ทริปนี้เรายังคงลงใต้กันอย่างต่อเนื่อง สู่จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีท้องทะเลที่สวยงามระดับโลก และเราจะพาทุกคนล่องลงใต้สู่ “จังหวัดกระบี่” ไปท่องเที่ยว 4 เกาะ Unseen ของกระบี่ที่ดังไปทั่วโลก เราออกเดินทางโดยเรือหัวโทงกับทัวร์ของ KRABI SUNSET TOURS อยากรู้ว่าท้องทะเลอันดามันที่จ.กระบี่จะสวยงามขนาดไหนตามมาดูพร้อมๆกันได้เลย

.
.
.

เราออกเดินทางจากที่พัก มาเช็คอินกับทัวร์ที่หาดนพรัตน์ธาราตอน 8.30 น. เพื่อตรวจวัดไข้แบบฉบับ new normal ในยุค covid19 เช็คอินและรับหน้ากาก Snorkel กันเรียบร้อย 9 โมงก็ได้เวลาออกเดินทางสู่ “ทะเลแหวก” จุดหมายแรกของเราในวันนี้

จากหาดนพรัตน์ธาราไปทะเลแหวกใช้เวลานั่งเรือประมาณ 40 นาที เรือหัวโทงหรือเรือหางยาวทางใต้ เป็นเรือที่เหมาะกับการนั่งชมวิวไปเรื่อยๆ เหมาะกับการเดินทางที่ระยะทางไม่ไกลมาก 

เสน่ห์ของท้องทะเลกระบี่คงจะเป็นเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านอยู่เต็มท้องทะเล ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้มาหลงใหลความสวยงามของท้องทะเลแห่งนี้ 

ชิลกันมาได้สักพักก็ถึงทะเลแหวก ไฮไลท์ประจำจ.กระบี่

 ซึ่งทะเลแหวกแห่งนี้ถ้าน้ำลงจะเดินเชื่อมได้ถึง 3 เกาะ นั่นก็คือ เกาะหม้อ เกาะทับ และเกาะไก่ แต่น่าเสียดายที่รอบนี้เราไปแล้วน้ำเริ่มขึ้นทำให้ไม่สามารถเดินเชื่อมไปยังเกาะอื่นๆได้ ได้แต่ถ่ายรูปเล่นอยู่บริเวณสันทรายของเกาะทับแค่อย่างเดียว

แค่เกาะแรกน้ำยังใสขนาดนี้

ยืนอยู่ในน้ำตื้นๆปลายังเยอะขนาดนี้

อดใจไม่ไหวขอลงไปเล่นกับน้องปลาสักหน่อย

ด้านหลังเกาะทับน้ำใสคนน้อยปลาเยอะสวยสุดๆไปเลย

ใสจนเหมือนเรือลอยได้

ใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับสีน้ำทะเล ทำให้รูปออกมาดูสวยไปอีกแบบ

กระบี่ก็เป็นอีก 1 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเจ้าโควิด นักท่องเที่ยวน้อยมาก ถ่ายรูปนี่เลือกมุมได้เลยไม่ติดคนอื่นแน่นอน

ขึ้นเรือต่อไปยังจุดดำน้ำตื้นของเรากัน นั่นก็คือ “เกาะไก่”

ดำน้ำกันได้แป๊ปเดียวก็ต้องขึ้นเรือ วันนั้นน้ำแรงมากเล่นซะเราหมดแรงเลย

มองไปมองมา เหมือนอูฐมากกว่าไก่อีก

เล่นกันจนเหนื่อยก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันที่ทางทัวร์เตรียมไว้ให้เราที่ “เกาะปอดะ” เป็นอีก 1 เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องความใสของน้ำทะเล

อาหารกลางวันเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ราคาคิดรวมอยู่ในทัวร์แล้วไม่มีบวกเพิ่ม อาหารมีมัสมั่นไก่(อร่อยมาก) ไก่ทอดแล้วก็ผัดผัก ส่วนผลไม้ก็มีแตงโมกับ

สัปปะรด แถมยังมีเค้กด้วยนะ บอกเลยว่าคุ้มค่าราคาที่จ่ายมามาก

บรรยากาศการทานอาหารกลางวันวันนี้มันช่างดีซะเหลือเกิน

อิ่มแล้วก็ได้เวลาสำรวจเกาะปอดะกันแล้ว ไฮไลต์ของเกาะปอดะที่ใครไปใครมาก็ต้องมาถ่ายกับเจ้าหินก้อนนี้กัน

น้ำใสสมคำร่ำลือ

กระโดดขึ้นเรือไปกันต่อที่จุดพักสุดท้ายของเรา

“ถ้ำพระนาง หาดไร่เลย์”

บ้ายบายปอดะไว้เจอกันใหม่นะ

ระหว่างทางจากเกาะปอดะมาไร่เลย์ พี่ไกด์ก็มาชี้เกาะนี้ให้เราดู ไม่บอกละกันว่าคือเกาะอะไรให้ทุกคนดูเอาเองว่าเกาะๆนี้ควรจะชื่ออะไร

ใบ้ให้นิดๆว่าชื่อทะลึ่งนิดหน่อย

เป็นทริปที่ระหว่างนั่งเรือมองวิวไม่มีเบื่อเลยจริงๆหันไปทางไหนก็สวยไปหมด

และแล้วเราก็มาถึงไร่เลย์ อีก 1 หาดที่โด่งดังของจังหวัดกระบี่ เรือจะมาจอดที่ ไร่เลย์ฝั่งตะวันออก

จากไร่เลย์ตะวันออกเดิน 10-15นาทีเพื่อไปยังถ้ำพระนางที่หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก ลงเรือปุ๊ปก็สวยปั๊ปเลย

เจ้าบ้านประจำหาดไร่เลย์เจ้าลิงแสนซนทั้งหลาย

อ่าวถ้ำพระนาง ที่มีชื่ออย่างนี้เพราะเป็นที่ตั้งของถ้ำที่มีศาลของเทพธิดาผู้หญิงหรือพระนาง ซึ่งชาวประมงและคนท้องถิ่นได้ให้ความเคารพ โดยมักจะมากราบไหว้ขอพรก่อนออกเรือไปทะเลเพื่อทำการประมงแล้วจะโชคดีหากผู้ใดที่มาบนบานกราบไหว้พระนางและเมื่อสมหวังในสิ่งที่ตนปรารถนา จะมีการแก้บนด้วยการนำปลัดขิกมาถวาย

ไฮไลท์ของไร่เลย์ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกคงจะเป็นหินงอกหินย้อย ที่ย้อยจนแทบจะถึงทะเลอยู่แล้ว

หน้าผาที่ไร่เลย์ยังดึงดูดนักปีนผาผู้ที่ชอบกีฬาเอ็กสตรีมจากทั่วทุกมุมโลกให้มาลิ้มลองความมันส์ปีนขึ้นไปชมความสวยงามของหาดแห่งนี้กันอีกด้วย

เจ้าบ้านอีก 1 ตัว ของหาดไร่เลย์ โผล่มาจ๊ะเอ๋ให้โชคลาภกันหน่อย

ทัวร์ครบ 4 เกาะ ก็ได้เวลาเดินทางกลับฝั่งกันแล้ว

วันนี้เราเดินทางกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า กลับมาถึงฝั่งอีกทีก็เกือบ 5 โมงเย็น คือคุ้มมากสำหรับทริปนี้ที่จ่ายเงินไม่ถึงหนึ่งพันบาทแต่ได้การบริการที่ครบขนาดนี้ ทั้งรถรับส่งจากที่พัก ค่าเรือ ค่าอุทยาน ค่าอาหารกลางวันค่าน้ำดื่มแบบไม่อั้น และที่สำคัญวิวที่เราได้เห็นกันก็คุ้มค่าเกินราคาที่เราจ่ายแล้วแน่นอน ยิ่งเที่ยวช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยทะเลนี่น้ำใสทรายขาวมากบอกเลย ใครอยากเห็นกระบี่บรรยากาศเงียบสงบ ต่างชาติน้อยๆ แนะนำให้มาช่วงนี้เลย มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวกันเยอะๆ รีบมาเที่ยวก่อนที่เราจะเปิดประเทศกันเถอะ รับประกันความสวยแน่นอน แอบกระซิบบอกไว้ก่อนเลยว่ากระทู้หน้ายังคงอยู่ที่เกาะในจังหวัดกระบี่นะ สำหรับทริปนี้จบเพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าจ้า