โดนธนาคารฟ้องให้เป็นจำเลยร่วมจากกการเป็นผู้จัดการมรดก กรณีหนี้บัตรเครดิตของแฟนที่เสียชีวิตไปแล้ว

สวัสดีค่ะ ... 
รบกวนสอบถามในข้อกฎหมายเรื่องของหนี้บัตรเครดิต ยาวหน่อยนะคะ รบกวนผู้รู้ข้อกฎหมายช่วยแนะนำให้หน่อยค่ะ
ขอเล่าที่มาที่ไปก่อนนะคะ 

แฟนดิฉันเสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคเล้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน เมื่อกลางปี 2562 ซึ่งดิฉันกับแฟนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
มีแม่ของแฟนเป็นทายาทเพียงคนเดียว เพราะพ่อกับแม่แฟนเลิกกันไปตั้งแต่แฟนยังเด็ก และพ่อไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร 
หลังจากแฟนเสีย แม่ของแฟนก็แต่งตั้งดิฉันเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากแม่แฟนมีอายุเยอะแล้ว ไม่สะดวกในการทำเรื่องธุรกรรมใดใด
และมีเรื่องที่เป็นข้อผูกพันกับพ่อแฟนด้วย จึงเลือกให้ดิฉันเป็นผู้จัดการมรดกในเรื่องนี้

มรดกของแฟนที่มีชื่อแฟนเป็นเจ้าของมี
- รถยนต์ Suzuki Esteem 1 คัน เก่ามากแล้ว
- รถมอเตอร์ไซด์ Suzuki เจลาโต้ อีก 1 คัน 
โดยหลังจากที่ดิฉันได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ก็ได้ทำการโอนรถยนต์ ให้แม่แฟน และโอนรถมอเตอร์ไซด์ให้พ่อแฟน

นอกจากรถ 2 คันที่เป็นชื่อแฟนเป็นเจ้าของแล้ว ยังมีรถตู้ 1 คันที่แฟนซื้อให้พ่อแฟนใช้ ทำมาหากิน และรถยนต์อีก 1 คันที่แฟนใช้เอง
และดิฉันเป็นคนค้ำประกันรถทั้ง 2 คันนี้ ซึ่งทั้ง 2 คันนี้ ยังติดไฟแนนอยู่ จากรถ 2 คันที่ติดไฟแนนนี้ ทำให้ดิฉันต้องรับเป็นผู้จัดการมรดก เพื่อ 
เคลียร์เรื่องการโอนรถตู้ไปให้พ่อแฟนเป็นผู้ผ่อนชำระรถต่อไป (พ่อแฟนท่านมาซื้อรถตู้ต่อจากดิฉันและไปจัดไฟแนนใหม่เป็นชื่อท่าน)
ก็จะเหลือรถอีก 1 คัน ที่เป็นรถของแฟนที่ใช้เอง ซึ่งได้สอบถามกับทางไฟแนนรถคันนี้ไปว่าต้องทำอย่างไร ทางไฟแนนแนะนำว่า
ให้ผ่อนไปจนหมด แล้วค่อยทำเรื่องโอนเป็นชื่อดิฉันเมื่อผ่อนหมดแล้ว 

ส่วนทรัพย์สินอื่นๆของแฟนไม่มีแล้ว เงินเก็บไม่มีค่ะ เพราะทำงานเงินหมุน และมีหนี้บัตรเครดิตของแฟน ซึ่งมีอยู่หลายใบ และหลายธนาคาร

เรื่องที่อยากขอคำแนะนำ คือ ตอนนี้ ธนาคารแรกมีหมายศาลส่งมาให้ดิฉัน เป็นจำเลยร่วม ซึ่งมีแม่แฟน เป็นจำเลย ฟ้องร้องเรื่องหนี้บัตร
เครดิตและหนี้สินเชื่อของแฟน จากที่เคยสอบถามทนายผู้ที่เคยทำเรื่อง ผู้จัดการมรดกให้ ทนายบอกว่า หนี้บัตรเครดิต เป็นหนี้ส่วนบุคคลของเจ้าของบัตร
ดิฉันเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ต้องรับผิดชอบ และไม่ต้องแจ้งธนาคารใดๆ ในกรณีที่แฟนเสียชีวิตไปแล้ว รอให้บัตรหมดอายุความไปเอง 
แต่ตอนนี้ มีหมายศาลมาให้ดิฉันไปเป็นจำเลยร่วม ทางทนายคนเก่าแจ้งว่า เค้าแค่เรียกดิฉันให้ไปเป็นจำเลยร่วมซึ่งตอนนี้ดิฉันยังไม่ได้
เป็นจำเลยร่วม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วดิฉันต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดึ (ดิฉันไม่ได้จ้างทนายคนเดิมแล้ว เพราะคิดค่าใช้จ่ายแพงมากกก) 

จึงอยากขอคำแนะนำในเบื้องต้นค่ะ ว่ากรณีนี้ ดวรทำอย่างไรต่อดี เพราะทรัพย์สินของแฟนก็ได้โอนไปหมดแล้ว ดิฉันทำหน้าที่แค่ผู้จัดการมรดก
ในการโอนทรัพย์สินเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ มีธนาคารมาฟ้องแล้ว ธนาคารแรก และเข้าใจเองว่าคงต้องมีมาอีกเรื่อยๆ จึงอยากขอคำแนะนำในเรื่องนี้ค่ะ

เหตุผลที่ดิฉัน ไม่ชำระหนี้บัตร ของแฟน ข้อแรกเลย จากที่ทนายท่านเดิมเคยแนะนำ คือ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้เพราะเป็นหนี้ส่วนบุคคล ดิฉันไม่ต้อง
ชดใช้แทน เพราะดิฉันก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ส่วนอีกข้อ คือ ดิฉันก็คงไม่มีเงินไปตามจ่ายหนี้บัตรต่างๆเหล่านี้หรอกคะ เพราะค่อนข้างเยอะมาก ดิฉันมีภาระ ผ่อนบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ดิฉัน ตอนนี้ต้องมาผ่อนรถเพิ่มอีก 1 คัน ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็จุกมาถึงคอเลยค่ะ
(หากถามว่าทำไมไม่ขายรถคันนี้ ราคารถถ้าหากขายไป ก็ยังไม่เพียงพอกับเงินที่ติดไฟแนนอยู่ เท่ากับว่าหากดิฉันขายรถก็ยังต้องหาเงิน
อีกหลายแสนมาผ่อนรถเปล่าๆโดยไม่มีรถใช้ จึงคิดว่า ผ่อนแล้วใช้ต่อไปดีกว่าค่ะ)

อีกข้อหนึ่งหากถามว่าทำไมแฟนดิฉันมีบัตรเครดิตหลายใบ หนี้เยอะขนาดนี้ ขอแจ้งว่า ตอนเค้ามีชีวิต เค้าสามารถบริหารหนี้ของเค้าเองได้
โดยไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ดิฉันเลย และเพราะเค้าจากไปอย่างกะทันหัน ดิฉัน ไม่โทษเค้าค่ะ เพราะเค้าก็คงไม่ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้
และคงไม่ตั้งใจทำให้ดิฉันเดือดร้อน คนยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องหาทางแก้ปัญหาต่อไปค่ะ 

จึงอยากขอคำแนะนำในกรณีนี้ค่ะ ว่าดิฉันควรต้องทำยังไงต่อไปดี กับทั้งธนาคารที่ฟ้องมาแล้ว
และธนาคารต่างๆในอนาคต ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีมาอีกเท่าไหร่

ขอบคุณล่วงหน้า สำหรับคำแนะนำนะคะ 
กระทู้นี้ มาขอคำแนะนำนะคะ 
ไม่ต้องการคำแนะนำ ที่ว่ากล่าวกันนะคะ เพราะมีเรื่องเยอะมากพอแล้วค่ะ
ขออภัยนะคะ หากไม่ถูกใจท่านใด

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่