เล่าประสบการณ์การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ

วันนี้จะขอเล่าประสบการณ์การผ่าตัดของตัวเอง เป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ กับอาจารย์หมอสักกาเดช คุณหมอเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เชี่ยวชาญเรื่องกระดูกและข้อ ทำให้การผ่าตัดไม่น่ากลัวและไม่เจ็บเลยค่ะ

เล่าก่อนว่าเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุ 30 ปี ที่มีโรคประจำตัวคือโรค SLE หรือที่เพื่อนๆรู้จักกันว่าโรคพุ่มพวง ทำให้เราต้องทานยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ซึ่งมันส่งผลต่อหัวกระดูกสะโพกเรา ทำให้หัวสะโพกขาดเลือดมาเลี้ยง และเกิดการยุบตัว ฟังแค่นี้ก็เจ็บแล้วใช่มั้ยคะ เราทรมานกับอาการปวดเอว ปวดสะโพกมาก ทำกิจวัตรประจำวันลำบาก เรียกได้ว่าปวดตลอดเวลา แต่อีกเหตุผลสำคัญที่เราอยากเข้ารับการรักษา ก็เพราะเรากำลังเรียนปริญญาโทอยู่คณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ กำลังจะทำตัวจบวิทยานิพนธ์ป.โท แล้วงานที่เราทำ นอกจากแรงใจแล้วก็ต้องพึ่งแรงกายมากเลยทีเดียว และอาการปวดของเรามันก็เป็นอุปสรรคกับการทำงานพอสมควรเลย 

เราเครียดมากกับอาการนี้เพราะมันกระทบทั้งด้านการเรียน การใช้ชีวิตเรา จนตัดสินใจ เข้าไปปรึกษาหมอกระดูกเฉพาะทางข้อสะโพกที่โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ และได้กลายเป็นคนไข้ของอาจารย์หมอสักกาเดชในที่สุดค่ะ เราก็เล่าอาการให้คุณหมอฟัง รวมถึงเงื่อนไขของเรา ที่อยากฟื้นตัวให้ได้ไวที่สุด เพื่อที่จะออกไปทำตัวจบป.โทของเราให้เสร็จตามแผนที่วางไว้ ซึ่งคุณหมอใส่ใจมากเลยค่ะ สำหรับอาการและเงื่อนไขของเรา คุณหมอเลือกแนวทางการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมโดยไม่ต้องตัดกล้ามเนื้อ เราได้ยินว่าเป็นเทคนิคใหม่ที่ในโรงพยาบาลนี้มีแต่อาจารย์หมอสักกาเดชเท่านั้นที่มีความชำนาญในการผ่าตัดชนิดนี้ แผลผ่าตัดเล็กมากและการฟื้นตัวก็ไวกว่าด้วย ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดข้อสะโพกหลุดหลังผ่าตัดเมื่อเทียบกับการรักษาแบบเดิม ซึ่งอย่างที่บอกว่า เราอยากออกไปทำตัวจบต่อให้ไวที่สุด แล้วเราต้องเชื่อมเหล็ก ยกของหนัก ถ้าข้อสะโพกหลุดอีกไม่ดีแน่ๆ 
 
ก่อนผ่าตัดข้อสะโพกเรากังวลมาก แต่อาจารย์หมอสักกาเดชอธิบายการรักษาละเอียดยิบ และติดตามอาการเราตลอดตั้งแต่ก่อนผ่าตัดจนหลังผ่าตัดค่ะ หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่าคุณหมอจบเฉพาะทางด้านการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกและข้อเข่า จากHarvard Medical School ที่สหรัฐอเมริกาด้วย เราก็มีความมั่นใจขึ้นไปอีก
 
เราผ่าตัดช่วงปลายเดือนพฤษภาคม โชคดีมากๆเพราะสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้นในตอนนั้น แล้วเราอยากรีบผ่าตัดก่อนที่เราจะทำตัวจบ เราผ่าตัดที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ไม่น่าเชื่อว่านอนโรงพยาบาลแค่3วันเท่านั้น ออกมาปุ๊บไม่เกินอาทิตย์เราก็แอบไปทำงานศิลปะที่เป็นตัวจบของเราเลยค่ะ และเมื่อกรกฎาที่ผ่านมา เราก็ได้แสดงผลงานตัวจบของเราไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราผ่าตัดมาได้ 2 เดือนกว่าๆ เป็นอย่างที่คุณหมอบอกจริงๆ เราเหมือนได้ชีวิตใหม่ สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้นมาก
 
เราคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกผ่าตัดกับอาจารย์หมอสักกาเดช แผลผ่าตัดเล็ก การฟื้นตัวก็ไวอย่างที่คุณหมอบอกจริงๆค่ะ ถ้าเราไม่ได้ผ่าตัดข้อสะโพกเทียมแบบไม่ตัดกล้ามเนื้อกับอาจารย์หมอสักกาเดช ซึ่งเป็นคนเดียวในโรงพยาบาลที่ผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้ได้ วิทยานิพนธ์ตัวจบของเรา คงไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้แน่ๆเลยค่ะ คุณหมอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนูมีพลังในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเลยนะคะ!!!! 
สุดท้ายเราอยากฝากถึงผู้ป่วยโรค SLE ที่มีอาการปวดสะโพก หรือใครก็ตามที่มีอาการปวดอะไรที่ดูผิดปกติ ลองเข้าไปปรึกษาคุณหมอก่อนได้ค่ะ อย่าปล่อยให้เป็นหนัก การรักษาอาจไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดก็ได้ค่ะ และจริงๆอย่างกรณีของเรา การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หลายๆคนชอบคิดว่าผ่าแล้วจะเดินไม่ได้ ซึ่งมันไม่จริงเลยค่ะ เรานอกจากจะเดินได้อย่างปกติแล้ว ยังเชื่อมเหล็กทำงานใช้แรงได้อีกต่างหาก คุณหมอและการผ่าตัดครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตเราเลยจริงๆ อยากขอบคุณคุณหมอมากจริงๆค่าา

ซึ่งถ้าใครอยากปรึกษาอาการป่วยกับอาจารย์หมอสักกาเดชแต่ยังไม่สะดวกไปโรงพยาบาลคุณหมอมีคลินิกอยู่แถวถนนเชียงใหม่-หางดง(ติดกาดวรุณ แม่เหียะ)ด้วยค่ะ ชื่อคลินิกกระดูกและข้อ หมอสักกาเดช อันนี้เพจของคลินิกค่ะ >> https://www.facebook.com/sakkadechclinic
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่