ในยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ในฐานะที่โชคดีที่ทำงานใกล้บ้าน เลยอยากปรึกษาเพื่อนๆหน่อย

ตอนนี้เราเป็นคนที่โชคดีคนนึง ที่ลาออกจากบริษัทที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงของประเทศไทย
ก่อนจะเกิดโรคระบาด ซึ่งก็คือปลายปีที่ผ่านมานั่นแหละ

หลังจากที่อดทนทำอยู่ประมาณ 6 เดือน แต่รู้สึกว่าไม่ไหว และสังคมเพื่อนร่วมงานห่วยแตกที่สุด
ตั้งแต่ผู้บริหารที่มีทัศนคติติดลบ ยันเจ้านาย จนถึง รปภ ก็ตัดสินใจลาออกดีกว่า เพราะคงทนอยู่ในสังคมแบบนั้นไม่ได้และเสียสุขภาพจิต
 
ซึ่งถือว่าเราก็เก่งในระดับหนึ่งเลยขออวดนิดนึง ในเรื่องของความอดทนนะ
เพราะบอกตามตรงว่าระบบของบริษัทเก่าคือผีมาก พูดแล้วก็ตลกตัวเองทนได้ไง เพื่อนร่วมงานที่เข้ามาพร้อมกัน คือหนีหายตั้งแต่สัปดาห์แรก555

และสุดท้าย เราก็นั่งทบทวนตัวเอง มันก็ทำให้เราตัดสินใจขอลาออก แต่ก็ได้ชดเชยปกตินะ

ทีนี้ กลับบ้านต่างจังหวัด อ้อ ขอท้าวความนิดนึง พอดีเราเพิ่งเรียนจบได้เกือบ 2 ปีแล้วนะ
เป็นเด็กต่างจังหวัด ที่ห่างจากกทม 700 กิโลเมตร
พอกลับมาปุ๊ป โรคระบาดสุดแสนจะน่ารักที่ทำเรานอนอ้วนอยู่บ้านยาวเลยทีนี้ 3 เดือนนิดๆ
เพราะตอนแรกตั้งใจจะหางานอยู่แล้ว เลยได้โอกาส อ้างกับตัวเองได้เลย555555 

แต่สุดท้ายก็หางานจนได้งานแถวบ้าน แต่อยู่ในตัวเมืองนะ บ้านเราอยู่นอกเมือง ตอนนี้เช่าหออยู่ 
บริษัทมี 7 สาขา ทั่วไทย เป็นตึกแถว เงินเดือน 10,000 ไม่รวมหักประกันสังคม และทำงาน 6วันหยุดวันอาทิตย์ ไม่รวมค่าหอพักค่ากิน
ถ้าถามว่าทำไมถึงมาอยู่หอพัก คือเราทำงานเลิก 18.00 บ้านอยู่นอกเมือง ห่างจากบริษัท 35 กิโล เลยตัดสินใจอยู่หอพัก และทางบ้านก็เห็นด้วย

คือแต่ละเดือน ทุกอย่างแทบไม่เหลือเลย แต่เราก็คิดซะว่าให้อดทน ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ และขอเงินพ่อแม่ใช้ในแต่ละวัน มันน่าเกลียด
อย่างน้อยเรามาทำตรงนี้ ก็คือดีแล้ว อย่างน้อยก็รับผิดชอบตัวเองได้ แบ่งเบาภาระให้ที่บ้านได้ เราคิดแบบนี้มาตลอด 

บริษัทนี้คือบริษัทที่ 2 ในชีวิต ของชีวิตการทำงานของเรา
ตอนนี้เราทำได้เกือบ 4 เดือนแล้ว กลางเดือนนี้มีกำหนดครบโปร
ซึ่งมั่นใจว่าเราผ่านโปรแน่ๆ เพราะอะไรรู้มั้ย เพื่อนร่วมงานเรามีแต่คนขี้เกียจ
มีแต่เราทำงานงกๆคนเดียวหน้าคอม ทำเอกสารจนหัวหมุนอยู่คนเดียว
พี่ HR และพี่บัญชี ยังทักไลน์มาบอกว่าทำไมพี่เห็นเราทำงานอยู่คนเดียว (งานบริษัทคือส่งงานกันทางไลน์กรุ๊ป)
เราก็เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย จนเราแอบสะกิดไปว่า พี่ ถ้าขอขึ้นเงินเดือนกับเจ้านาย แกจะรู้สึกไม่ดีมั้ย
พี่ hr กับบัญชีบอกว่า ขอขึ้นเลย ขอเลย ขอเลย พี่ว่าเราทำงานเกินเงินเดือนมาก ขอเลย 5555 พี่บัญชีกับ hr ถึงขนาดพูดแบบนี้เลย
เพราะว่าความที่บริษัทบริหารแบบเละเทะมาก แต่เราทนมาได้จนจะครบโปรแล้ว เพราะคิดอยู่อย่างเดียวคือให้อดทน ช่วงนี้เกิดโรคระบาด
เศรษฐกิจตกต่ำมาก และเพื่อนร่วมรุ่นบางคนโชคไม่ได้ดีอย่างเรา บางคนว่างงาน บางคนขายของ บางคนรับจ้างขายหวย เด็กเสิร์ฟร้านเหล้า 
ซึ่งส่วนมากได้เงินแบบรายวัน วันละ 300 แต่เราได้เป็นเดือน แต่ก็ไม่ได้มากกว่าเพื่อนเท่าไหร่

ทีเราอยากขอขึ้นเงินเดือนกับบริษัทคือ เราทำงานคนเดียว ทั้งๆที่ตำแหน่งเราตอนนี้เคยมีประมาณ 4 คน
ตอนนี้เหลือเราคนเดียวที่ต้องปั่นเอกสารของ 3 สาขา ย้ำ 3 สาขา และทำคนเดียว!! 
แต่ตอนนี้เราคล่องขึ้นมากแล้วในเรื่องของความเร็ว และความผิดก็ลดลง จนอยู่ตัวแล้ว ตอนแรกก็ท้อว่าทำงานไม่ดีเลย จะลาออก
แต่พอเป็นงานแล้ว ความคิดนั้นมันหายไปไหนไม่รู้ แต่สิ่งที่มาใหม่คือ รู้สึกตัวเองทำงานขายร่างกายให้บริษัทมากเกินไป ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
เพราะเพื่อนร่วมงานทุกคน เห็นว่าเราขยันมาก ทำงานเหมือนกับมีพนักงานเอกสารอีก 2 คน แต่มีแค่เราคนเดียว
เราเลยอยากขอเขาขึ้นเงินเดือนให้เรา อีก 2,000 บาท เป็น 12,000 และเผื่อหักประกันสังคมด้วย

ทุกคนคิดว่ามันเหมาะสมมั้ย ถ้าเราจะขอขึ้นเงินเดือนกับเจ้านาย 
มีคนลาออกตั้ง 2 คน ในตำแหน่งเดียวกันกับเรา แต่ไม่มีการรับเพิ่ม รับยาก ถึงขั้นไม่รับเลย
งานเอกสาร มันก็มากองที่เราคนเดียว แถมต้องทำตั้ง 3 สาขา แต่เราก็ไม่เคยบ่นนะ ก็ทำไปเรื่อยๆเท่าที่ไหว เราเลยต้องเรียกร้องอะไรสักอย่าง

ซึ่งขอบอกไว้เลยว่าบริษัทเราไม่ได้โดนผลกระทบกับโควิดเลย กำไรดีมาก (พี่บัญชีบอกมา)
เอาจริงๆคือตอนนี้สนิทกับแผนกบัญชีกับพี่ HR ไปแล้วอ่ะ เม้ามอยเจ้านายสนุกมาก5555555

เจ็บต้องบอก ต้องการอะไรให้พูด เราถึงจะได้มา
ถ้าไม่พูด เขาก็จะหาว่าเราโอเค เราคิดเแบบนี้นะ55555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่