มรดกที่ล้ำค่าของฟอเรนติโน เปเรซ และการจัดการกับกลุ่มแฟน อุลตร้า (Ultras Sur)

บทความที่จะทำให้คุณรักฟอเรนติโน่ เปเรซ มากขึ้น

มรดกที่ล้ำค่าของฟอเรนติโน เปเรซ และการจัดการกับกลุ่มแฟนหัวรุนแรง “อุลตร้า” (Ultras Sur)
รวมไปถึงการที่ฟอเรนติโนสร้างกลุ่มแฟนบอล Grada Fans RMCF ได้อย่างไร

GFR กลุ่มแฟนบอลที่ยินดีต้อนรับ “มาดริดดิสตา” ทุกคนที่ไม่ต้องการการแสดงออกทางการเมือง การเหยียดบนผื้นผ้าที่เอาไว้ใช้เชียร์นักเตะ พวกเขายินดีต้อนรับทุกคน ทุกอายุ เพียงแค่มีความรู้สึกว่า “กูเป็นเด็กมาดริด”

ใต้ภาพพื้นหลังหรือแบนเนอร์ที่ใช้ในการเชียร์เต็มไปด้วยความหลงใหลในฟุตของชาว Madridismo เป็นส่วนของกลุ่มแฟนบอลในสนามที่แสดงออกแค่การสนับสนุนทีมเท่านั้น ไม่มีการโห่นักเตะเมื่อเล่นแย่

ส่วนทางใต้ของสนามซานเตียโก้ เบร์นาบิว นั้นแฟนบอลแทบจะไม่มีสิ่งนี้ ไม่มีการต้อนรับ ไม่เปิดกว้าง เมื่อกลุ่มที่เรียกว่า “อุลตร้า” ครองอัฒจันทร์มันตรงกันข้ามกับกลุ่มแฟนบอลดีๆ

“อุลตร้า” เป็นกลุ่มแฟนบอลที่รู้จักกันดีในเรื่องของความคลั่งไคล้ มันมีต้นกำเนิดมาจากอิตาลี และมีพื้นฐานมาจากความบ้าการเมืองอยู่ด้วย หลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปที่มีกลุ่มอุลตร้านั้นรู้ดีว่ากลุ่มแฟนบอล อุลตร้า นั้นมีไว้เพื่อข่มแฟนบอลฝั่งตรงข้าม แล้วทำไมทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง “เรอัล มาดริด” นั้นไม่มีกลุ่มแฟนอุลตร้าในสนามเบร์นาบิว

ความจริงก็คือ “เรอัล มาดริด” ไม่ใช่เพียงแต่จะมีกลุ่มแฟนบอลที่น่าอับอายนี้ แต่มีกลุ่มนี้อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ ”Ultars Sur” เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1980 หัวหน้าของพวกเขาคือ Jose Luis Ochaita

Jose Luis Ochaita มีประวัติการใช้ความรุนแรง และถูกแบนหลายนัด เขาถูกจับกุมในปี 1988 ที่เยอรมันหลังจากไปโบกธงนาซีเยอรมัน และถูกแบนสามปีหลังจากทำร้ายผู้ตัดสินบาสเกตบอลในเกมระหว่างเรอัล มาดริดกับบาร์เซโลน่า

กลุ่มอุลตร้ามักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องปกติและมักจะดึงดูดแฟนบอลที่ชอบการเมืองฝ่ายขวา(ฝ่ายขวาหมายถึงนิยมเผด็จการ) ให้มาเข้าร่วมกลุ่ม “อุลตร้า”

กลุ่ม “Ultras Sur” ใช้อดีตผู้นำเผด็จการของสเปน คือนายพลฟรังโกมาเป็นแบบอย่าง ผู้นำเผด็จการผู้กดขี่ชาวบาสก์ ชาวกาตาลัน และชาวกาลีเซีย พวกผู้หญิง และฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมือง พวกกลุ่ม อุลตร้า ฝ่ายขวาสามารถดึงดูดพวกเด็กและแฟนบอลที่ชอบเหยียดชนชาติได้ดี อย่างพวก neo-Nazis (กลุ่มนาซี), Skinheads (กลุ่มเหยียดสีผิว)

ตามรายงานของ El Pais’s Mabel Galaz ชายผู้ใช้นามแฝงภายใต้ชื่อ “Tiger88” ผู้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่ม neo- Nazis และ Skinheads เขาเผยแพร่ใน “Diario de un” (สมุดบันทึกผิวสี) ภายใต้ชื่อปลอมว่า Antonio Salas เขาเล่าให้ฟังถึงการเริ่มต้นเข้าไปในกลุ่มอุลตร้าได้อย่างไร เพื่อให้เข้าใจกลุ่มนี้มากขึ้น

เขาอธิบายถึงระบบของกระบวนการ Skinheads และสิ่งที่กลุ่มอุลตร้าเกลียด “เขาเกลียดพวกคนดำ พวกยิว และพวกแขก” ความเกลียดชังที่มีต่อพวกโสเภณี พวกหลายเพศ พวกชนชั้นกลาง รวมไปถึงนายทุนที่กำลังร่ำรวย พวกเขาเกลียดชังทุกคนเหลือไว้ก็เพียงแต่ตัวเอง
ความเกลียดชังไม่ใช่เพียงแค่สิ่งเดียวที่พวกเขามี พวกเขาทำมันในการแข่งขันฟุตบอล พวกเขาชอบใช้การเหยียดชนชาติโดยเฉพาะชาวยิว โดยเน้นไปที่ ”ชาวยิวที่ถูกรมแก๊สพิษตายหกล้านคน”

หลังจากเกมในบ้าน พวกเขารวมกลุ่มไล่ล่าแม่มด พวกคนดำ หญิงค้าบริการ กลุ่มของคนหลากหลายทางเพศ และแฟนบอลทีมฝ่ายตรงข้าม รายงานจากนักข่าว Ashifa Kassam พวกอุลตร้ายังได้ขายของที่ระลึกของลัทธิฟาสซิสต์แก่พวกเด็กๆในโรงเรียนอีกด้วย

กลุ่ม “อุลตร้า” ใช้ชีวิตอยู่กับแผนด้านลบๆ แต่แทนที่จะถูกประนาม แต่มาดริดกลับไปติดต่อพวกเขาอย่างเป็นทางการซะอย่างงั้น และปฏิเสธการออกมาต่อต้านการกระทำของแฟนบอลกลุ่มนี้เนื่องจากสโมสรมีความสัมพันธ์กับกลุ่มอุลตร้า

กลุ่ม ”Ultras Sur” ได้เป็นกลุ่มแฟนอย่างเป็นทางการของเรอัล มาดริด พวกเขามีพื้นที่อย่างเป็นทางการในสนามเบร์นาบิวที่เอาไว้ใช้อุปกรณ์เชียร์ กลอง ทรโข่ง ธง ป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ที่แสดงถึงสัญลักษณ์นายพล ฟรังโก และสัญลักษณ์ นาซี เยอรมัน

ความพิเศษไม่ได้มีเพียงแค่เท่านี้ แต่พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากนักเตะบางคนและโค้ชของเรอัล มาดริด อีกด้วย ในปี 2005 กลุ่ม อุลตร้า มีการโบกธงการเหยียดกันระหว่างแมตช์เรอัล มาดริด 5-0 ราซิ่ง ซานตาเด หลังจากจบแมตช์ มีการเผยแพร่ภาพถ่ายโรแบร์โต คาร์ลอส วิ่งนำเสื้อของเขาไปให้ Ochita

ต่อมาคาร์ลอสได้ออกมาขอโทษ “ผมผิดเองที่ให้เสื้อเขาไป ผมไม่ได้ตระหนักว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในสนาม”
นี่ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์เดียวที่เกิดการโต้เถียงเรื่องความน่าอับอายของกลุ่มนี้ หลังจากชัยชนะ 7-1 ต่อ โอซาซูน่า โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชในตอนนั้นได้ออกมาปกป้องกลุ่ม อุลตร้า ว่าถ้าไม่มีพวกเขา “คุณคิดมั้ยว่าสนามมันจะโล่งแค่ไหน”

ประธานสโมสรฟอเรนติโน เปเรซ ออกมายอมรับว่า เรอัล มาดริด ไม่ควรที่จะสนับสนุนแฟนบอลที่น่ากลัวแบบนี้
เขาแบนแฟนบอลกลุ่มอุลตร้าในปี 2014 เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมากในหมู่แฟนบอลที่ศรัทธา เรอัล มาดริด เรื่องบรรยากาศในสนามที่จะขาดหายหรือเปล่า กลุ่มอุลตร้าเริ่มประกาศสงครามกับฟอเรนติโน เปเรซ เรียกร้องให้เขาลาออก และทำลายข้าวของในบ้านของฟลอเรนติโน่ ปเรซ รวมไปถึงก่อกวนหลุมศพของภรรยาเปเรซอีกด้วย

เปเรซ รู้ดีว่าสิ่งที่แฟนบอลกลุ่มนี้ทำนั้นยอมรับไม่ได้และกำลังทำลายภาพลักษณ์ของสโมสรในระดับโลก เขาต้องการที่จะหาทางออกเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีก โดยที่ไม่ต้องตัดความสัมพันธ์กับแฟนบอล เขาอยากจะทำให้ความสัมพันธ์กับแฟนบอลดีขึ้นและควบคุมได้ด้วย
ในปี 2014 สโมสรออกแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ “สโมรเรอัล มาดริด ต้องการที่จะปฏิรูปโครงสร้างของแฟนบอลทางทิศใต้ของสนามซานเตียโก เบร์นาบิว และให้เขิญชวนแฟนบอลส่งคำร้องขอถ้าต้องการเป็นแฟนบอลในอัฒจันทร์ทางทิศใต้”

เปเรซต้องการสร้างกลุ่มแฟนบอลรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับ และเปิดกว้าง ในการจะบังคับใช้สิ่งนี้เขาต้องการให้แฟนบอลทุกคนที่ตอบรับคำเชิญชวนนั้นเซ็นสัญญากับสโมสร

ข้อตกลงของสัญญาดังกล่าว คือต้องการให้แฟนบอลเขียร์อย่างไม่ลดละตลอด 90’ นาที และให้การร่วมมือกับผู้บริหารกลุ่ม Grada เหนือสิ่งอื่นใดฟอเรนติโน เปเรซ ต้องการให้พวกเขาทิ้งการใช้ความรุนแรง การเยียดชนชาติ ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการข้อความ เขาจะทำให้ Grada เป็นแฟนบอลแบบตรงข้ามกับ Ultras Sur แบบสิ้นเชิง

Grada รุ่นใหม่นี้เกิดจากการรวมกันหลายสิบของกลุ่ม Peña ที่กระจายผ่านอัฒจันทร์หลังประตูทางทิศใต้สี่ส่วน
ส่วนส่วนนี้จัดการโดยสี่ Peña ที่มีประสบการณ์มากที่สุด คือ Peimacera Blanca, Peña Veteranos, Peña La Clãsica (พวกนี้ชื่อสมาคมนะไม่ใช่ชื่อคน) และ North Fans ที่รักและสนับสนุนโดยไม่มีความเกลียดชัง

เปเรซ สามารถใช้สิ่งนี้เป็นแบบอย่างของสโมสรในการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอลเพื่อยุติแฟนบอลหัวรุนแรงแบบ Ultra Sur และสร้างสภาพแวดรอบของเหล่าแฟนบอลให้อบอุ่น เปเรซ ขจัดพวก neo-Nazis นี่คืออีกตัวอย่างของอิทธิพลในเชิงบวกของชายคนนี้ที่มีต่อเรอัล มาดริด

ภาพ:


เพจเปิดใหม่ : TotalMadrid (https://www.facebook.com/totalmadridfc)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่