มู่หลานเวอร์ชั่นคนแสดงใกล้จะเข้าโรงแล้วววววว
ฉากนีงที่ทุกคนต้องจำได้คือ
ฉากที่มู่หลานแต่งหน้าขาวจั๊วะ ทาปากแดง คิ้วดำ
เพื่อเข้าพิธีการดูตัวแล้วได้เจอกับ Cricket จิ้งหรีดนำโชค
ซึ่งฉากนี้เองก็ทำให้เกิดซีนของเพลง Reflection
กลายเป็นเพลงที่อยู่ในใจของสาวก Mulan Disney ทั่วโลก
.
และเมื่อมู่หลานถูกทำเป็นหนังที่มีคนแสดงจริงโดยหลิวอี้เฟย
จะเห็นว่าดีเทลการแต่งหน้าแตกต่างออกไป
หน้าไม่ได้ขาวจั๊วะทั้งหมด
แถมหน้าผากก็ปัดให้เป็นสีเหลือง
แล้วยังวาดดอกไม้กลางหน้าผากไปอีก
.
คำถามแรกที่น่าจะแว๊บเข้ามาในหัวเลย
#ดิสนีย์ทำผิดรึป่าว
หรือว่าพอเปนคนแสดงเลยอยากทำให้แฟนซีขึ้นรึป่าว
หรือว่าถ้าแต่งหน้าแบบในการ์ตูนเป๊ะๆ
หลิวอี้เฟยก็หลิวอี้เฟยเถอะไม่น่ารอดรึป่าว
ทำไมไม่ทำเหมือนในการ์ตูนเป๊ะๆ
งงในงงในงง
.
คำตอบคือ
การแต่งหน้าตามเวอร์ชั่นหลิวอี้เฟย
คือเป๊ะที่สุดแล้ว
ต้องชื่นชมการทำการบ้านของดิสนีย์ตรงนี้เลย
ใส่ดีเทลการแต่งหน้าได้ละเอียดมาก
ตรงตามประวัติศาสตร์และอารยธรรมของจีนแบบก๊อบปี้เพสท์สุดๆ
.
มาดูว่าความละเอียดของดิสนีย์ไปถึงขั้นไหน
จริงแล้วๆเรื่องราวของมู่หลาน
เริ่มต้นจากบทกลอน #ลำนำมู่หลาน ก่อนราชวงศ์ถัง
แต่มาดังตอนราชวงศ์ชิง
เพื่อให้เกิดความสมจริง
จึงเอารูปแบบการแต่งหน้าที่เกิดขึ้นช่วงราชวงศ์ถัง
กลับมาแต่งอีกครั้งให้กับมู่หลานในเวอร์ชั่นของหลิวอี้เฟย
.
เรามาลงดีเทลกันดีกว่าว่าการแต่งหน้าที่เราเห็นนั้น
ตรงกับเทรนด์ของราชวงศ์ถังยังไงบ้าง
.
#หน้า
ทาแป้งที่หน้า าต้องเป็นแป้งสีขาว หน้าจะได้ขาวผ่องเป็นยองใย
.
.
#แก้ม
แก้มต้องทาสีแดง ต้องแดงมากๆ ด้วย จะอมชมพูไม่ได้
เพราะสีแก้มต้องสวยงามเหมือนก้อนเมฆยามอรุณรุ่ง
อาจจะปัด ตั้งแต่ดวงตา กว้างยาวไปถึงหู แล้วลากลงมาถึงคาง
ทั้งในเวอร์ชั่นการ์ตูนและคนแสดงก็คือคงความเข้มของสีไว้
แต่ area ในการทาต่างกันเฉยๆ
.
.
#หน้าผากสีเหลือง
การทาสีเหลืองที่หน้าผาก
เพราะสมัยถังเป็นยุคที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองมาก
หน้าผากสีเหลืองทอง
ไม่ต่างกับหน้าผากของพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นของสูง
สีเหลืองนี้ทำมาจากพืชและดอกไม้
เอามาผสมน้ำแล้วใช้แปรงปัดเอา
ซึ่งจะเห็นว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนไม่ได้ลงดีเทลตรงนี้
.
.
#ดอกไม้กลางหน้าผาก
ขอเล่าประวัติซะหน่อย
ในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้
ธิดาขอฮ่องเต้หนานเฉาซ่ง ชื่อองค์หญิงโชว่หยาง
แอบไปนอนใต้พระวิหาร
แล้วกลีบดอกเหมยตกลงมาบนหน้าผาก
ตื่นมาเช็ดยังไงก็ไม่ออก
สีแดงๆเลยติดกลางหน้าผาก
พอสาวๆในวังเห็นว่าสวยก็ทำตามเป็นเทรนด์
ซึ่ง ชื่อเทรนด์ก็ตั้งตามคนแริ่มต้นกับดอกไม้ คือ โชว่หยางลั่วเหมยจวง
และต่อมาถูกเรียกว่าฮว่าเตี้ยน หรือฮว่าจื่อในราชวงศ์ถังและซ่ง
ซึ่งรูปดอกไม้ก็จะแตกต่างกันไปตามเทรนด์ของสมัยนั้น
แต่ที่แน่ๆเวอร์ชั่นคนแสดงก็เลือกที่จะใส่ฮว่าเตี้ยนลงไป
ยอมใจความละเอียดนี้
.
.
#คิ้ว
เนื่องจากราชวงศ์ถังกินเวลายาวนานมาก
ทรงคิ้วก็จะมีหลากหลาย
แต่หลักๆเลยจะใช้วัสดุสีดำสำหรับเขียนคิ้วให้ดูเข้ม
ทรงคิ้วแบบบางละเอียดและยาว เรียกว่า ไต้เหมย
ทรงคิ้วที่หนาและใหญ่ เรียกเอ๋อเหมยซึ่งบางครั้งเรียกว่า กว่างเหมย
รูปแบบคิ้วก็จะแตกต่างออกไป
ราชวงศ์ฉิน คิ้วต้องดกดำ ยาวโค้งดั่งคันศร
ราชวงศ์ฮั่น คิ้วต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม
ราชวงศ์ถัง คิ้วต้องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ถ้าเป็นเวอร์ชั่นการตูนจะเห็นว่าคิ้วเป็นทรงฮิตของราชวงศ์ถัง
.
.
#ปาก
ปากต้องแดงเท่านั้น
แต่จะรูปทรงแบบทาเต็มปากหรือทาครึ่งปากก็แล้วแต่เทรนด์ของยุคนั้น
แต่ที่แน่ๆต้องทาขอบปาก
และถ้าหากจะทาปากด้วยรูปทรงอื่น
ก็จะต้องเอาแป้งขาวๆมาทาริมฝีปากส่วนที่ไม่ได้ทาสีแดงไว้
ให้กลืนๆไปกับใบหน้า
จะว่าไปก็คล้ายๆกับการทาลิปของญี่ปุ่นโบราณอยู่เหมือนกันเนาะ
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้
จากเดิมที่คิดว่า
เวอร์ชั่นคนแสดงแต่งหน้าแฟนซีไว้ให้สมกับเป็นภาพยนตร์รึป่าว
ก็น่าจะรู้คำตอบกันแล้วเนาะ
ว่าจริงๆแล้วมีการอ้างอิงการแต่งหน้าในราชวงศ์ถังมาเป๊ะๆๆๆทุกช็อต
ถึงขนาดว่าการทาแก้มก็ยังไม่เอาจุดแดงไปแต้มทั้ง 2 ข้าง
เพราะจุดแดงที่แก้มเป็นการแต่งหน้าของสาวชาววังเท่านั้น
เอาไว้ส่งสัญญาณบอกฮ่องเต้ว่าวันนี้มีประจำเดือนนะ
.
ซึ่งในฉากที่เราเห็นในการ์ตูนและหนัง
เป็นแค่การให้แม่สื่อดูตัว
ก็ไม่ต้องแต่งหน้าเชิงสัญลักษณ์ในการบอกแม่สื่อ
เห็นมั้ยว่าดิสนีย์ทำการบ้านมาขนาดไหน
.
ถ้างั้นแสดงว่าใน #เวอร์ชั่นการ์ตูนผิดหรอ
คำตอบก็ คือ ไม่ผิดจ้า
เนื่องจากการแต่งหน้าไม่ว่าจะยุคสมัยไหน
มันก็คือ trend
มีการเพิ่มลดส่วนประกอบต่างๆอยู่แล้ว
การที่เวอร์ชั่นการ์ตูนไม่ได้ใส่หน้าผากเหลืองหรือดอกไม้สีแดงมาก็ไม่ได้ผิด
เพราะมันก็มีช่วงนึงในราชวงศ์ถังที่ไม่ทาหน้าผากเหลือง ไม่วาดดอกไม้แดงเหมือนกัน
.
หรือถ้าจะมองอีกมุมนึง
มู่หลานตอนดูตัวก็เป็นสาวชาวบ้าน
เทรนด์การทาดอกไม้แดงกลางหน้าผากอาจจะไม่ได้ถูกส่งออกมาจากวังถึงสาวๆทั่วไปนอกวังก็ได้
แต่โดย Overall ของการแต่งหน้าทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนและคนแสดง
ได้รวมเอา Signature + Trend การแต่งหน้าหลักๆที่เกิดยุคนั้นเอามาโชว์ให้เราดู
หน้าต้องขาว ปากต้องแดง แก้มต้องเด่น คิ้วต้องดำสนิท
.
เล่ามาจนถึงตรงนี้
ที่หยิบยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง
นอกจากจะบอกว่า Walt Disney ทำการบ้านมาดีมาก
ในเรื่องของการสื่อสารอารยธรรมด้านการแต่งหน้าของสาวจีน
ซึ่งถือเป็นจุดเล็กๆมาก ออกจอไม่เกิน 10 นาที
แต่ก็ลงดีเทลอย่างยอดเยี่ยม
.
ก็อยากจะบอกอีกเรื่องว่า
จริงๆแล้วความสวยไม่มีนิยามที่แน่นอนตายตัว
ไม่รูปแบบหรือข้อจำกัด
เราในตอนนี้อาจจะมองการแต่งหน้าของมู่หลานในเวอร์ชั่นของหลิวอี้เฟย
ว่าดูแปลก ดูประหลาด ดูงิ้ว
แต่ถ้าบริบทของเราไปอยู่ในยุคนั้น
แล้วมาแต่งหน้าวินเทจ มินิมอล รองพื้นถูกเบอร์หน้าไม่เทาแบบตอนนี้
เราเองเนี่ยแหละที่จะดูประหลาดในสายตาของสาวๆจีนโบราณเหมือนกัน
.
คำถาม คือ
แล้วเราไม่สวยหรอ
หรือว่าสาวจีนโบราณไม่สวยกันแน่
คำตอบง่ายๆเลย
มันเป็นแค่เทรนด์
เป็นมุมมองที่เปลี่ยนไปในต่างวาระและเวลาแค่นั้นเอง
แล้วมันก็ขึ้นกับบริบทและกาลเทศะด้วย
ถ้าวันนี้เราต้องแสดงเป็นสาวจีนโบราณ
ต่อให้อยู่ในยุค 2020 เราแต่งหน้าแบบนั้นในบริบทนั้น
เราก็สวยอยู่ดีถูกมั้ย
.
เพราะฉะนั้น
#ความสวยไม่มีรูปแบบ
#เป็นแค่เทรนด์
#เป็นแค่ค่านิยม
สาวๆหนุ่มๆอ่านมาถึงตรงนี้
อย่าได้กังวล ว่าเราอาจจะไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวตามเทรนด์
แล้วจะดูไม่สวย ไม่หล่อ
.
ขอบอกว่าแค่ดูแลตัวเองดีๆ ให้สะอาดอ้าน
ส่วนเมกอัพจะลงแนวไหน ไม่ตรงเทรนด์เป๊ะๆ มันไม่สำคัญเลย
เพราะมันก็คือศิลปะรูปแบบนึงที่ลงบนผิวหน้าเท่านั้นเอง
ไม่มีผิดถูกไม่ตายตัว
เอาให้ถูกต้องตามกาลเทศะและบริบทที่เราจะทำ
โดยใช้เทรนด์ในปัจจุบันเป็นไกด์ไลน์ให้ตัวเองก็พอ
แล้วมาหาแนวที่ใช่ รูปแบบที่เราจะมั่นใจ
ขอแค่สวยในแบบของตัวเอง
ดูดีในแบบตัวเอง
Bring out the best of you
ก็พอแล้วจ้า
สุดท้ายเลย มู่หลานเวอร์ชั่นคนแสดงยังอยู่ในโรง
น่าดูมากกกก ไปดูกันเต๊อะ^^
MULAN 2020 Right or wrong เวอร์ชั่นไหนดีกว่า
ฉากนีงที่ทุกคนต้องจำได้คือ
ฉากที่มู่หลานแต่งหน้าขาวจั๊วะ ทาปากแดง คิ้วดำ
เพื่อเข้าพิธีการดูตัวแล้วได้เจอกับ Cricket จิ้งหรีดนำโชค
ซึ่งฉากนี้เองก็ทำให้เกิดซีนของเพลง Reflection
กลายเป็นเพลงที่อยู่ในใจของสาวก Mulan Disney ทั่วโลก
.
และเมื่อมู่หลานถูกทำเป็นหนังที่มีคนแสดงจริงโดยหลิวอี้เฟย
จะเห็นว่าดีเทลการแต่งหน้าแตกต่างออกไป
หน้าไม่ได้ขาวจั๊วะทั้งหมด
แถมหน้าผากก็ปัดให้เป็นสีเหลือง
แล้วยังวาดดอกไม้กลางหน้าผากไปอีก
.
คำถามแรกที่น่าจะแว๊บเข้ามาในหัวเลย
#ดิสนีย์ทำผิดรึป่าว
หรือว่าพอเปนคนแสดงเลยอยากทำให้แฟนซีขึ้นรึป่าว
หรือว่าถ้าแต่งหน้าแบบในการ์ตูนเป๊ะๆ
หลิวอี้เฟยก็หลิวอี้เฟยเถอะไม่น่ารอดรึป่าว
ทำไมไม่ทำเหมือนในการ์ตูนเป๊ะๆ
งงในงงในงง
.
คำตอบคือ
การแต่งหน้าตามเวอร์ชั่นหลิวอี้เฟย
คือเป๊ะที่สุดแล้ว
ต้องชื่นชมการทำการบ้านของดิสนีย์ตรงนี้เลย
ใส่ดีเทลการแต่งหน้าได้ละเอียดมาก
ตรงตามประวัติศาสตร์และอารยธรรมของจีนแบบก๊อบปี้เพสท์สุดๆ
.
มาดูว่าความละเอียดของดิสนีย์ไปถึงขั้นไหน
จริงแล้วๆเรื่องราวของมู่หลาน
เริ่มต้นจากบทกลอน #ลำนำมู่หลาน ก่อนราชวงศ์ถัง
แต่มาดังตอนราชวงศ์ชิง
เพื่อให้เกิดความสมจริง
จึงเอารูปแบบการแต่งหน้าที่เกิดขึ้นช่วงราชวงศ์ถัง
กลับมาแต่งอีกครั้งให้กับมู่หลานในเวอร์ชั่นของหลิวอี้เฟย
.
เรามาลงดีเทลกันดีกว่าว่าการแต่งหน้าที่เราเห็นนั้น
ตรงกับเทรนด์ของราชวงศ์ถังยังไงบ้าง
.
#หน้า
ทาแป้งที่หน้า าต้องเป็นแป้งสีขาว หน้าจะได้ขาวผ่องเป็นยองใย
.
.
#แก้ม
แก้มต้องทาสีแดง ต้องแดงมากๆ ด้วย จะอมชมพูไม่ได้
เพราะสีแก้มต้องสวยงามเหมือนก้อนเมฆยามอรุณรุ่ง
อาจจะปัด ตั้งแต่ดวงตา กว้างยาวไปถึงหู แล้วลากลงมาถึงคาง
ทั้งในเวอร์ชั่นการ์ตูนและคนแสดงก็คือคงความเข้มของสีไว้
แต่ area ในการทาต่างกันเฉยๆ
.
.
#หน้าผากสีเหลือง
การทาสีเหลืองที่หน้าผาก
เพราะสมัยถังเป็นยุคที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองมาก
หน้าผากสีเหลืองทอง
ไม่ต่างกับหน้าผากของพระพุทธรูปซึ่งถือเป็นของสูง
สีเหลืองนี้ทำมาจากพืชและดอกไม้
เอามาผสมน้ำแล้วใช้แปรงปัดเอา
ซึ่งจะเห็นว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนไม่ได้ลงดีเทลตรงนี้
.
.
#ดอกไม้กลางหน้าผาก
ขอเล่าประวัติซะหน่อย
ในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้
ธิดาขอฮ่องเต้หนานเฉาซ่ง ชื่อองค์หญิงโชว่หยาง
แอบไปนอนใต้พระวิหาร
แล้วกลีบดอกเหมยตกลงมาบนหน้าผาก
ตื่นมาเช็ดยังไงก็ไม่ออก
สีแดงๆเลยติดกลางหน้าผาก
พอสาวๆในวังเห็นว่าสวยก็ทำตามเป็นเทรนด์
ซึ่ง ชื่อเทรนด์ก็ตั้งตามคนแริ่มต้นกับดอกไม้ คือ โชว่หยางลั่วเหมยจวง
และต่อมาถูกเรียกว่าฮว่าเตี้ยน หรือฮว่าจื่อในราชวงศ์ถังและซ่ง
ซึ่งรูปดอกไม้ก็จะแตกต่างกันไปตามเทรนด์ของสมัยนั้น
แต่ที่แน่ๆเวอร์ชั่นคนแสดงก็เลือกที่จะใส่ฮว่าเตี้ยนลงไป
ยอมใจความละเอียดนี้
.
.
#คิ้ว
เนื่องจากราชวงศ์ถังกินเวลายาวนานมาก
ทรงคิ้วก็จะมีหลากหลาย
แต่หลักๆเลยจะใช้วัสดุสีดำสำหรับเขียนคิ้วให้ดูเข้ม
ทรงคิ้วแบบบางละเอียดและยาว เรียกว่า ไต้เหมย
ทรงคิ้วที่หนาและใหญ่ เรียกเอ๋อเหมยซึ่งบางครั้งเรียกว่า กว่างเหมย
รูปแบบคิ้วก็จะแตกต่างออกไป
ราชวงศ์ฉิน คิ้วต้องดกดำ ยาวโค้งดั่งคันศร
ราชวงศ์ฮั่น คิ้วต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม
ราชวงศ์ถัง คิ้วต้องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ถ้าเป็นเวอร์ชั่นการตูนจะเห็นว่าคิ้วเป็นทรงฮิตของราชวงศ์ถัง
.
.
#ปาก
ปากต้องแดงเท่านั้น
แต่จะรูปทรงแบบทาเต็มปากหรือทาครึ่งปากก็แล้วแต่เทรนด์ของยุคนั้น
แต่ที่แน่ๆต้องทาขอบปาก
และถ้าหากจะทาปากด้วยรูปทรงอื่น
ก็จะต้องเอาแป้งขาวๆมาทาริมฝีปากส่วนที่ไม่ได้ทาสีแดงไว้
ให้กลืนๆไปกับใบหน้า
จะว่าไปก็คล้ายๆกับการทาลิปของญี่ปุ่นโบราณอยู่เหมือนกันเนาะ
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้
จากเดิมที่คิดว่า
เวอร์ชั่นคนแสดงแต่งหน้าแฟนซีไว้ให้สมกับเป็นภาพยนตร์รึป่าว
ก็น่าจะรู้คำตอบกันแล้วเนาะ
ว่าจริงๆแล้วมีการอ้างอิงการแต่งหน้าในราชวงศ์ถังมาเป๊ะๆๆๆทุกช็อต
ถึงขนาดว่าการทาแก้มก็ยังไม่เอาจุดแดงไปแต้มทั้ง 2 ข้าง
เพราะจุดแดงที่แก้มเป็นการแต่งหน้าของสาวชาววังเท่านั้น
เอาไว้ส่งสัญญาณบอกฮ่องเต้ว่าวันนี้มีประจำเดือนนะ
.
ซึ่งในฉากที่เราเห็นในการ์ตูนและหนัง
เป็นแค่การให้แม่สื่อดูตัว
ก็ไม่ต้องแต่งหน้าเชิงสัญลักษณ์ในการบอกแม่สื่อ
เห็นมั้ยว่าดิสนีย์ทำการบ้านมาขนาดไหน
.
ถ้างั้นแสดงว่าใน #เวอร์ชั่นการ์ตูนผิดหรอ
คำตอบก็ คือ ไม่ผิดจ้า
เนื่องจากการแต่งหน้าไม่ว่าจะยุคสมัยไหน
มันก็คือ trend
มีการเพิ่มลดส่วนประกอบต่างๆอยู่แล้ว
การที่เวอร์ชั่นการ์ตูนไม่ได้ใส่หน้าผากเหลืองหรือดอกไม้สีแดงมาก็ไม่ได้ผิด
เพราะมันก็มีช่วงนึงในราชวงศ์ถังที่ไม่ทาหน้าผากเหลือง ไม่วาดดอกไม้แดงเหมือนกัน
.
หรือถ้าจะมองอีกมุมนึง
มู่หลานตอนดูตัวก็เป็นสาวชาวบ้าน
เทรนด์การทาดอกไม้แดงกลางหน้าผากอาจจะไม่ได้ถูกส่งออกมาจากวังถึงสาวๆทั่วไปนอกวังก็ได้
แต่โดย Overall ของการแต่งหน้าทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนและคนแสดง
ได้รวมเอา Signature + Trend การแต่งหน้าหลักๆที่เกิดยุคนั้นเอามาโชว์ให้เราดู
หน้าต้องขาว ปากต้องแดง แก้มต้องเด่น คิ้วต้องดำสนิท
.
เล่ามาจนถึงตรงนี้
ที่หยิบยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง
นอกจากจะบอกว่า Walt Disney ทำการบ้านมาดีมาก
ในเรื่องของการสื่อสารอารยธรรมด้านการแต่งหน้าของสาวจีน
ซึ่งถือเป็นจุดเล็กๆมาก ออกจอไม่เกิน 10 นาที
แต่ก็ลงดีเทลอย่างยอดเยี่ยม
.
ก็อยากจะบอกอีกเรื่องว่า
จริงๆแล้วความสวยไม่มีนิยามที่แน่นอนตายตัว
ไม่รูปแบบหรือข้อจำกัด
เราในตอนนี้อาจจะมองการแต่งหน้าของมู่หลานในเวอร์ชั่นของหลิวอี้เฟย
ว่าดูแปลก ดูประหลาด ดูงิ้ว
แต่ถ้าบริบทของเราไปอยู่ในยุคนั้น
แล้วมาแต่งหน้าวินเทจ มินิมอล รองพื้นถูกเบอร์หน้าไม่เทาแบบตอนนี้
เราเองเนี่ยแหละที่จะดูประหลาดในสายตาของสาวๆจีนโบราณเหมือนกัน
.
คำถาม คือ
แล้วเราไม่สวยหรอ
หรือว่าสาวจีนโบราณไม่สวยกันแน่
คำตอบง่ายๆเลย
มันเป็นแค่เทรนด์
เป็นมุมมองที่เปลี่ยนไปในต่างวาระและเวลาแค่นั้นเอง
แล้วมันก็ขึ้นกับบริบทและกาลเทศะด้วย
ถ้าวันนี้เราต้องแสดงเป็นสาวจีนโบราณ
ต่อให้อยู่ในยุค 2020 เราแต่งหน้าแบบนั้นในบริบทนั้น
เราก็สวยอยู่ดีถูกมั้ย
.
เพราะฉะนั้น
#ความสวยไม่มีรูปแบบ
#เป็นแค่เทรนด์
#เป็นแค่ค่านิยม
สาวๆหนุ่มๆอ่านมาถึงตรงนี้
อย่าได้กังวล ว่าเราอาจจะไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวตามเทรนด์
แล้วจะดูไม่สวย ไม่หล่อ
.
ขอบอกว่าแค่ดูแลตัวเองดีๆ ให้สะอาดอ้าน
ส่วนเมกอัพจะลงแนวไหน ไม่ตรงเทรนด์เป๊ะๆ มันไม่สำคัญเลย
เพราะมันก็คือศิลปะรูปแบบนึงที่ลงบนผิวหน้าเท่านั้นเอง
ไม่มีผิดถูกไม่ตายตัว
เอาให้ถูกต้องตามกาลเทศะและบริบทที่เราจะทำ
โดยใช้เทรนด์ในปัจจุบันเป็นไกด์ไลน์ให้ตัวเองก็พอ
แล้วมาหาแนวที่ใช่ รูปแบบที่เราจะมั่นใจ
ขอแค่สวยในแบบของตัวเอง
ดูดีในแบบตัวเอง
Bring out the best of you
ก็พอแล้วจ้า
สุดท้ายเลย มู่หลานเวอร์ชั่นคนแสดงยังอยู่ในโรง
น่าดูมากกกก ไปดูกันเต๊อะ^^