“พิชัย”มองนายกฯควบขุนคลังฉุดศก.เจ๊งหนัก
https://www.innnews.co.th/economy/news_763679/
 
"พิชัย" ชี้คนเหมาะสมนั่งขุนคลังมีมาก แต่ไม่กล้าเสี่ยงเหตุการเมืองเดือด แนะนายกฯ พิจารณาตัวเอง หลังไร้คนสนใจร่วมงาน มองหากควบตำแหน่งเศรษฐกิจเจ๊งหนัก
 
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สำหรับบุคคลที่มีความเหมาะสม จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทนนายปรีดี ดาวฉาย นั้นหายากมาก ซึ่งส่วนตัวมองว่าคนที่ดีมีเยอะ แต่ใครจะกล้าเข้ามานั่งทำงานตอนนี้ ในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจแย่ การเมืองดุเดือด โดยประเด็นที่มีคนเสนอว่าให้ นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปด้วยนั้น จะทำให้เศรษฐกิจไทยยิ่งเจ๊งลงไปอีก เพราะปัจจุบันที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย และยังความรู้ด้านการเงิน การคลังอีก
 
ส่วนการจะให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนคงไม่เหมาะสม ทั้งความรู้ด้านเศรษฐกิจ การเงิน หรือหากคิดว่า มีความเหมาะสมจริง ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการ
 
ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีหาบุคคลที่มีความเหมาะสมมานั่งขุนคลังไม่ได้ ควรพิจารณาตัวเอง ซึ่งทางออกที่ดูมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ ต้องเปลี่ยนผู้นำ ไม่เช่นนั้น เศรษฐกิจไทยจะแย่ลงกว่านี้
 
อีกทั้ง ความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศลดลงทุกวัน ซึ่งถ้านักลงทุนขาดความมั่นใจ เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นได้อย่างไร

---

'เทพไท' ปัดกบฎปชป. ยื่นแก้ม.272 เชื่อใครขวาง เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_2334914
 
เมื่อวันที่ 4 กันยายน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของเพื่อน ส.ส.พรรคปชป.บางส่วน ต่อการเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ว่า ไม่ได้เป็นกบฎของพรรคแต่อย่างใด เพราะการแก้ไขมาตรา272 สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ข้อ4 และตรงกับจุดยืนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคปชป. ที่ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขมาตรา272 กับสื่อมวลชนมาแล้วอย่างน้อย2ครั้ง ดังนั้น เพื่อนส.ส.ที่เสนอแก้ มาตรา 272 น่าจะเป็นกลุ่มพิทักษ์อุดมการณ์พรรค และจุดยืนของหัวหน้าพรรคมากกว่า จึงเห็นว่าการเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ได้เป็นไปตามหลักการและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกประการ
 
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ต่อการเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ในขณะนี้ส.ว.มีความคิดแตกต่างกันหลายรูปแบบ บางฝ่ายเห็นว่าควรรับ บางฝ่ายก็เห็นว่า ควรแก้เป็นรายมาตรา แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเลย คงมีแต่ความเคลื่อนไหวเพื่อเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา272เท่านั้น เมื่อประเมินถึงท่าทีของส.ว.ตอนนี้แล้ว กระแสต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญลดน้อยลงไปมาก มีเพียงแต่จะแก้ไขกันอย่างไรเท่านั้น ส่วนกระแสข่าวว่ามีส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อหยั่งกระแสทางการเมืองมากกว่า เพราะขณะนี้ถ้ามีกลุ่มใดต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้จะตกขบวนประชาธิปไตย เป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีในยุคนี้อย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของฝ่ายก้าวหน้ากำลังรุกไล่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างเห็นได้ชัด
 
“จากจุดเริ่มต้นที่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเด็ดขาด จนยินยอมให้แก้ไขเป็นรายมาตรา พัฒนาจนถึงแก้ไขมาตรา256 เพื่อปลดล็อควิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น และรุกคืบต่อจนถึงการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) จนบัดนี้มีการเรียกร้องให้แก้มาตรา272 เพื่อปิดสวิทซ์ ส.ว.ไม่ยอมให้เลือกนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นแล้ว และอาจจะก้าวหน้าในประเด็นอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ เพราะภายในเดือนกันยายนนี้ จะมีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอก เพื่อปิดสวิทซ์ ส.ว.อย่างแน่นอน ถ้าหากฝ่ายการเมืองทั้งรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน ตามกระแสการเมืองไม่ทัน และฝืนกระแสของสังคม ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความรุนแรง จนนำไปสู่จุดวิกฤตของบ้านเมืองได้” นายเทพไท กล่าว