กระทู้นี้คือกระทู้บ่น และตัดพ้อปัญหาสังคมนะครับ
อันนี้เป็นประทู้ที่ผมอธิบายเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดไปครับ
https://ppantip.com/topic/40174494/comment3
ถ้าขี้เกียจไปอ่าน ผมจะสรุปให้
สรุป มีเพื่อนบ้านจัดงานบุญ เป็นร้านอาหารหน้าปากซอยในหมู่บ้าน เปิดเพลงเสียงดังตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ผมไม่พอใจจึงโทรแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจใช้เวลาสักพักกว่าจะไปถึง ผมจึงโทรไปที่ร้านเพื่อให้เบาเสียง และเเล้วตำรวจจึงเข้าไปตักเตือนที่ร้าน เจ้าของร้านจึงโทรกลับมาต่อว่าผมที่เเจ้งตำรวจ
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวดันเข้าไปสู่หูของพี่สาวของผม เจ้าตัวจึงเขามาพูดประชดว่า
พี่สาว : หากพี่จัดงานทำบุญบ้าน เอ็งจะโทรแจ้งตำรวจมั้ย(พูดด้วยน้ำเสียงประชด)
ผม : โทร (ประชดกลับ)
พี่สาว : งั้นเอ็งก็ออกไปจากบ้านนะวันงาน ไม่ต้องโผล่หัวมา(ซึ่งบ้านอยู่ติดกัน เขาพึ่งปลูกใหม่อยู่ข้างๆ)
ผมจึงถามกลับไปว่า แล้วจะเปิดเพลงตั้งแต่ตี 5 หรอ
หลังจากนั้นเราจึงได้ดีเบตกัน
แต่สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดก็คือ เขาไม่เคยมองถึงปัญหาที่ผมเจอเลย เห็นผมเป็นตัวตลกที่ไม่มีน้ำใจหรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เเละยังระบุว่า เจ้าของงานบุญญาติเยอะ หลังนั้นก็ญาติเขา หลังนี้ก็ญาติเขา เขาจึงเปิดเพลงเพื่อประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน เพื่อเรียกคนอื่นให้รู้ว่ามีงานบุญ
ผม : ถ้าบ้านอยู่ใกล้ทำไมไม่เดินไปชวน จะเปิดเพลงตอนคนอื่นนอนทำไม
พี่ผมให้เหตุผลว่า นาน ๆ เขาจัดที ไม่ได้จัดทุกวัน
ผม : นาน ๆ ทีมันไม่เกี่ยวกับประเด็น เพราะปัญหามันคือ ที่ผมกลับมาบ้านในวันหยุด ไอ้งานนาน ๆ ทีที่จัดเนี่ย มีทุกอาทิตย์ เดี๋ยวบ้านนั้นจัด บ้านนี้จัด นี้ยังไม่รวมปัญหาการเผาขยะ เผาไร่นา ควันเข้าบ้านอีก ซึ่งการทำบุญ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน
พี่ : เอ็งไม่มีน้ำใจเลยรึไงละ คนเราไม่เหมือนกัน
ผม : เรื่องน้ำใจไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมารยาททางสังคม เป็นเรื่องเบสิคของคน กฏหมายมีบอกชัดเจนเรื่องมลพิษทางเสียง มารยาทเป็นสิ่งที่คนไม่ต้องเรียนสูง ควรจะเข้าใจ และเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
พี่ : งั้นเอ็งก็ควรบอกเขาดีดี
ผม : นี่โทรแจ้งตำรวจก็ถือว่าเป็นการรบกวนเวลาเเล้ว ยังจะเรื่องการนอนอีก ผมเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนา แต่ก็ไม่ได้ไปก้าวก่ายคนที่นับถือ แต่หากการปฎิบัติของเขามันละเมิดสิทธิของผม ผมคิดว่ามันไม่ควร หากไม่ทำผิดผมก็ไม่โทรไป แฟร์ ๆ จะบอกว่าคนทำผิดควรเตือนเขาดีดีหรอ
ประโยคถัดไป ผมรู้สึกเสียใจกับพี่สาวผมมาก เขาถามว่า เเล้วเอ็งนับถืออะไร นับถือตัวเองหรอ เอ็งมีสังคมมั้ย เอ็งมีเพื่อนมั้ย เอ็งมีวัฒนธรรมประเพณีมั้ย ผม : ใช่ ผมนับถือตัวเอง เชื่อหลักเหตุผล เชื่อวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าคนมีมารยาทจะไม่เปิดเพลงเสียงดังเเล้วอ้างงานบุญ เพื่อนผมก็มี สังคมผมก็มี เเละขอถามกลับไปหน่อยว่าวัฒนธรรมคืออะไร ผมเคยทำวิจัยเกี่ยวกับด้านนี้ ซึ่งผมรู้ดีว่าวัฒนธรรมของแต่ละที่มันต่างกัน มันไม่ใช่เพียงเรื่องของคนคนเดียว มันคือครอบครัว ชุมชน จังหวัด ภูมิภาค หรือระดับประเทศ แต่หากถ้าว่า การสร้างความเดือดร้อนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ก็ช่วยหยุดเถอะ และการไม่มีมารยาทไม่นับว่าเป็นวัฒนธรรมโดยเฉพาะสมัยนี้
สุดท้ายเขาไม่ได้มองเห็นปัญหาของผมเลย เห็นผมเป็นเพียงตัวตลก ซึ่งผมพยายามเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ผมกลับกลายเป็นคนที่ดูใจแคบไปเฉยเลย กลับกลายเป็นว่าคนที่ตรรกะวิบัติกลายเป็นผม
กรณีนี้คล้ายๆกับ ตำรวจที่จับคนไม่สวมหมวก แล้วคนไม่สวมก็มองว่าตำรวจหากินกับประชาชน
ผมงงมาก หากคุณไม่ทำผิดกฏจราจร คุณจะโดนเขาปรับหรือไงละคร้าบบบ????
ผมถูกพี่สาวต่อว่าเพราะผมโทรแจ้งตำรวจให้มาตักเตือนเพื่อนบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังตอนเช้ามืด
อันนี้เป็นประทู้ที่ผมอธิบายเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดไปครับ https://ppantip.com/topic/40174494/comment3
ถ้าขี้เกียจไปอ่าน ผมจะสรุปให้
สรุป มีเพื่อนบ้านจัดงานบุญ เป็นร้านอาหารหน้าปากซอยในหมู่บ้าน เปิดเพลงเสียงดังตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ผมไม่พอใจจึงโทรแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจใช้เวลาสักพักกว่าจะไปถึง ผมจึงโทรไปที่ร้านเพื่อให้เบาเสียง และเเล้วตำรวจจึงเข้าไปตักเตือนที่ร้าน เจ้าของร้านจึงโทรกลับมาต่อว่าผมที่เเจ้งตำรวจ
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวดันเข้าไปสู่หูของพี่สาวของผม เจ้าตัวจึงเขามาพูดประชดว่า
พี่สาว : หากพี่จัดงานทำบุญบ้าน เอ็งจะโทรแจ้งตำรวจมั้ย(พูดด้วยน้ำเสียงประชด)
ผม : โทร (ประชดกลับ)
พี่สาว : งั้นเอ็งก็ออกไปจากบ้านนะวันงาน ไม่ต้องโผล่หัวมา(ซึ่งบ้านอยู่ติดกัน เขาพึ่งปลูกใหม่อยู่ข้างๆ)
ผมจึงถามกลับไปว่า แล้วจะเปิดเพลงตั้งแต่ตี 5 หรอ
หลังจากนั้นเราจึงได้ดีเบตกัน
แต่สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดก็คือ เขาไม่เคยมองถึงปัญหาที่ผมเจอเลย เห็นผมเป็นตัวตลกที่ไม่มีน้ำใจหรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เเละยังระบุว่า เจ้าของงานบุญญาติเยอะ หลังนั้นก็ญาติเขา หลังนี้ก็ญาติเขา เขาจึงเปิดเพลงเพื่อประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน เพื่อเรียกคนอื่นให้รู้ว่ามีงานบุญ
ผม : ถ้าบ้านอยู่ใกล้ทำไมไม่เดินไปชวน จะเปิดเพลงตอนคนอื่นนอนทำไม
พี่ผมให้เหตุผลว่า นาน ๆ เขาจัดที ไม่ได้จัดทุกวัน
ผม : นาน ๆ ทีมันไม่เกี่ยวกับประเด็น เพราะปัญหามันคือ ที่ผมกลับมาบ้านในวันหยุด ไอ้งานนาน ๆ ทีที่จัดเนี่ย มีทุกอาทิตย์ เดี๋ยวบ้านนั้นจัด บ้านนี้จัด นี้ยังไม่รวมปัญหาการเผาขยะ เผาไร่นา ควันเข้าบ้านอีก ซึ่งการทำบุญ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน
พี่ : เอ็งไม่มีน้ำใจเลยรึไงละ คนเราไม่เหมือนกัน
ผม : เรื่องน้ำใจไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมารยาททางสังคม เป็นเรื่องเบสิคของคน กฏหมายมีบอกชัดเจนเรื่องมลพิษทางเสียง มารยาทเป็นสิ่งที่คนไม่ต้องเรียนสูง ควรจะเข้าใจ และเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
พี่ : งั้นเอ็งก็ควรบอกเขาดีดี
ผม : นี่โทรแจ้งตำรวจก็ถือว่าเป็นการรบกวนเวลาเเล้ว ยังจะเรื่องการนอนอีก ผมเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนา แต่ก็ไม่ได้ไปก้าวก่ายคนที่นับถือ แต่หากการปฎิบัติของเขามันละเมิดสิทธิของผม ผมคิดว่ามันไม่ควร หากไม่ทำผิดผมก็ไม่โทรไป แฟร์ ๆ จะบอกว่าคนทำผิดควรเตือนเขาดีดีหรอ
ประโยคถัดไป ผมรู้สึกเสียใจกับพี่สาวผมมาก เขาถามว่า เเล้วเอ็งนับถืออะไร นับถือตัวเองหรอ เอ็งมีสังคมมั้ย เอ็งมีเพื่อนมั้ย เอ็งมีวัฒนธรรมประเพณีมั้ย ผม : ใช่ ผมนับถือตัวเอง เชื่อหลักเหตุผล เชื่อวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าคนมีมารยาทจะไม่เปิดเพลงเสียงดังเเล้วอ้างงานบุญ เพื่อนผมก็มี สังคมผมก็มี เเละขอถามกลับไปหน่อยว่าวัฒนธรรมคืออะไร ผมเคยทำวิจัยเกี่ยวกับด้านนี้ ซึ่งผมรู้ดีว่าวัฒนธรรมของแต่ละที่มันต่างกัน มันไม่ใช่เพียงเรื่องของคนคนเดียว มันคือครอบครัว ชุมชน จังหวัด ภูมิภาค หรือระดับประเทศ แต่หากถ้าว่า การสร้างความเดือดร้อนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ก็ช่วยหยุดเถอะ และการไม่มีมารยาทไม่นับว่าเป็นวัฒนธรรมโดยเฉพาะสมัยนี้
สุดท้ายเขาไม่ได้มองเห็นปัญหาของผมเลย เห็นผมเป็นเพียงตัวตลก ซึ่งผมพยายามเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ผมกลับกลายเป็นคนที่ดูใจแคบไปเฉยเลย กลับกลายเป็นว่าคนที่ตรรกะวิบัติกลายเป็นผม
กรณีนี้คล้ายๆกับ ตำรวจที่จับคนไม่สวมหมวก แล้วคนไม่สวมก็มองว่าตำรวจหากินกับประชาชน
ผมงงมาก หากคุณไม่ทำผิดกฏจราจร คุณจะโดนเขาปรับหรือไงละคร้าบบบ????