หัวใจของการบูชาพ่อราหู
ท่านพ่อราหูท่านได้รับโองการจากมหาเทพทั้ง ๓ พ่อพรหม พ่อศิวะ พ่อวิษณุนารายณ์ ให้ดูแล ขจัดเคราะห์ภัย ปลดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน
จุดมุ่งหมายในการบูชาพระราหู คือ ให้ท่านคลายความสว่างให้กับชีวิต เพื่อให้เกิดปัญญาแก่ตัวเรา ซึ่งลักษณะของพระราหู คือท่านจะอมพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ครึ่งหนึ่ง และอีกลักษณะหนึ่งท่านกำลังคลายพระอาทิตย์และพระจันทร์ออกมาได้ครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกัน เป็นปริศนาธรรมสื่อว่า ช่วงหนึ่งหรือห้วงหนึ่งของชีวิตเรา หรือดวงชะตาของเรา ตกชะตาราหู คือ เข้าสู่ความดำ ความมืดมน มองไม่เห็นเส้นทาง มืดแปดด้าน พบปัญหาอุปสรรคต่างๆ มารุมเร้า หาทางออกไม่เจอ ขาดสติปัญญา
ฉะนั้น เราจึงควรบูชาพระราหูเพื่อให้ท่านคลายแสงสว่างให้แก่ชีวิต คลายภาวะ โอกาสต่างๆ ให้กับเรา เพื่อให้เราพบปัญญา พบผู้รู้ นักปราชญ์ กัลยาณมิตร ให้กับเรา ในการชี้แนะแนวทาง สั่งสอน จูง นำ พา ส่งเราไปยังถึงอีกฟากฝั่งหนึ่ง ในการเกิดปัญญา แก้ไขขจัดปัญหาต่างๆ ได้ พบแสงสว่างแห่งปัญญาในชีวิต
หากจะมีคนถามว่า ทำไมพระราหูเป็นสัญลักษณ์ในความไม่ดี แต่ทำไมต้องบูชาท่าน เคารพนับถือท่าน ?
เราควรพิจารณาอย่างนี้ อย่างเช่น ในอดีตประเทศจีน มีสำนักคุ้มกันภัย รับคุ้มกันสิ่งของ ส่งของจากเมืองนี้ไปยังเมืองโน้นได้โดยไม่ถูกโจรปล้นเอา ก็เพราะว่าสำนักคุ้มกันภัยรู้จักไม้อ่อนไม้แข็ง เคารพเจ้าที่เจ้าทาง หากที่แห่งนั้นเป็นเขตอาณาบริเวณของโจร เจ้าสำนักคุ้มกันภัยก็จะไปผูกมิตรไมตรี ผูกน้ำจิตน้ำใจกับโจรไว้ เมื่อเราเดินทางผ่านเขตของโจรกลุ่มนั้น เขารู้ว่าเป็นสำนักคุ้มกันภัยที่เป็นมิตรก็จะปล่อยผ่านไปไม่ปล้นแย่งชิงมา แต่ผิดกับราชสำนัก หรือพ่อค้าทั่วไป ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ก็มักจะถูกโจรปล้นชิงสินค้าอยู่บ่อยๆ
ฉะนั้น เราไหว้พระราหู เพราะว่าพระราหูท่านรู้จักความชั่วต่างๆ ดี เพราะท่านก็เคยเป็น สัมผัสมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความโลภ โกรธ หลง ท่านรู้และเข้าใจดี แล้วเราบูชา ไหว้ เคารพนับถือท่าน ความชั่วร้ายต่างๆ ก็ย่อมรู้จักพระราหูดีก็ไม่กล้ามาตอแย เพราะจะทำสิ่งใดพระราหูก็จะรู้หมด เช่นเดียวกับเราบูชาพระราหู ถือว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเรา เมื่อสิ่งชั่วร้ายต่างๆ จะมาทำร้ายเรา เห็นว่าเรามีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นพระราหู สิ่งชั่วร้ายนั้นก็เกรงกลัวบารมีของพระราหู จากหนักก็ผ่อนเป็นเบา จากเบาก็จะหาย
พ่อราหูสำนึก ได้รับโองการจากมหาเทพ
พ่อราหู ช่วงหนึ่งท่านทำผิด ทำแล้วสำนึกผิด จึงได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเคราะห์ภัย
พ่อราหูได้รับหน้าที่โดยการประชุมของมหาเทพทั้ง ๓ และพ่อวิษณุนารายณ์มีข้อเสนอให้พ่อราหูทำดี เพราะว่าโดนตัดตัว ทำโทษแล้ว สำนึกก็จะให้หน้าที่เพื่อทำคุณไถ่โทษ จึงมาประชุมกับพ่อพรหมและพ่อศิวะว่า จะให้มอบหมายเรื่องขจัดเคราะห์ภัยให้มนุษย์ พ่อราหูใกล้ชิดกับมนุษย์เพราะว่าท่านเป็นยักษ์
ถ้าครูบาอาจารย์ท่านใด ทำสะตวง ส่งเคราะห์ ส่งนาม ก็จะต้องทำผ่านพ่อราหู
คำว่า "เคราะห์ภัย" นี้แปลว่า สิ่งที่เลวร้ายได้มาอย่างอุบัติเหตุ ไม่ใช่เลวร้ายอันเนื่องมาจากกรรมเก่า กรรมเก่าท่านยังไม่ถนัด ท่านพ่อราหูจะถนัดแก้ไขอย่างนี้
"อุบัติ" คือ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ณ ภพนี้ ณ ปัจจุบัน ณ เวลานี้ บางครั้งก็เป็นใหม่เลย
"อุบัติเหตุ" เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่มาประชุม ณ เวลานั้น แล้วเกิดความสัปปายะ ณ เวลานั้น แล้วเกิดสัปปายะในทางลบ เหตุที่มาประชุมที่เป็นมิจฉา ก็จะเกิดเป็นอุบัติเหตุ
โดยเฉพาะทหารควรมาขอบารมีพ่อราหูคุ้มครอง เพราะว่า บางครั้งออกศึก ลูกปืนจะยิงมาถูกเราหรือเปล่า ถ้าบารมีพ่อราหูมา ก็เฉียดมาเฉียดไป ทหารต้องอาศัยบารมีพ่อราหู กับพ่อท้าวเวสสุวรรณ
พ่อราหูก็คือ อุบัติเหตุที่มาให้เฉียดๆ ไป
พ่อเวสสุวรรณ ก็คือให้ความยุติธรรม
อุบัติเหตุก็มีเหตุปัจจัยมาร่วม เช่น เราเดินทาง มีเหตุเราจึงต้องเดินทางตรงนี้ ไม่ใช่อดีตชาติมีตรงนี้แล้วเราถึงจะมาเดินทาง มันมีชะตาแค่ ๒๕% เอง อีก ๗๕% เราจะต้องดำเนินการอย่างนี้
สมมติว่า กรรมเก่าว่าเราจะต้องมีเหตุอันที่จะต้องไปเมืองเชียงราย ระหว่างทางเดินไปก็จะเป็นกรรมใหม่ล่ะ อย่างเช่น ของหล่นแล้วเราก้มลงไปเก็บ แล้วรถขับมาชน อุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยฉับพลันนั้นเลย เป็นเหตุใหม่แล้วก็กลายเป็นอดีตไป แล้วก็จองเวรกันต่อ
เวลาเดินทางทุกอย่างจะต้องมีกรรม เราก็เดินทางไปแล้วของหล่น แล้วกรรมของเขาก็จะต้องขับรถตามมาชนเราเฉยเลย ไม่เกี่ยวกับวิบากกรรมของเราเลย นั่นแหละเป็นเคราะห์กรรมใหม่ของเรา ถ้าเรามีการไหว้บูชาพ่อราหู ก่อนที่เขาจะมาชนเรา เราก็พ้นไปก่อน ก็ไม่ต้องมาชนเรา ชีวิตเราก็รอด ดังจะได้ยินคำพูดว่า "เฉียดตาย"
หมั่นเตือนใจตนเอง "อย่าประมาท" ท่านจะพ้นเคราะห์ภัย พ่อราหูคุ้มครอง
พ่อราหูขจัดเคราะห์ภัย
๑. อุบัติเหตุ
๒. จากการกระทำของบุคคล คุณไสย มนต์ดำ คาถาอาคมต่างๆ ได้รับการแก้จากพ่อราหู
๓. การทำมาหากิน คือ กลุ่มนักร้อง บันเทิง นักแสดง จะต้องอาศัยพ่อราหู เพราะว่าท่านได้รับสิทธิ์ช่วยทางสายล่าง บางครั้งก้ำกึ่ง ขาวๆ ดำๆ สีเทา ท่านไม่ถือ ท่านยังต้องให้
นี่แหละ พ่อราหูใกล้ชิดกับมนุษย์ ถึงอยู่ในช่องว่างตรงนี้ได้ พระสงฆ์ท่านก็ให้ตรงนี้ไม่ได้ คนที่สูงกว่านี้ก็ให้ไม่ได้ ต่ำกว่านี้ก็ไม่มีแรงพอ
๔. ดูแลสำนักต่างๆ ควบคุมอาจารย์ที่เกเร ฯลฯ คือ พ่อราหูจะคุ้มครอง ดูแลอาจารย์ผู้ประพฤติดี เป็นหน้าที่ของพ่อราหู
พ่อเวสสุวรรณ จะคุ้มครองดูแลพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตักเตือน ลงโทษ ที่ท่านมีความประพฤติที่ไม่ดี
พ่อราหูขจัด คือ เราทำดีพ่อราหูก็จะขจัดเภทภัยให้เรา สำนักเราทำดีก็จะคุ้มครอง ถ้าหากเราเปิดสำนักไม่ดีท่านก็จะลงโทษขจัดสำนักนั้นออกไปเลย ให้เพี้ยนไปเลย
แต่พ่อราหูจะไม่ขจัดวัดทิ้ง แต่พ่อราหูจะขจัดสำนักไหนที่ทำไม่ดี ท่านก็จะขจัดทิ้งเลย แม้ชื่อก็ขจัดทิ้ง ยกตัวอย่าง บางคนบอกว่าเป็นร่างทรงพ่อศิวะ ยิ่งใหญ่มาก แต่ถ้าทำไม่ถูก พ่อก็พ่อเถอะ จบทั้งนั้น
แม้ว่าสำนักนั้นจะไหว้หรือไม่ไหว้พ่อราหูก็ตาม แต่นี่เป็นในธรรม โดยธรรม แม้ว่าเราจะไม่นับถือท่าน ไม่ไหว้ท่านก็ตาม แต่เราก็จะได้รับโทษ เพราะเป็นโดยธรรม เราไม่เชื่อเราก็ต้องโดน เพราะเป็นภาวะของธรรม อันนั้นเป็นแต่เพียงว่าเป็นธรรมข้อนี้ ข้อนั้น แต่มันเป็นในธรรม
ทำไมพ่อราหูขจัดสำนัก แล้วพ่อเวสสุวรรณจังไม่ขจัดวัด?
ก็เพราะว่าวัดเป็นของพระพุทธเจ้า จะลบทิ้งได้อย่างไร เพียงแต่ว่าให้ท่านเป็นจเร ผู้ดูแล อย่างเช่น คุณอยู่ดีๆ แล้วไปถอดในหลวงได้เหรอ เราก็จะปลิวก่อน
สำนักนี้เราเป็นคนสร้างขึ้นเอง ถ้าเป็นวัดนี้เราจะต้องขออนุญาตพระพุทธเจ้าจึงจะสามารถสร้างขึ้นได้ มีไหมว่า วัดไหนที่เป็นของส่วนตัว หรือเป็นของพระรูปนั้นรูปนี้ มีไหม? ถ้าวัดไหน เจ้าอาวาสบอกว่าเป็นวัดของตัวเองท่านก็แบกจนตาย
อย่างเช่นวัดแห่งหนึ่ง ท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง แล้วเหมาว่าวัดนี้เป็นของท่าน เวลานี้ท่านจึงหนักมาก ในเมื่อเราถวายเป็นของพระพุทธเจ้าแล้ว จะมาบอกว่าเป็นของตนเองได้อย่างไร เราลืมคำว่าถวายแล้ว จึงเป็นทุกข์ ไม่ได้รับกุศล
ทำไมต้องไหว้บูชาด้วย "ของสีดำ"
ทำไมเราจึงต้องไหว้พระราหูด้วยของดำ เพราะเป็นสัญลักษณ์ปริศนาธรรม ที่ท่านพ่อราหูประทานปัญญาแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด "อวิชชา" ความไม่รู้ต่างๆก็จะคลายหายไป และเป็นโอกาสที่จะให้เราได้ตั้งปณิธานละสิ่งที่ไม่ดี พลังดำต่างๆ คืนสู่ธรรม และตั้งปณิธานดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามธรรม
พระคาถาบูชาพ่อราหู
โอม อะสุรินทะราหู, วิชิตตะ พาโล, อะวะมงคล จะ, เอวัง โหนตุ, ศรีชัยยะ มาเรติ, ไมตรี กัลละยาณะมิตตะ, มุฑิตา นะ สะหาโย, ศานติ ศานติ สันติโอม นะมะฮา ๛ (8 จบ)
ลูกขอนอบน้อมคารวะสักการะบูชา พ่อราหู ด้วยจิตศรัทธา โองการจากมหาเทพทั้ง ๓ พ่อพรหม พ่อศิวะ พ่อวิษณุนารายณ์ ประทานพรให้เป็นเทพ ผู้ขจัดเคราะห์ภัย คุณไสยน์ มนต์ดำ อาถรรพ์เวทย์ พลังลบ พลังดำ ให้แก่มวลมนุษย์ ผี และเทวดา และช่วยเหลือให้ปลอดภัย ให้เป็นสิริมงคล ให้เกิดอยู่อย่างสันติ
บัดนี้ ลูกขอตั้งจิตอธิษฐาน เจริญมุฑิตาจิต ปลดทุกข์ บำรุงสุขให้กับชาวโลก ขจัดภัยทั้งหลาย บำรุงสุขทั้งปวง
บัดนี้ ลูกขอน้อมถวายของบูชา (ชื่อของถวาย...) ขอองค์พ่อโปรดเมตตารับ และขอบารมีองค์พ่อฯ โปรดเมตตาประทานพร ขจัดเคราะห์ภัย อันตรายทั้งปวง เป็นสิริมงคล ให้มีโชคลาภวาสนา ยศฐาบรรดาศักดิ์ สมหวังปรารถนา หนุนเสริมดวงชะตา พลิกจากร้ายกลายเป็นดี ค้าขายราบรื่น เหลือกินเหลือใช้ ปลอดโรค-ทุกข์-ภัย มีจิตมั่นคง รักสามัคคีในตน ครอบครัว สังคม และชาวโลก สุขสันติ สุขสันติ สันติสุข โอม๛
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
พระราหู หัวใจการบูชาพระราหู
ท่านพ่อราหูท่านได้รับโองการจากมหาเทพทั้ง ๓ พ่อพรหม พ่อศิวะ พ่อวิษณุนารายณ์ ให้ดูแล ขจัดเคราะห์ภัย ปลดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน
จุดมุ่งหมายในการบูชาพระราหู คือ ให้ท่านคลายความสว่างให้กับชีวิต เพื่อให้เกิดปัญญาแก่ตัวเรา ซึ่งลักษณะของพระราหู คือท่านจะอมพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ครึ่งหนึ่ง และอีกลักษณะหนึ่งท่านกำลังคลายพระอาทิตย์และพระจันทร์ออกมาได้ครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกัน เป็นปริศนาธรรมสื่อว่า ช่วงหนึ่งหรือห้วงหนึ่งของชีวิตเรา หรือดวงชะตาของเรา ตกชะตาราหู คือ เข้าสู่ความดำ ความมืดมน มองไม่เห็นเส้นทาง มืดแปดด้าน พบปัญหาอุปสรรคต่างๆ มารุมเร้า หาทางออกไม่เจอ ขาดสติปัญญา
ฉะนั้น เราจึงควรบูชาพระราหูเพื่อให้ท่านคลายแสงสว่างให้แก่ชีวิต คลายภาวะ โอกาสต่างๆ ให้กับเรา เพื่อให้เราพบปัญญา พบผู้รู้ นักปราชญ์ กัลยาณมิตร ให้กับเรา ในการชี้แนะแนวทาง สั่งสอน จูง นำ พา ส่งเราไปยังถึงอีกฟากฝั่งหนึ่ง ในการเกิดปัญญา แก้ไขขจัดปัญหาต่างๆ ได้ พบแสงสว่างแห่งปัญญาในชีวิต
หากจะมีคนถามว่า ทำไมพระราหูเป็นสัญลักษณ์ในความไม่ดี แต่ทำไมต้องบูชาท่าน เคารพนับถือท่าน ?
เราควรพิจารณาอย่างนี้ อย่างเช่น ในอดีตประเทศจีน มีสำนักคุ้มกันภัย รับคุ้มกันสิ่งของ ส่งของจากเมืองนี้ไปยังเมืองโน้นได้โดยไม่ถูกโจรปล้นเอา ก็เพราะว่าสำนักคุ้มกันภัยรู้จักไม้อ่อนไม้แข็ง เคารพเจ้าที่เจ้าทาง หากที่แห่งนั้นเป็นเขตอาณาบริเวณของโจร เจ้าสำนักคุ้มกันภัยก็จะไปผูกมิตรไมตรี ผูกน้ำจิตน้ำใจกับโจรไว้ เมื่อเราเดินทางผ่านเขตของโจรกลุ่มนั้น เขารู้ว่าเป็นสำนักคุ้มกันภัยที่เป็นมิตรก็จะปล่อยผ่านไปไม่ปล้นแย่งชิงมา แต่ผิดกับราชสำนัก หรือพ่อค้าทั่วไป ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ก็มักจะถูกโจรปล้นชิงสินค้าอยู่บ่อยๆ
ฉะนั้น เราไหว้พระราหู เพราะว่าพระราหูท่านรู้จักความชั่วต่างๆ ดี เพราะท่านก็เคยเป็น สัมผัสมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความโลภ โกรธ หลง ท่านรู้และเข้าใจดี แล้วเราบูชา ไหว้ เคารพนับถือท่าน ความชั่วร้ายต่างๆ ก็ย่อมรู้จักพระราหูดีก็ไม่กล้ามาตอแย เพราะจะทำสิ่งใดพระราหูก็จะรู้หมด เช่นเดียวกับเราบูชาพระราหู ถือว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเรา เมื่อสิ่งชั่วร้ายต่างๆ จะมาทำร้ายเรา เห็นว่าเรามีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นพระราหู สิ่งชั่วร้ายนั้นก็เกรงกลัวบารมีของพระราหู จากหนักก็ผ่อนเป็นเบา จากเบาก็จะหาย
พ่อราหูสำนึก ได้รับโองการจากมหาเทพ
พ่อราหู ช่วงหนึ่งท่านทำผิด ทำแล้วสำนึกผิด จึงได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลเคราะห์ภัย
พ่อราหูได้รับหน้าที่โดยการประชุมของมหาเทพทั้ง ๓ และพ่อวิษณุนารายณ์มีข้อเสนอให้พ่อราหูทำดี เพราะว่าโดนตัดตัว ทำโทษแล้ว สำนึกก็จะให้หน้าที่เพื่อทำคุณไถ่โทษ จึงมาประชุมกับพ่อพรหมและพ่อศิวะว่า จะให้มอบหมายเรื่องขจัดเคราะห์ภัยให้มนุษย์ พ่อราหูใกล้ชิดกับมนุษย์เพราะว่าท่านเป็นยักษ์
ถ้าครูบาอาจารย์ท่านใด ทำสะตวง ส่งเคราะห์ ส่งนาม ก็จะต้องทำผ่านพ่อราหู
คำว่า "เคราะห์ภัย" นี้แปลว่า สิ่งที่เลวร้ายได้มาอย่างอุบัติเหตุ ไม่ใช่เลวร้ายอันเนื่องมาจากกรรมเก่า กรรมเก่าท่านยังไม่ถนัด ท่านพ่อราหูจะถนัดแก้ไขอย่างนี้
"อุบัติ" คือ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ณ ภพนี้ ณ ปัจจุบัน ณ เวลานี้ บางครั้งก็เป็นใหม่เลย
"อุบัติเหตุ" เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่มาประชุม ณ เวลานั้น แล้วเกิดความสัปปายะ ณ เวลานั้น แล้วเกิดสัปปายะในทางลบ เหตุที่มาประชุมที่เป็นมิจฉา ก็จะเกิดเป็นอุบัติเหตุ
โดยเฉพาะทหารควรมาขอบารมีพ่อราหูคุ้มครอง เพราะว่า บางครั้งออกศึก ลูกปืนจะยิงมาถูกเราหรือเปล่า ถ้าบารมีพ่อราหูมา ก็เฉียดมาเฉียดไป ทหารต้องอาศัยบารมีพ่อราหู กับพ่อท้าวเวสสุวรรณ
พ่อราหูก็คือ อุบัติเหตุที่มาให้เฉียดๆ ไป
พ่อเวสสุวรรณ ก็คือให้ความยุติธรรม
อุบัติเหตุก็มีเหตุปัจจัยมาร่วม เช่น เราเดินทาง มีเหตุเราจึงต้องเดินทางตรงนี้ ไม่ใช่อดีตชาติมีตรงนี้แล้วเราถึงจะมาเดินทาง มันมีชะตาแค่ ๒๕% เอง อีก ๗๕% เราจะต้องดำเนินการอย่างนี้
สมมติว่า กรรมเก่าว่าเราจะต้องมีเหตุอันที่จะต้องไปเมืองเชียงราย ระหว่างทางเดินไปก็จะเป็นกรรมใหม่ล่ะ อย่างเช่น ของหล่นแล้วเราก้มลงไปเก็บ แล้วรถขับมาชน อุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยฉับพลันนั้นเลย เป็นเหตุใหม่แล้วก็กลายเป็นอดีตไป แล้วก็จองเวรกันต่อ
เวลาเดินทางทุกอย่างจะต้องมีกรรม เราก็เดินทางไปแล้วของหล่น แล้วกรรมของเขาก็จะต้องขับรถตามมาชนเราเฉยเลย ไม่เกี่ยวกับวิบากกรรมของเราเลย นั่นแหละเป็นเคราะห์กรรมใหม่ของเรา ถ้าเรามีการไหว้บูชาพ่อราหู ก่อนที่เขาจะมาชนเรา เราก็พ้นไปก่อน ก็ไม่ต้องมาชนเรา ชีวิตเราก็รอด ดังจะได้ยินคำพูดว่า "เฉียดตาย"
หมั่นเตือนใจตนเอง "อย่าประมาท" ท่านจะพ้นเคราะห์ภัย พ่อราหูคุ้มครอง
พ่อราหูขจัดเคราะห์ภัย
๑. อุบัติเหตุ
๒. จากการกระทำของบุคคล คุณไสย มนต์ดำ คาถาอาคมต่างๆ ได้รับการแก้จากพ่อราหู
๓. การทำมาหากิน คือ กลุ่มนักร้อง บันเทิง นักแสดง จะต้องอาศัยพ่อราหู เพราะว่าท่านได้รับสิทธิ์ช่วยทางสายล่าง บางครั้งก้ำกึ่ง ขาวๆ ดำๆ สีเทา ท่านไม่ถือ ท่านยังต้องให้
นี่แหละ พ่อราหูใกล้ชิดกับมนุษย์ ถึงอยู่ในช่องว่างตรงนี้ได้ พระสงฆ์ท่านก็ให้ตรงนี้ไม่ได้ คนที่สูงกว่านี้ก็ให้ไม่ได้ ต่ำกว่านี้ก็ไม่มีแรงพอ
๔. ดูแลสำนักต่างๆ ควบคุมอาจารย์ที่เกเร ฯลฯ คือ พ่อราหูจะคุ้มครอง ดูแลอาจารย์ผู้ประพฤติดี เป็นหน้าที่ของพ่อราหู
พ่อเวสสุวรรณ จะคุ้มครองดูแลพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตักเตือน ลงโทษ ที่ท่านมีความประพฤติที่ไม่ดี
พ่อราหูขจัด คือ เราทำดีพ่อราหูก็จะขจัดเภทภัยให้เรา สำนักเราทำดีก็จะคุ้มครอง ถ้าหากเราเปิดสำนักไม่ดีท่านก็จะลงโทษขจัดสำนักนั้นออกไปเลย ให้เพี้ยนไปเลย
แต่พ่อราหูจะไม่ขจัดวัดทิ้ง แต่พ่อราหูจะขจัดสำนักไหนที่ทำไม่ดี ท่านก็จะขจัดทิ้งเลย แม้ชื่อก็ขจัดทิ้ง ยกตัวอย่าง บางคนบอกว่าเป็นร่างทรงพ่อศิวะ ยิ่งใหญ่มาก แต่ถ้าทำไม่ถูก พ่อก็พ่อเถอะ จบทั้งนั้น
แม้ว่าสำนักนั้นจะไหว้หรือไม่ไหว้พ่อราหูก็ตาม แต่นี่เป็นในธรรม โดยธรรม แม้ว่าเราจะไม่นับถือท่าน ไม่ไหว้ท่านก็ตาม แต่เราก็จะได้รับโทษ เพราะเป็นโดยธรรม เราไม่เชื่อเราก็ต้องโดน เพราะเป็นภาวะของธรรม อันนั้นเป็นแต่เพียงว่าเป็นธรรมข้อนี้ ข้อนั้น แต่มันเป็นในธรรม
ทำไมพ่อราหูขจัดสำนัก แล้วพ่อเวสสุวรรณจังไม่ขจัดวัด?
ก็เพราะว่าวัดเป็นของพระพุทธเจ้า จะลบทิ้งได้อย่างไร เพียงแต่ว่าให้ท่านเป็นจเร ผู้ดูแล อย่างเช่น คุณอยู่ดีๆ แล้วไปถอดในหลวงได้เหรอ เราก็จะปลิวก่อน
สำนักนี้เราเป็นคนสร้างขึ้นเอง ถ้าเป็นวัดนี้เราจะต้องขออนุญาตพระพุทธเจ้าจึงจะสามารถสร้างขึ้นได้ มีไหมว่า วัดไหนที่เป็นของส่วนตัว หรือเป็นของพระรูปนั้นรูปนี้ มีไหม? ถ้าวัดไหน เจ้าอาวาสบอกว่าเป็นวัดของตัวเองท่านก็แบกจนตาย
อย่างเช่นวัดแห่งหนึ่ง ท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง แล้วเหมาว่าวัดนี้เป็นของท่าน เวลานี้ท่านจึงหนักมาก ในเมื่อเราถวายเป็นของพระพุทธเจ้าแล้ว จะมาบอกว่าเป็นของตนเองได้อย่างไร เราลืมคำว่าถวายแล้ว จึงเป็นทุกข์ ไม่ได้รับกุศล
ทำไมต้องไหว้บูชาด้วย "ของสีดำ"
ทำไมเราจึงต้องไหว้พระราหูด้วยของดำ เพราะเป็นสัญลักษณ์ปริศนาธรรม ที่ท่านพ่อราหูประทานปัญญาแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด "อวิชชา" ความไม่รู้ต่างๆก็จะคลายหายไป และเป็นโอกาสที่จะให้เราได้ตั้งปณิธานละสิ่งที่ไม่ดี พลังดำต่างๆ คืนสู่ธรรม และตั้งปณิธานดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามธรรม
พระคาถาบูชาพ่อราหู
โอม อะสุรินทะราหู, วิชิตตะ พาโล, อะวะมงคล จะ, เอวัง โหนตุ, ศรีชัยยะ มาเรติ, ไมตรี กัลละยาณะมิตตะ, มุฑิตา นะ สะหาโย, ศานติ ศานติ สันติโอม นะมะฮา ๛ (8 จบ)
ลูกขอนอบน้อมคารวะสักการะบูชา พ่อราหู ด้วยจิตศรัทธา โองการจากมหาเทพทั้ง ๓ พ่อพรหม พ่อศิวะ พ่อวิษณุนารายณ์ ประทานพรให้เป็นเทพ ผู้ขจัดเคราะห์ภัย คุณไสยน์ มนต์ดำ อาถรรพ์เวทย์ พลังลบ พลังดำ ให้แก่มวลมนุษย์ ผี และเทวดา และช่วยเหลือให้ปลอดภัย ให้เป็นสิริมงคล ให้เกิดอยู่อย่างสันติ
บัดนี้ ลูกขอตั้งจิตอธิษฐาน เจริญมุฑิตาจิต ปลดทุกข์ บำรุงสุขให้กับชาวโลก ขจัดภัยทั้งหลาย บำรุงสุขทั้งปวง
บัดนี้ ลูกขอน้อมถวายของบูชา (ชื่อของถวาย...) ขอองค์พ่อโปรดเมตตารับ และขอบารมีองค์พ่อฯ โปรดเมตตาประทานพร ขจัดเคราะห์ภัย อันตรายทั้งปวง เป็นสิริมงคล ให้มีโชคลาภวาสนา ยศฐาบรรดาศักดิ์ สมหวังปรารถนา หนุนเสริมดวงชะตา พลิกจากร้ายกลายเป็นดี ค้าขายราบรื่น เหลือกินเหลือใช้ ปลอดโรค-ทุกข์-ภัย มีจิตมั่นคง รักสามัคคีในตน ครอบครัว สังคม และชาวโลก สุขสันติ สุขสันติ สันติสุข โอม๛
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต