Estee Lauder เตรียมปลดพนักงานทั่วโลก 2000คน

Estee Lauder
ถือเป็น Luxuary Skincare Brand ที่โด่งดังไปทั่วโลก
และโดยเฉพาะกับประเทศไทย
ที่แทบจะเป็น Skin care อันดับหนึ่ง
ที่สาวๆหนุ่มต้องทุ่มทุนซื้อมาลองซักครั้ง
ว่าดีจริง เริ่สจริง สมกับ Top three skin care ที่ดีที่สุดมั้ย
เอาเป็นว่าแทบจะ 99% ของคนที่เข้ามาปรึกษาปัญหาผิวกับรัก
ก็เคยลองใช้ ANR ของ Estee lauder มาก่อน
ซึ่งถ้าจะมองแบบนี้
หลายๆคนก็น่าจะเข้าใจว่า
Estee lauder ไม่น่าจะยอดตกจนกระทั่งต้องเลย์ออฟพนักงานนี่นา
แต่อย่าลืมว่าวิกฤติ COVID-19 ที่เกิดขึ้น
สร้าง New normal ใหม่ให้กับคนทั่วโลก
ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องไป Stand alone counter
เพื่อที่จะซื้อ Skin care หรือ Make up อีกต่อไป
ทำให้ยอดขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้น
ในขณะที่เคาว์เตอร์ตามห้างก็เข้าถึงยากขึ้น
มีมาตรการ Social distance
การติดตามการเดินทางของคน
การสแกนเข้าออกของห้าง
เรียกว่ายากไปหมดสำหรับผู้บริโภค
กว่าจะเข้าถึงได้
กว่าจะได้ซื้อ
แน่นอนว่าคนเข้าถึงยาก
ก็ตัดปัญหาไม่ไปซื้อซะเงย
กำไรก็น้อยลงทั้ง Skin care และ Make up
ในขณะเดียวกันต้นทุนกลับไม่ได้ลดลงเท่าไหร่
ค่าเช่าสถานที่ ค่าจ้างพนักงาน เท่าเดิม
เมื่อยอดขายไม่ขยับ
แล้วทำไมจะไม่ยุบสาขา Layoff พนักงาน
เพื่อมาลงทุนบน Platform ออนไลน์ที่โตเอาๆหละจริงมั้ย
แต่ถ้าถามว่า Overall ทั่วโลกยอดตกจริงมั้ย
ก็ต้องบอกว่าจริง
เมื่อคนเราเผชิญกับพิษเศรฐกิจก็เป็นไปได้ว่า
จะต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก
และหนึ่งในนั้นก็คือเครื่องสำอางทั้งหลาย
แต่ถ้าให้เทียบกับกันระหว่าง Skin careกับ Make up
ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่า Make up
ยอดร่วงไปก่อนเพื่อน
แต่อย่างไรก็ตาม
จากการคาดการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ
สินค้าประเภท Skin care
มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวเร็วขึ้น
เร็วกว่า Make up รวมถึงธุรกิจแฟชั่นเครื่องแต่งกายอื่นๆ
และจากผลประกอบการของ Estee Lauderช่วง 2-3 เดือนมานี้
สินค้าที่ขายดีขึ้นของ Estee Lauder
ก็คือ Skin care
ไม่ว่าจะเป็น ครีมบำรุงผิว, ครีมบำรุงรอบดวงตา หรือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไว้ดูแลผิวหน้าล้วนๆ
เพราะฉะนั้น
ถ้าเรื่องนี้จะสอนให้รู้อะไรซักอย่างนึง
ก็คงเป็นวิกฤติ COVID-19 มันก็ส่งผลกระทบต่อทุกวงการแหละ
ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงรายใหญ่
ไม่ใช่แค่ Estee lauder นะ
แต่ Burberry, Prada และ LVMH ก็โดนกันไปหมด
แต่สิ่งที่แบรนด์พวกนี้ทำก็คือ
#อุดปัญหาเก่าและหาโอกาสใหม่
ถ้าการมี stand alone counter ไม่ตอบโจทย์การซื้อ
ก็ยุบไปแล้วเอาเงินมาลงทุนกับออนไลน์ซะ
และข้อเท็จจริงนึงที่เห็นได้ชัดๆ
ซึ่งเป็น point ที่รักหยิบเรื่องนี้มาพูดก็คือ
ต่อให้เครื่องสำอางจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นยังไง
แต่สุดท้าย Skin care
ก็ยังเป็นสินค้าที่จำเป็น
จะยังคงอยู่ยั้งยืนยง
สวนกระแสยอดขายตกกลับมาขายดีได้เร็วกว่าสินค้าอื่นๆ
แบบที่ Estee lauder เองก็เล็งเห็นว่า
สินค้าขายดีก็เป็น Skin care นี่แหละ
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้
คำตอบก็ไม่ยากเลย
เพราะคนเราไม่เคยหยุดพัฒนาให้ตัวเองดูดีไงหละ
ถึงแม้จะไม่ได้ออกนอกบ้าน
แต่อย่าลืมว่าการที่เรามีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น
โดยเฉพาะช่วง Work from home
เราอยู่กับตัวเองมากขึ้น
เราเห็นตัวเองมากขึ้น
ไม่ได้ใช้ Make up ในการแก้ไขเฉพาะหน้า
ไม่ได้แก้ผ้าเอาหน้ารอด โบกๆกลบๆเหมือนตามปกติ
เห็นเต็มๆชัดๆว่าผิวหน้าก็โทรมไปเยอะเหมือนกัน
เลยหันกลับมาดูแลตัวเอง
และเมื่อช้อยส์การเข้าคลินิกมันเป็นไปได้
สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่การทา skin care
เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า
เมื่อวันนึงที่โลกมันไม่แน่นอน
พึ่งคนอื่นไม่ได้
พึ่งมีดหมอไม่ได้
พึ่งได้แค่ตัวเอง
แต่ความสวยก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
ยังไงก็ต้องรักตัวเอง
พัฒนาตัวเอง
Skin care เนี่ยแหละที่จะคงความดูดีให้เราได้
บทความของ Estee lauder อันนี้
ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า
ต่อให้วิกฤติโควิดจะหนักจนต้องเลย์ออฟคน
แต่ skincare ก็ยังคงขายดี
เพราะคนเราอยากดูดี
ไม่ใช่ว่าไปดูดีให้ใครเห็น
แต่ดูดีเพื่อให้ตัวเองภูมิใจในตัวเอง
ดังนั้น
อย่าลืมทา Skin care ทุกวัน สม่ำเสมอ
เพราะผิวที่ดีไม่ได้มาจากคนอื่น
แต่ต้องเริ่มต้นที่ตัวเองนี่แหละจ้า
อ่านจบอย่าลืมทาครีมนะจ๊ะ
อิอิ
ที่มา
https://www.bnnbloomberg.ca/estee-lauder-to-cut-as-many...
https://www.forbes.com/.../estee-lauder-is-latest.../...
Estee Lauder เตรียมปลดพนักงานทั่วโลก 2000 คน
Estee Lauder
ถือเป็น Luxuary Skincare Brand ที่โด่งดังไปทั่วโลก
และโดยเฉพาะกับประเทศไทย
ที่แทบจะเป็น Skin care อันดับหนึ่ง
ที่สาวๆหนุ่มต้องทุ่มทุนซื้อมาลองซักครั้ง
ว่าดีจริง เริ่สจริง สมกับ Top three skin care ที่ดีที่สุดมั้ย
เอาเป็นว่าแทบจะ 99% ของคนที่เข้ามาปรึกษาปัญหาผิวกับรัก
ก็เคยลองใช้ ANR ของ Estee lauder มาก่อน
ซึ่งถ้าจะมองแบบนี้
หลายๆคนก็น่าจะเข้าใจว่า
Estee lauder ไม่น่าจะยอดตกจนกระทั่งต้องเลย์ออฟพนักงานนี่นา
แต่อย่าลืมว่าวิกฤติ COVID-19 ที่เกิดขึ้น
สร้าง New normal ใหม่ให้กับคนทั่วโลก
ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องไป Stand alone counter
เพื่อที่จะซื้อ Skin care หรือ Make up อีกต่อไป
ทำให้ยอดขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้น
ในขณะที่เคาว์เตอร์ตามห้างก็เข้าถึงยากขึ้น
มีมาตรการ Social distance
การติดตามการเดินทางของคน
การสแกนเข้าออกของห้าง
เรียกว่ายากไปหมดสำหรับผู้บริโภค
กว่าจะเข้าถึงได้
กว่าจะได้ซื้อ
แน่นอนว่าคนเข้าถึงยาก
ก็ตัดปัญหาไม่ไปซื้อซะเงย
กำไรก็น้อยลงทั้ง Skin care และ Make up
ในขณะเดียวกันต้นทุนกลับไม่ได้ลดลงเท่าไหร่
ค่าเช่าสถานที่ ค่าจ้างพนักงาน เท่าเดิม
เมื่อยอดขายไม่ขยับ
แล้วทำไมจะไม่ยุบสาขา Layoff พนักงาน
เพื่อมาลงทุนบน Platform ออนไลน์ที่โตเอาๆหละจริงมั้ย
แต่ถ้าถามว่า Overall ทั่วโลกยอดตกจริงมั้ย
ก็ต้องบอกว่าจริง
เมื่อคนเราเผชิญกับพิษเศรฐกิจก็เป็นไปได้ว่า
จะต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก
และหนึ่งในนั้นก็คือเครื่องสำอางทั้งหลาย
แต่ถ้าให้เทียบกับกันระหว่าง Skin careกับ Make up
ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่า Make up
ยอดร่วงไปก่อนเพื่อน
แต่อย่างไรก็ตาม
จากการคาดการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ
สินค้าประเภท Skin care
มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวเร็วขึ้น
เร็วกว่า Make up รวมถึงธุรกิจแฟชั่นเครื่องแต่งกายอื่นๆ
และจากผลประกอบการของ Estee Lauderช่วง 2-3 เดือนมานี้
สินค้าที่ขายดีขึ้นของ Estee Lauder
ก็คือ Skin care
ไม่ว่าจะเป็น ครีมบำรุงผิว, ครีมบำรุงรอบดวงตา หรือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไว้ดูแลผิวหน้าล้วนๆ
เพราะฉะนั้น
ถ้าเรื่องนี้จะสอนให้รู้อะไรซักอย่างนึง
ก็คงเป็นวิกฤติ COVID-19 มันก็ส่งผลกระทบต่อทุกวงการแหละ
ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงรายใหญ่
ไม่ใช่แค่ Estee lauder นะ
แต่ Burberry, Prada และ LVMH ก็โดนกันไปหมด
แต่สิ่งที่แบรนด์พวกนี้ทำก็คือ
#อุดปัญหาเก่าและหาโอกาสใหม่
ถ้าการมี stand alone counter ไม่ตอบโจทย์การซื้อ
ก็ยุบไปแล้วเอาเงินมาลงทุนกับออนไลน์ซะ
และข้อเท็จจริงนึงที่เห็นได้ชัดๆ
ซึ่งเป็น point ที่รักหยิบเรื่องนี้มาพูดก็คือ
ต่อให้เครื่องสำอางจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นยังไง
แต่สุดท้าย Skin care
ก็ยังเป็นสินค้าที่จำเป็น
จะยังคงอยู่ยั้งยืนยง
สวนกระแสยอดขายตกกลับมาขายดีได้เร็วกว่าสินค้าอื่นๆ
แบบที่ Estee lauder เองก็เล็งเห็นว่า
สินค้าขายดีก็เป็น Skin care นี่แหละ
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้
คำตอบก็ไม่ยากเลย
เพราะคนเราไม่เคยหยุดพัฒนาให้ตัวเองดูดีไงหละ
ถึงแม้จะไม่ได้ออกนอกบ้าน
แต่อย่าลืมว่าการที่เรามีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น
โดยเฉพาะช่วง Work from home
เราอยู่กับตัวเองมากขึ้น
เราเห็นตัวเองมากขึ้น
ไม่ได้ใช้ Make up ในการแก้ไขเฉพาะหน้า
ไม่ได้แก้ผ้าเอาหน้ารอด โบกๆกลบๆเหมือนตามปกติ
เห็นเต็มๆชัดๆว่าผิวหน้าก็โทรมไปเยอะเหมือนกัน
เลยหันกลับมาดูแลตัวเอง
และเมื่อช้อยส์การเข้าคลินิกมันเป็นไปได้
สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่การทา skin care
เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า
เมื่อวันนึงที่โลกมันไม่แน่นอน
พึ่งคนอื่นไม่ได้
พึ่งมีดหมอไม่ได้
พึ่งได้แค่ตัวเอง
แต่ความสวยก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
ยังไงก็ต้องรักตัวเอง
พัฒนาตัวเอง
Skin care เนี่ยแหละที่จะคงความดูดีให้เราได้
บทความของ Estee lauder อันนี้
ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า
ต่อให้วิกฤติโควิดจะหนักจนต้องเลย์ออฟคน
แต่ skincare ก็ยังคงขายดี
เพราะคนเราอยากดูดี
ไม่ใช่ว่าไปดูดีให้ใครเห็น
แต่ดูดีเพื่อให้ตัวเองภูมิใจในตัวเอง
ดังนั้น
อย่าลืมทา Skin care ทุกวัน สม่ำเสมอ
เพราะผิวที่ดีไม่ได้มาจากคนอื่น
แต่ต้องเริ่มต้นที่ตัวเองนี่แหละจ้า
อ่านจบอย่าลืมทาครีมนะจ๊ะ
อิอิ
ที่มา
https://www.bnnbloomberg.ca/estee-lauder-to-cut-as-many...
https://www.forbes.com/.../estee-lauder-is-latest.../...