี่ยวกับโบท็อกซ์ 💉💉
📍 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจโบท็อกซ์
📍 การเตรียมตัวก่อนไปโบท็อกซ์
📍 การดูแลหลังจากฉีดแล้ว
📍 สาเหตุและอาการแบบไหนที่สงสัยว่าดื้อโบ
📹🎞 สามารถกดดูจากคลิปที่หมอทำไว้ใน youtube ตาม link นี้ได้เลยนะคะ
https://bit.ly/3hQLiXS
รู้ทัน!! สาเหตุที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วหมดฤทธิ์ไวกว่าปกติ
ลงทุนมาฉีดโบทั้งที
ใครๆก็อยากให้อยู่ได้นานๆจริงมั้ยคะ
สาเหตุที่ทำให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์เร็ว
หลายคนอาจจะเคยฉีดโบแล้วรู้สึกว่าเห็นผลอยู่ได้ไม่นาน
เช่น 1-2 เดือน ริ้วรอยก็กลับมาแล้ว
โดยปกติแล้วฤทธิ์ของโบท็อกซ์ในการคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอย จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน (ไม่ถาวรเพราะตัวยาจะสลายไปเองตามธรรมชาติ) แต่อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้อีกเล็กน้อย แตกต่างกันไปแล้วแต่คนนะคะ ซึ่ง
สาเหตุที่ทำให้โบหมดฤทธิ์/สลายเร็วกว่าปกติ
เกิดได้จากหลายๆอย่าง เช่น จากตัวยา จากคนไข้ และจากหมอ
⭕️ จากตัวยา
1. ยาปลอมไม่ได้มาตรฐาน
2. ยาแท้แต่จัดเก็บไม่ดี ทำให้ยาเสื่อมคุณภาพ/ ยาแท้แต่หมดอายุ อันนี้ฉีดแล้วอาจจะไม่ได้ผลเลย
3. ยาเจือจางมากเกินไป ทำให้ได้ยูนิตไม่เพียงพอที่จะคลายกล้ามเนื้อตรงจุดที่จะฉีด
⭕️ จากคนไข้
1. คนไข้มีแอนติบอดี้ต่อโบท็อกซ์ ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะดื้อโบท็อกซ์ เลยทำให้ฉีดแล้วไม่ค่อยเห็นผล หรือเห็นผลแต่อยู่ได้ไม่นาน
2. มีพฤติกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อนบ่อยๆ เช่น อบซาวน่า ล้างหน้า/สระผมด้วยน้ำอุ่นจัด โดยไอความร้อนอยู่เรื่อยๆ อาจจะทำให้โบหมดฤทธิ์เร็วกว่ากำหนด
3. กล้ามเนื้อบางมัดอ่อนแอ ทำให้ต้องใช้มัดอื่นๆเข้ามาช่วย เช่น บางคนหนังตกตา คิ้วตก แต่ไม่รู้ตัว เวลาอ่านหนังสือ หรือ เพ่งมอง จึงต้องเลิกหน้าผากช่วย (ใช้กล้ามเนื้อยกหน้าผากช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น)
4. ใช้กล้ามเนื้อบางมัดบ่อยเกินไป เช่น ชอบหยีตา ชอบขมวดคิ้ว เป็นประจำ
5. เพิ่งเริ่มฉีดตอนที่อายุเยอะแล้ว หรือมีริ้วรอยเยอะ ลึกและเห็นชัดมากแล้ว การฉีดโบอย่างเดียวอาจจะช่วยลดริ้วรอยได้ไม่ทั้งหมด อาจจะต้องใช้วิธีอื่นร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลดีขึ้น เช่น ทำเลเซอร์ยกกระชับ หรือการเติมฟิลเลอร์ ซึ่งตรงนี้หมอจะประเมินและคุยกับคนไข้ก่อน เพื่อให้เข้าใจว่าจะมีขั้นตอนการรักษาอย่างไร และโบท็อกซ์จะแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้มากน้อยเพียงใด เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันค่ะ
⭕️ จากหมอ
1. คำนวณการใช้ยูนิตน้อยกว่าขนาดหรือกำลังของกล้ามเนื้อ ทำให้คลายกล้ามเนื้อได้ไม่เต็มที่ (แต่ละจุด แต่ละคน ใช้ยาไม่เท่ากัน ตรงนี้จึงต้องอาศัยประสบการณ์ของหมอในคำนวณยูนิตให้เหมาะสมพอดีกับแต่ละเคส เพราะฉีดน้อยก็ไม่ค่อยตึง แต่การที่ฉีดมากไปก็จะทำให้ดูหน้าแข็งดูไม่สวยไม่เป็นธรรมชาติ)
2. ฉีดตื้นเกินไป ไม่ถึงกล้ามเนื้อ ทำให้ยาหมดฤทธิ์เร็ว
3. ฉีดไม่โดนมัดกล้ามเนื้อในจุดที่ต้องการ อันนี้นอกจากริ้วรอยจะไม่หายแล้ว มักจะเกิดผลข้างเคียงด้วย ถ้าไปโดนกล้ามเนื้อมัดที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ปากเบี้ยว ยิ้มแปลก หนังตาตก
😢 สิ่งที่ตามมาจากการที่โบ หมดฤทธิ์เร็ว นอกจากคนไข้จะรู้สึกไม่คุ้ม เสียดายเงินแล้ว สิ่งที่ตามมาต่อจากนั้น คือ ในบางเคสจะกลับไปฉีดโบบ่อย(ถี่)มากขึ้น เช่น บ่อยกว่า 3 เดือน จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อโบ ซึ่งสุดท้ายจะทำให้ฉีดแล้วไม่ได้ผลค่ะ
ส่วนใครที่สนใจความรู้เกี่ยวกับโบท็อกซ์ 💉💉
📍 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจโบท็อกซ์
📍 การเตรียมตัวก่อนไปโบท็อกซ์
📍 การดูแลหลังจากฉีดแล้ว
📍 สาเหตุและอาการแบบไหนที่สงสัยว่าดื้อโบ
📹🎞 สามารถกดดูจากคลิปที่หมอทำไว้ใน youtube ตาม link นี้ได้เลยนะคะ
https://bit.ly/3hQLiXS