เนื่องด้วยเป็นวันครบรอบปีของพี่เขา ผมก็พนมมือ ขออนุญาตเขา เอาเรื่องของเขามาเล่าให้ฟังละกัน
......
พี่ตง เป็นพี่ในที่ทำงาน อายุสามสิบกว่าแล้ว เป็นคนเก่ง พูดเก่ง มุกเยอะ มนุษยสัมพันธ์ดี แต่นอกจากที่ว่าเขายังโสดแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่สังเกตได้ คือ เวลามีใครพูดถึงปัญหาเรื่องความรัก หรือพูดถึงแฟน หรือนินทาเมีย พี่ตงจะนั่งฟังอย่างเดียว ไม่ออกความเห็นอะไร ไม่ใช่ผมคนเดียวที่สังเกตได้ พี่คนอื่นๆก็ด้วย มีวันนึง คนในที่ทำงานไปกินเลี้ยงปีใหม่กัน รุ่นพี่รุ่นใหญ่ในที่ทำงานอย่างพี่น้อย กับพี่อารี ก็ถามพี่ตงเรื่องแฟน ก็รู้อยู่ล่ะ ว่าตอนนี้ไม่มีแฟน แต่ถามว่าเคยมีแฟนหรือเปล่า เล่าให้ฟังหน่อย พี่เขาก็ส่ายหัว บอกว่า
" เรื่องมันเศร้า ไม่เล่าดีกว่า "
ผมก็ว่า พี่เขาหน้าตาไม่แย่ มีเชื้อจีน ฐานะไม่จน อายุก็สามสิบห้าแล้ว น่าจะเคยมีมาบ้างล่ะ พวกเราคะยั้นคะยอ ขอให้เล่าออกมา พี่เขาว่า
" มันจบไม่สวย ไม่อยากพูดถึง "
แต่พวกเราก็หาได้ละความตั้งใจ พยายามจะมอมเหล้าพี่ตง แต่พี่เขาเหมือนรู้ทันไม่ยอมดื่มซักแก้ว จนใกล้จะสมควรแก่เวลาแยกย้ายกลับ พี่อารีที่ดื่มไปหลายแก้ว จนหน้าแดงก่ำ ใช้มุก 'อย่าขัดใจคนเมา' พูดลิ้นคับปาก สั่งให้พี่ตงเล่ามา อยากรู้ใจจะขาด
พี่ตงทำใจซักพัก ค่อยยอมพูดเรื่องของตัวเอง
" ผู้หญิงคนนั้นน่ะ อืม.. ต้องเริ่มจากคนก่อนหน้านั้น เป็นพยาบาล อืม..ตั้งแต่แรกดีกว่า "
พี่เขานั่งเอนหลัง เอามือกอดอก เงยหน้ามองเพดาน
"ตอนเรียนจบใหม่ๆ ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็มีเพื่อนของเพื่อนที่รู้จัก ชวนไปเปิดร้านขายหนังโป๊ในห้าง รู้ใช่มั้ยว่า ช่วงนึงซีดีหนังโป๊ฮิตมาก และกำไรดีมาก ต้นทุนแผ่นละแปดบาท เอามาไร้ท์ขายแผ่นละร้อย ได้เงินมาพอให้ใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่าย จนเกิดอุบัติเหตุ รถชน เข้าไปนอนโรงพยาบาล ถึงได้เจอกับพยาบาลที่มาดูแล ประทับใจ ตกหลุมรัก ประมาณนั้น ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังแวะกลับเข้าไปหา ไปจีบน่ะ พอเค้าถามว่าทำงานอะไร ตอนนั้นหน้าชา บอกไปว่าเป็นเซลล์ จากวันนั้นก็ไปบอกเพื่อนว่าเลิกทำแล้ว แล้วก็ไปสมัตรงานเป็นเซลล์ขายรถ ที่โชว์รูมรถใกล้ๆบ้าน
คราวนี้แหละ ไปจีบพยาบาลด้วยความมั่นใจ ว่ามีงานสุจริตทำ ตอนจีบก็ราบรื่นดี ผมซื้อของซื้อขนมไปฝาก เผื่อถึงคนอื่นๆในวอร์ดด้วย แต่อยู่มาวันนึง ตอนที่ผมไปหา พยาบาลอีกคนมาบอก ว่ามีหมอคนนึงมาจีบเค้า ท่าทางเค้าเล่นด้วยกับหมอด้วย ผมก็เลียบๆเคียงๆถามเค้าว่ามีใครคนอื่นมาจีบอีกหรือเปล่า เค้าก็ไม่พูดอะไร จนผมเห็นกับตา ว่าเค้าขึ้นรถไปกับหมอคนนั้น พอผมถามอีก คราวนี้เค้าก็บอก ขอเวลาคิดซักพัก คิดอะไรวะ จีบมาตั้งนาน
ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย มีหมาจะมาคาบไปซะแล้ว ผมก็เลยแอบตามเค้ากลับหอพัก เป็นหอพักพยาบาลน่ะ แอบลอดเข้าไปไม่ให้ใครเห็น จังหวะเค้าเข้าห้อง ผมก็ชาร์จเข้าไปเลย จับเค้าตะปบอุดปาก ปิดประตู กดลงเตียง กะจะเอาให้ได้ แต่พอเห็นเค้าร้องไห้ ก็ใจอ่อนยอมปล่อยมือ แต่เค้าคงนึกว่าเค้าดิ้นหลุดได้เองมั้ง ถีบผมมาสองที แล้วก็บอกว่า เค้าจะไม่เอาเรื่องก็ได้ ให้เรื่องของเราจบแค่นี้ ครับ ก็นั่นแหละ เรื่องของผมกับพยาบาลก็จบแค่นั้น
ผมก็ไม่ได้กลับไปขายหนังโป๊ ยังทำเซลล์ขายรถอยู่ จนมีลูกค้าคนนึงสนใจซื้อ แล้วก็ให้เอาสัญญาไปให้เซ็นที่โรงเรียน เป็นโรงเรียนประถม ผมถึงได้เจอกับครูผู้หญิง ตอนนั้นก็อาการเดิมกำเริบ ตกหลุมรัก ปิ๊งเลย เจอปุ๊บถามทันที มีแฟนรึยัง เค้าบอกยัง โอเค จีบ ตามนั้น จีบเหมือนเดิม ซื้อของไปฝาก เผื่อเพื่อนร่วมงาน ตอนวันวาเลนไทน์ เอาแผ่นสติ๊กเกอร์สีแดง เอามีดคัตเตอร์กรีดเป็นรูปหัวใจทีละดวง งานแฮนด์เมด เอาไปแปะบนพื้นตั้งแต่ประตูทางเข้าห้องพักครูไปจนถึงโต๊ะของเค้า พร้อมกับช่อกุหลาบวางไว้ "
เล่าถึงตรงนี้ พี่คงยิ้มเหมือนจะเขิน ก็นะ ทำไปได้
" เค้าเห็นก็รู้ล่ะ ว่าฝีมือใคร ก็เรียบร้อย ตกลงเป็นแฟนกัน พอเป็นแฟนแล้ว ผมได้บทเรียนจากแฟนคนแรกแล้ว เพราะงั้น ก่อนที่จะมีหมาตัวไหนมาคาบไปอีก ผมก็ ฉัวะ ซะก่อนเลย "
พี่เขาถอนใจ
" หลังจากได้เค้าแล้ว ผมยิ่งรักเค้ามากขึ้น อยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ เซลล์ขายรถมันคงให้อนาคตที่ดีกับเค้าไม่ได้ อายุก็เยอะแล้ว ต้องหาอะไรที่มั่นคง ก็เคยได้ยินว่าเงินเดือนผู้พิพากษา อัยการมันหลักแสน ไอ้เราก็เรียนนิติมา ก็ว่าจะลองไปสอบหน่อย พอสอบเนติบัณฑิตได้แล้ว เพิ่งรู้ว่าต้องมีประสปการณ์ทำงานอีก 2 ปี หรือเก็บคดีครบก่อน ถึงจะสอบได้ เลยไปสอบตั๋วทนายอีก แล้วก็ลาออกจากเซลล์มาทำงานที่นี่"
อ้อ ก็ว่าพี่เขาเคยทำงานอื่นมาก่อน ไม่ได้เรียนจบปุ๊บก็มาสมัครงานเหมือนผมหรือคนอื่น แต่พี่เขาก็เก่ง ทั้งเนฯ ทั้งตั๋วฯ บางคนสอบตั้งหลายปีกว่าจะได้
แต่พี่เขาสอบแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่เสียเวลาไปทำอย่างอื่นล่ะก็ ผมอาจจะได้เรียกว่า ท่าน ไปแล้ว
"ซึ่งเค้าไม่รู้ ผมไม่ได้บอกเค้า อยากจะเก็บเป็นเซอร์ไพร้ส์ รอให้สอบอัยการได้ก่อน จะไปขอแต่งงานพร้อมกับบอกว่า ผมเป็นอัยการนะ ไม่ใช่เซลล์ขายรถธรรมดา อยากให้เค้าตื่นเต้นดีใจร้องไห้อย่างมีความสุขเหมือนในหนังในนิยาย"
ฟังมาถึงตอนนี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากจะแหวะ คิดไปได้
" แต่ยังไม่ทันเก็บคดีครบ เค้ามึนๆตึงๆใส่ผม พอตอนวันหยุด เค้ามาหาผมถึงที่บ้าน เค้าบอกว่า เค้าไปหาผมที่โชว์รูม ที่นั่นเค้าบอกว่า ผมลาออกมาปีกว่าแล้ว แล้วเค้าก็ถามผม ว่าโกหกที่ทำงานเป็นเซลล์ใช่มั้ย ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ผมก็ไม่พูดอะไร อยากจะเก็บเอาไว้เซอร์ไพร้ส์เค้าทีเดียว เค้าเห็นผมไม่พูด เค้าก็กลับไป อีกวันผมก็ไปหาเค้าที่บ้าน ก็กำลังนึกเหมือนกันว่าจะหลอกว่าอะไรดี เค้าออกมาหาผม บอกว่า เค้าขอเงินสามหมื่น เค้าขอ ผมก็ไปกดเอทีเอ็มออกมาสามหมื่น ให้เค้าโดยไม่ถามอะไรเลย ประมาณว่าโชว์ให้ดู ว่าเงินแค่นี้ไม่เท่าไหร่ ผมยังเลี้ยงเค้าได้น่ะ
แล้วเค้าก็เงียบหายไป โทรไปก็ไม่รับ ไปหาที่บ้านก็เงียบ ไปหาที่โรงเรียน เค้าก็ไม่ได้ไป ราวๆอาทิตย์นึง ผมไปหาที่บ้านอีก เค้าก็ออกมา เค้าพูดออกมาว่า รู้หรือเปล่า เค้าขอเงินสามหมื่นไปทำอะไร แล้วเค้าก็บอก ว่าเค้าเอาไปทำแท้ง "
เงียบกริบครับ มีแต่เสียงลมหายใจแรงของพี่ตง
" ครับ ลูกผมนั่นแหละ เค้าคิดว่าผมตกงาน ไม่มีงานทำ ก็เลยตัดปัญหา หมดภาระ แล้วระหว่างเรายังต้องพูดอะไรกันอีก มิน่าเค้าถึงเป็นอย่างนั้น ผมกลับเข้าห้องไปนอนมองเพดาน จำไม่ได้เลยว่ากลับถึงห้องได้ยังไง ก็ทำเรื่องลางานที่บริษัท แล้วก็นอนมองเพดานอย่างนั้นอยู่สองอาทิตย์ "
ผมหันไปทางพี่น้อย กับพี่อารี ในฐานะผู้อาวุโส รู้เรื่องตอนนั้นหรือเปล่า
"นอนมองเพดานอย่างเดียวเลยเหรอ" ใครซักคนถาม
"จำไม่ได้ คงมีกินข้าวด้วยแหละ แต่ตอนนั้นจำได้แต่มองเพดาน"
" แล้วเห็นอะไร" ใครอีกคนถาม
"ไม่รู้ อาจจะเห็นเพดาน หรือไม่เห็นอะไรเลย"
"แล้วตงกับคุณครูนั่น ก็จบแค่นั้นเลยหรือ" พี่น้อยถาม
"ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปหาเค้า ผมเป็นคนตกงานไม่มีอนาคต จะให้เค้าคบกับผมต่อไปได้ยังไง"
"ทำไมไม่บอกความจริงเค้าไปล่ะ"
ใช่ ถ้าบอกไปว่าความจริง มีงานทำและกำลังจะสอบอัยการ ล่ะก็นะ
"ผมบอกไม่ได้ครับ ถ้าบอกไป เค้าจะโทษตัวเองด้วย เค้าไม่ควรจะเสียใจมากกว่านั้นอีกแล้ว ให้เค้าโทษความผิดทั้งหมดมาที่ผมดีกว่า ผมสมควรรับมัน
เพราะความจริง มันเป็นความผิดของผม ให้ผมเสียใจคนเดียวก็พอ"
พี่เขาถึงบอกว่า เรื่องมันเศร้า จบไม่สวย ความหวังจะให้เป็นเรื่องเหมือนในนิยาย ประสานงากับความจริงอย่างแรง เลยวอดวายแหลกลาญ
ไอ้ที่ควรจะโรแมนติก ดอกรักเบ่งบาน กลายเป็นดราม่าซะงั้น
ผมที่นั่งอยู่ข้างพี่ตง เห็นแขนของพี่เขาที่กอดอกอยู่นั้นกอดแน่นจนสั่น เคยได้ยินว่า การกอดอก คือการหาความมั่นคง หรือการปกป้องตนเอง
พี่เขาพูดต่อ
"จากวันนั้น หลังเลิกงานผมก็ไปเฝ้าแอบมองบ้านเค้า คอยดูเค้าตอนกลับ มองจนไฟในห้องของเค้าดับ ค่อยกลับบ้าน"
ไม่มีใครว่าพี่เขาเป็นโรคจิตหรือสโตร้กเกอร์หรอก
"ทำอย่างนั้นหลายเดือน คืนนึง ผมรอถึงสี่ทุ่ม เค้ามีผู้ชายคนนึงขับรถพามาส่งที่บ้าน จอดรถไว้หน้าบ้าน แล้วเค้ากับผู้ชายคนนั้นก็พากันเข้าไปในบ้าน ผมก็ยืนมองหน้าบ้านเค้า อยู่อย่างนั้น พอตอนราวๆตีสาม เค้าก็ออกมาส่งผู้ชายคนนั้นขึ้นรถกลับ ผมก็กลับมานอนมองเพดานอยู่อีกราวสิบวันมั้ง แล้วก็... จบแค่นั้น หมดแล้ว "
ความเงียบผ่านไปซักครู่ ผมหยิบแก้วของพี่เขาเทน้ำเก่าทิ้ง ชงเหล้ายื่นกลับไปให้
"ผมว่าพี่น่าจะดื่มซักหน่อย"
พี่ตงมองแก้วเหล้าในมือผมแล้วถาม
"ทำไมหรือ"
"สุราราดรดทุกข์ ทุกข์ไม่หาย แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ลืมมันไปก่อน" ผมว่าด้วยคำคม
พี่เขารับแก้วไป
"ดื่มแล้วจะลืมหรือ"
"แค่ลืมมันไปก่อน พี่ ไว้ค่อยหาเวลาเป็นทุกข์กับมันใหม่"
"พี่อยากจำมัน" พี่ตงว่างั้น แล้ววางแก้วเหล้าลง พร้อมกับรอยยิ้ม ที่มัน... ที่ผมคิดว่ามัน โคตรลูกผู้ชายเลย
...........................................................................................................................................................
ไม่กี่ปีต่อมา พี่ตงสอบอัยการได้ เลยออกจากสำนักงานไป หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาหาพวกเรา พร้อมกับเอาการ์ดแต่งงานมาให้
ตอนที่พวกเราไปร่วมงานแต่ง ก็กะว่าจะแสดงความยินดีด้วยเฉยๆหรอก แต่พอได้ยินญาติพี่ตงคุยกันว่า เจ้าสาวเป็นครู
เท่านั้นล่ะ พวกเรา นำโดยพี่น้อยกับพี่อารี จัดการไปล็อคคอพี่ตงมาช่วยกันซัก ช่วยกันไซ้ จนพี่เขายอมเปิดปาก ว่าเป็นคุณครูคนนั้นนั่นแหละ
ส่วนที่ว่ากลับมาลงเอยกันได้ยังไง พี่เขายังไม่ยอมเล่าให้ฟัง
นี่ก็ครบรอบปีที่พี่ตงได้แต่งงานไปแล้ว ผมขออวยพรให้ตรงนี้อีกครั้ง ขอให้พี่มีความสุขมากๆนะครับ เพราะพี่สมควรได้รับมันแล้วล่ะ
....................................................................................................................................................................................../...
เรื่องเล่าของชายโสด
......
พี่ตง เป็นพี่ในที่ทำงาน อายุสามสิบกว่าแล้ว เป็นคนเก่ง พูดเก่ง มุกเยอะ มนุษยสัมพันธ์ดี แต่นอกจากที่ว่าเขายังโสดแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่สังเกตได้ คือ เวลามีใครพูดถึงปัญหาเรื่องความรัก หรือพูดถึงแฟน หรือนินทาเมีย พี่ตงจะนั่งฟังอย่างเดียว ไม่ออกความเห็นอะไร ไม่ใช่ผมคนเดียวที่สังเกตได้ พี่คนอื่นๆก็ด้วย มีวันนึง คนในที่ทำงานไปกินเลี้ยงปีใหม่กัน รุ่นพี่รุ่นใหญ่ในที่ทำงานอย่างพี่น้อย กับพี่อารี ก็ถามพี่ตงเรื่องแฟน ก็รู้อยู่ล่ะ ว่าตอนนี้ไม่มีแฟน แต่ถามว่าเคยมีแฟนหรือเปล่า เล่าให้ฟังหน่อย พี่เขาก็ส่ายหัว บอกว่า
" เรื่องมันเศร้า ไม่เล่าดีกว่า "
ผมก็ว่า พี่เขาหน้าตาไม่แย่ มีเชื้อจีน ฐานะไม่จน อายุก็สามสิบห้าแล้ว น่าจะเคยมีมาบ้างล่ะ พวกเราคะยั้นคะยอ ขอให้เล่าออกมา พี่เขาว่า
" มันจบไม่สวย ไม่อยากพูดถึง "
แต่พวกเราก็หาได้ละความตั้งใจ พยายามจะมอมเหล้าพี่ตง แต่พี่เขาเหมือนรู้ทันไม่ยอมดื่มซักแก้ว จนใกล้จะสมควรแก่เวลาแยกย้ายกลับ พี่อารีที่ดื่มไปหลายแก้ว จนหน้าแดงก่ำ ใช้มุก 'อย่าขัดใจคนเมา' พูดลิ้นคับปาก สั่งให้พี่ตงเล่ามา อยากรู้ใจจะขาด
พี่ตงทำใจซักพัก ค่อยยอมพูดเรื่องของตัวเอง
" ผู้หญิงคนนั้นน่ะ อืม.. ต้องเริ่มจากคนก่อนหน้านั้น เป็นพยาบาล อืม..ตั้งแต่แรกดีกว่า "
พี่เขานั่งเอนหลัง เอามือกอดอก เงยหน้ามองเพดาน
"ตอนเรียนจบใหม่ๆ ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็มีเพื่อนของเพื่อนที่รู้จัก ชวนไปเปิดร้านขายหนังโป๊ในห้าง รู้ใช่มั้ยว่า ช่วงนึงซีดีหนังโป๊ฮิตมาก และกำไรดีมาก ต้นทุนแผ่นละแปดบาท เอามาไร้ท์ขายแผ่นละร้อย ได้เงินมาพอให้ใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่าย จนเกิดอุบัติเหตุ รถชน เข้าไปนอนโรงพยาบาล ถึงได้เจอกับพยาบาลที่มาดูแล ประทับใจ ตกหลุมรัก ประมาณนั้น ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังแวะกลับเข้าไปหา ไปจีบน่ะ พอเค้าถามว่าทำงานอะไร ตอนนั้นหน้าชา บอกไปว่าเป็นเซลล์ จากวันนั้นก็ไปบอกเพื่อนว่าเลิกทำแล้ว แล้วก็ไปสมัตรงานเป็นเซลล์ขายรถ ที่โชว์รูมรถใกล้ๆบ้าน
คราวนี้แหละ ไปจีบพยาบาลด้วยความมั่นใจ ว่ามีงานสุจริตทำ ตอนจีบก็ราบรื่นดี ผมซื้อของซื้อขนมไปฝาก เผื่อถึงคนอื่นๆในวอร์ดด้วย แต่อยู่มาวันนึง ตอนที่ผมไปหา พยาบาลอีกคนมาบอก ว่ามีหมอคนนึงมาจีบเค้า ท่าทางเค้าเล่นด้วยกับหมอด้วย ผมก็เลียบๆเคียงๆถามเค้าว่ามีใครคนอื่นมาจีบอีกหรือเปล่า เค้าก็ไม่พูดอะไร จนผมเห็นกับตา ว่าเค้าขึ้นรถไปกับหมอคนนั้น พอผมถามอีก คราวนี้เค้าก็บอก ขอเวลาคิดซักพัก คิดอะไรวะ จีบมาตั้งนาน
ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย มีหมาจะมาคาบไปซะแล้ว ผมก็เลยแอบตามเค้ากลับหอพัก เป็นหอพักพยาบาลน่ะ แอบลอดเข้าไปไม่ให้ใครเห็น จังหวะเค้าเข้าห้อง ผมก็ชาร์จเข้าไปเลย จับเค้าตะปบอุดปาก ปิดประตู กดลงเตียง กะจะเอาให้ได้ แต่พอเห็นเค้าร้องไห้ ก็ใจอ่อนยอมปล่อยมือ แต่เค้าคงนึกว่าเค้าดิ้นหลุดได้เองมั้ง ถีบผมมาสองที แล้วก็บอกว่า เค้าจะไม่เอาเรื่องก็ได้ ให้เรื่องของเราจบแค่นี้ ครับ ก็นั่นแหละ เรื่องของผมกับพยาบาลก็จบแค่นั้น
ผมก็ไม่ได้กลับไปขายหนังโป๊ ยังทำเซลล์ขายรถอยู่ จนมีลูกค้าคนนึงสนใจซื้อ แล้วก็ให้เอาสัญญาไปให้เซ็นที่โรงเรียน เป็นโรงเรียนประถม ผมถึงได้เจอกับครูผู้หญิง ตอนนั้นก็อาการเดิมกำเริบ ตกหลุมรัก ปิ๊งเลย เจอปุ๊บถามทันที มีแฟนรึยัง เค้าบอกยัง โอเค จีบ ตามนั้น จีบเหมือนเดิม ซื้อของไปฝาก เผื่อเพื่อนร่วมงาน ตอนวันวาเลนไทน์ เอาแผ่นสติ๊กเกอร์สีแดง เอามีดคัตเตอร์กรีดเป็นรูปหัวใจทีละดวง งานแฮนด์เมด เอาไปแปะบนพื้นตั้งแต่ประตูทางเข้าห้องพักครูไปจนถึงโต๊ะของเค้า พร้อมกับช่อกุหลาบวางไว้ "
เล่าถึงตรงนี้ พี่คงยิ้มเหมือนจะเขิน ก็นะ ทำไปได้
" เค้าเห็นก็รู้ล่ะ ว่าฝีมือใคร ก็เรียบร้อย ตกลงเป็นแฟนกัน พอเป็นแฟนแล้ว ผมได้บทเรียนจากแฟนคนแรกแล้ว เพราะงั้น ก่อนที่จะมีหมาตัวไหนมาคาบไปอีก ผมก็ ฉัวะ ซะก่อนเลย "
พี่เขาถอนใจ
" หลังจากได้เค้าแล้ว ผมยิ่งรักเค้ามากขึ้น อยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ เซลล์ขายรถมันคงให้อนาคตที่ดีกับเค้าไม่ได้ อายุก็เยอะแล้ว ต้องหาอะไรที่มั่นคง ก็เคยได้ยินว่าเงินเดือนผู้พิพากษา อัยการมันหลักแสน ไอ้เราก็เรียนนิติมา ก็ว่าจะลองไปสอบหน่อย พอสอบเนติบัณฑิตได้แล้ว เพิ่งรู้ว่าต้องมีประสปการณ์ทำงานอีก 2 ปี หรือเก็บคดีครบก่อน ถึงจะสอบได้ เลยไปสอบตั๋วทนายอีก แล้วก็ลาออกจากเซลล์มาทำงานที่นี่"
อ้อ ก็ว่าพี่เขาเคยทำงานอื่นมาก่อน ไม่ได้เรียนจบปุ๊บก็มาสมัครงานเหมือนผมหรือคนอื่น แต่พี่เขาก็เก่ง ทั้งเนฯ ทั้งตั๋วฯ บางคนสอบตั้งหลายปีกว่าจะได้
แต่พี่เขาสอบแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่เสียเวลาไปทำอย่างอื่นล่ะก็ ผมอาจจะได้เรียกว่า ท่าน ไปแล้ว
"ซึ่งเค้าไม่รู้ ผมไม่ได้บอกเค้า อยากจะเก็บเป็นเซอร์ไพร้ส์ รอให้สอบอัยการได้ก่อน จะไปขอแต่งงานพร้อมกับบอกว่า ผมเป็นอัยการนะ ไม่ใช่เซลล์ขายรถธรรมดา อยากให้เค้าตื่นเต้นดีใจร้องไห้อย่างมีความสุขเหมือนในหนังในนิยาย"
ฟังมาถึงตอนนี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากจะแหวะ คิดไปได้
" แต่ยังไม่ทันเก็บคดีครบ เค้ามึนๆตึงๆใส่ผม พอตอนวันหยุด เค้ามาหาผมถึงที่บ้าน เค้าบอกว่า เค้าไปหาผมที่โชว์รูม ที่นั่นเค้าบอกว่า ผมลาออกมาปีกว่าแล้ว แล้วเค้าก็ถามผม ว่าโกหกที่ทำงานเป็นเซลล์ใช่มั้ย ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ผมก็ไม่พูดอะไร อยากจะเก็บเอาไว้เซอร์ไพร้ส์เค้าทีเดียว เค้าเห็นผมไม่พูด เค้าก็กลับไป อีกวันผมก็ไปหาเค้าที่บ้าน ก็กำลังนึกเหมือนกันว่าจะหลอกว่าอะไรดี เค้าออกมาหาผม บอกว่า เค้าขอเงินสามหมื่น เค้าขอ ผมก็ไปกดเอทีเอ็มออกมาสามหมื่น ให้เค้าโดยไม่ถามอะไรเลย ประมาณว่าโชว์ให้ดู ว่าเงินแค่นี้ไม่เท่าไหร่ ผมยังเลี้ยงเค้าได้น่ะ
แล้วเค้าก็เงียบหายไป โทรไปก็ไม่รับ ไปหาที่บ้านก็เงียบ ไปหาที่โรงเรียน เค้าก็ไม่ได้ไป ราวๆอาทิตย์นึง ผมไปหาที่บ้านอีก เค้าก็ออกมา เค้าพูดออกมาว่า รู้หรือเปล่า เค้าขอเงินสามหมื่นไปทำอะไร แล้วเค้าก็บอก ว่าเค้าเอาไปทำแท้ง "
เงียบกริบครับ มีแต่เสียงลมหายใจแรงของพี่ตง
" ครับ ลูกผมนั่นแหละ เค้าคิดว่าผมตกงาน ไม่มีงานทำ ก็เลยตัดปัญหา หมดภาระ แล้วระหว่างเรายังต้องพูดอะไรกันอีก มิน่าเค้าถึงเป็นอย่างนั้น ผมกลับเข้าห้องไปนอนมองเพดาน จำไม่ได้เลยว่ากลับถึงห้องได้ยังไง ก็ทำเรื่องลางานที่บริษัท แล้วก็นอนมองเพดานอย่างนั้นอยู่สองอาทิตย์ "
ผมหันไปทางพี่น้อย กับพี่อารี ในฐานะผู้อาวุโส รู้เรื่องตอนนั้นหรือเปล่า
"นอนมองเพดานอย่างเดียวเลยเหรอ" ใครซักคนถาม
"จำไม่ได้ คงมีกินข้าวด้วยแหละ แต่ตอนนั้นจำได้แต่มองเพดาน"
" แล้วเห็นอะไร" ใครอีกคนถาม
"ไม่รู้ อาจจะเห็นเพดาน หรือไม่เห็นอะไรเลย"
"แล้วตงกับคุณครูนั่น ก็จบแค่นั้นเลยหรือ" พี่น้อยถาม
"ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปหาเค้า ผมเป็นคนตกงานไม่มีอนาคต จะให้เค้าคบกับผมต่อไปได้ยังไง"
"ทำไมไม่บอกความจริงเค้าไปล่ะ"
ใช่ ถ้าบอกไปว่าความจริง มีงานทำและกำลังจะสอบอัยการ ล่ะก็นะ
"ผมบอกไม่ได้ครับ ถ้าบอกไป เค้าจะโทษตัวเองด้วย เค้าไม่ควรจะเสียใจมากกว่านั้นอีกแล้ว ให้เค้าโทษความผิดทั้งหมดมาที่ผมดีกว่า ผมสมควรรับมัน
เพราะความจริง มันเป็นความผิดของผม ให้ผมเสียใจคนเดียวก็พอ"
พี่เขาถึงบอกว่า เรื่องมันเศร้า จบไม่สวย ความหวังจะให้เป็นเรื่องเหมือนในนิยาย ประสานงากับความจริงอย่างแรง เลยวอดวายแหลกลาญ
ไอ้ที่ควรจะโรแมนติก ดอกรักเบ่งบาน กลายเป็นดราม่าซะงั้น
ผมที่นั่งอยู่ข้างพี่ตง เห็นแขนของพี่เขาที่กอดอกอยู่นั้นกอดแน่นจนสั่น เคยได้ยินว่า การกอดอก คือการหาความมั่นคง หรือการปกป้องตนเอง
พี่เขาพูดต่อ
"จากวันนั้น หลังเลิกงานผมก็ไปเฝ้าแอบมองบ้านเค้า คอยดูเค้าตอนกลับ มองจนไฟในห้องของเค้าดับ ค่อยกลับบ้าน"
ไม่มีใครว่าพี่เขาเป็นโรคจิตหรือสโตร้กเกอร์หรอก
"ทำอย่างนั้นหลายเดือน คืนนึง ผมรอถึงสี่ทุ่ม เค้ามีผู้ชายคนนึงขับรถพามาส่งที่บ้าน จอดรถไว้หน้าบ้าน แล้วเค้ากับผู้ชายคนนั้นก็พากันเข้าไปในบ้าน ผมก็ยืนมองหน้าบ้านเค้า อยู่อย่างนั้น พอตอนราวๆตีสาม เค้าก็ออกมาส่งผู้ชายคนนั้นขึ้นรถกลับ ผมก็กลับมานอนมองเพดานอยู่อีกราวสิบวันมั้ง แล้วก็... จบแค่นั้น หมดแล้ว "
ความเงียบผ่านไปซักครู่ ผมหยิบแก้วของพี่เขาเทน้ำเก่าทิ้ง ชงเหล้ายื่นกลับไปให้
"ผมว่าพี่น่าจะดื่มซักหน่อย"
พี่ตงมองแก้วเหล้าในมือผมแล้วถาม
"ทำไมหรือ"
"สุราราดรดทุกข์ ทุกข์ไม่หาย แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ลืมมันไปก่อน" ผมว่าด้วยคำคม
พี่เขารับแก้วไป
"ดื่มแล้วจะลืมหรือ"
"แค่ลืมมันไปก่อน พี่ ไว้ค่อยหาเวลาเป็นทุกข์กับมันใหม่"
"พี่อยากจำมัน" พี่ตงว่างั้น แล้ววางแก้วเหล้าลง พร้อมกับรอยยิ้ม ที่มัน... ที่ผมคิดว่ามัน โคตรลูกผู้ชายเลย
...........................................................................................................................................................
ไม่กี่ปีต่อมา พี่ตงสอบอัยการได้ เลยออกจากสำนักงานไป หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาหาพวกเรา พร้อมกับเอาการ์ดแต่งงานมาให้
ตอนที่พวกเราไปร่วมงานแต่ง ก็กะว่าจะแสดงความยินดีด้วยเฉยๆหรอก แต่พอได้ยินญาติพี่ตงคุยกันว่า เจ้าสาวเป็นครู
เท่านั้นล่ะ พวกเรา นำโดยพี่น้อยกับพี่อารี จัดการไปล็อคคอพี่ตงมาช่วยกันซัก ช่วยกันไซ้ จนพี่เขายอมเปิดปาก ว่าเป็นคุณครูคนนั้นนั่นแหละ
ส่วนที่ว่ากลับมาลงเอยกันได้ยังไง พี่เขายังไม่ยอมเล่าให้ฟัง
นี่ก็ครบรอบปีที่พี่ตงได้แต่งงานไปแล้ว ผมขออวยพรให้ตรงนี้อีกครั้ง ขอให้พี่มีความสุขมากๆนะครับ เพราะพี่สมควรได้รับมันแล้วล่ะ
....................................................................................................................................................................................../...