เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1991 เครื่องบิน Boeing 747-258C ของสายการบิน EL AL ISRAEL AIRLINES ทะเบียน 4X-AXD ได้บินขึ้นจากสนามบินกรุงแอดดิสอาบาบา (Addis Ababa) ประเทศเอธิโอเปีย ด้วยจำนวนผู้โดยสารมากถึง 1,086 คน (บางรายงานแสดงตัวเลขสูงสุดถึง 1,122 คน) ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่า 2 เท่า ที่เครื่องบินรุ่นนี้จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น…
(หมายเหตุ – ปัจจุบันเครื่องบินที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากที่สุด คือ Airbus 380 (two-class configuration) ของสายการบิน EMIRATES บรรทุกผู้โดยสารได้ 615 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนเพียงครึ่งเดียวของเที่ยวบินนี้เท่านั้น)
1) ในเขตแดนประเทศเอธิโอเปีย ได้มีชุมชนคนเชื้อสายยิวที่อยู่อาศัยมายาวนานเกือบ 2,000 ปี ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิอัคซุม (Aksumite Empire) ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย
2) คนเหล่านี้จะถูกเรียกว่าชาว “Beta Israel” ที่แปลว่า “ชุมชนชาวอิสราเอล” หรือ “Ethiopian Jews” ซึ่งโดยปกติจะไม่ได้รับอนุมัติให้อพยพกลับไปยังอิสราเอล แม้จะมีกฎหมายให้สามารถอพยพกลับไปตั้งถิ่นฐานได้ ในกรณีที่มีพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเป็นชาวยิว
3) แต่ในช่วงทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา เอธิโอเปียได้เกิดปัญหาความแห้งแล้งอดอยากไปทั่ว และเมื่อปี ค.ศ.1974 จักรพรรดิ Haile Selassie's สละราชบัลลังก์ เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐเมื่อปี ค.ศ.1975 จากนั้นเอธิโอเปียได้เข้าสู่ยุคการปกครองแบบเผด็จการของประธานาธิบดี Mengistu Haile Mariam ทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะมิคสัญญี เกิดความพยายามรัฐประหารหลายครั้ง ทั้งโดนรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งความขัดแย้งภายใน มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
4) จากเหตุการณ์นี้ ทำให้องค์กรชาวยิวต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลอิสราเอล เป็นห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของชาว Beta Israel ที่อาศัยอยู่ในเอธิโอเปีย ดังนั้นในปี ค.ศ.1984 รัฐบาลอิสราเอลได้ตัดสินใจอนุญาตให้หน่วยงาน Israeli Defense Forces เข้าทำภารกิจอพยพชาว Beta Israel หลายพันคนออกจากเอธิโอเปีย โดยใช้ชื่อว่า “Operation Moses” และในปี ค.ศ.1985 ก็ได้ทำภารกิจอพยพอีกครั้งในชื่อว่า “Operation Joshua” โดยภารกิจทั้ง 2 ครั้งนี้ รัฐบาลเอธิโอเปียจะอนุญาตให้อพยพชาว Beta Israel ออกไปเพื่อแลกกับอาวุธและการปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ
5) จนมาถึงปี ค.ศ.1991 รัฐบาลรักษาการของประธานาธิบดีจอมเผด็จการ Mengistu Haile Mariam ใกล้จะถูกชุดปฏิบัติการทางทหารของกบฏเอริเตรียและทิเกรย์โค่นล้ม ทำให้เกิดความสั่นคลอนต่อความสูญเสียอย่างร้ายแรงภายในประเทศ เวลานั้น Uri Lubrani นักการทูตชาวอิสราเอลได้ส่งรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ทางทหารที่เลวร้ายลงในเอธิโอเปีย และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกำหนด "แผนการฉุกเฉินเพื่อการป้องกันภัยและการอพยพชุมชนชาวยิวในเอธิโอเปีย" ต่อนายกรัฐมนตรี Yitzhak Shamir แห่งอิสราเอล ในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ.1991
6) แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน โดยรัฐบาลอิสราเอลจะจัดสรรเงิน 35 ล้านดอลลาร์ เพื่อจ่ายให้รัฐบาลเอธิโอเปียเป็นค่าขออพยพชาว Beta Israel ออกจากประเทศ จากนั้นจะมีการจัดเตรียมเครื่องบินเพื่อเป็นพาหนะขนส่งผู้อพยพ โดยปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับการวางแผนสนับสนุนทางการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญจากสหรัฐอเมริกา โดยมีการส่งจดหมายส่วนตัวจากประธานาธิบดี George H.W. Bush ไปยังรัฐบาลเอธิโอเปีย เพื่อให้ยอมจำนนและอนุญาตให้ชาวยิวอพยพออกจากเอธิโอเปียได้
7) ปฏิบัติการอพยพนั้นถูกกำหนดไว้ 2 วัน คือ 24 และ 25 พฤษภาคม ค.ศ.1991 ปฏิบัติการณ์นี้จะทำภายใต้ชื่อว่า “Operation Solomon” ซึ่งการอพยพทั้งหมดจะใช้วิธีการทางอากาศ โดยใช้เครื่องบินโบอิ้ง 707 และ 747 ของสายการบิน EL AL Israel Airlines ทั้งหมด 6 ลำ และเครื่องบิน C-130 เฮอร์คิวลิสของกองทัพอากาศอิสราเอล รวมเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการทั้งหมด 35 ลำ โดยเป้าหมายคือต้องอพยพคนให้ได้กว่า 18,000 คน
8) การปฏิบัติการเป็นไปอย่างยากลำบากในช่วงแรก เนื่องจากหอบังคับการบินแห่งแรกทางตอนเหนือของประเทศ ไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง เนื่องจากได้ถูกยึดครองโดยกลุ่มกบฏเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แต่อย่างไรก็ดี เครื่องบินเฮอร์คิวลิสลำแรกก็สามารถลงจอดที่สนามบินแอดดิสอาบาบาได้ในเวลาประมาณ 10.00 น. โดยมีการจัดระเบียบทางภาคพื้นดินที่สนามบินได้อย่างค่อนข้างดี
9) เวลานั้นผู้อพยพชาว Beta Israel ได้ถูกรวบรวมไว้เป็นกลุ่มๆโดยสถานทูตอิสราเอล และขนส่งพวกเขาไปยังเครื่องบินโดยใช้รถประจำทางที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ ซึ่งรถแต่ละคันจะถูกนำโดยทหารอิสราเอลที่มาประจำการในเอธิโอเปีย
10) และเพื่อให้สามารถรองรับผู้คนได้มากที่สุด ที่นั่งบนเครื่องบินจึงถูกถอดออก แต่แรกคาดกันว่าเครื่องบินจะรองรับผู้โดยสารได้เพียง 760 คน แต่ชาวยิวเอธิโอเปียหลายคนมีสภาพขาดสารอาหาร ทำให้มีน้ำหนักตัวเบามากจนสามารถรองรับเพิ่มได้อีกหลายร้อยคน
“ฉันจำภาพเหล่านั้นในแอดดิสอาบาบาได้อย่างชัดเจน” นักบินคนหนึ่งเล่า
“มีผู้คนจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ กำลังเดินไปที่เครื่องบินโดยจัดเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 200 คน และมีแพทย์ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”
11) โดยหนึ่งในนั้น คือ เครื่องบิน Boeing รุ่น 747-258C ของสายการบิน EL AL ISRAEL AIRLINES ทะเบียน 4X-AXD ที่ได้รับการส่งมอบเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ.1975 ตัวเครื่องติดตั้งเครื่องยนต์รุ่น Pratt & Whitney JT9D-7J ที่ให้กำลังขับ 48,650 lbf (216.4 kN) เที่ยวบินนี้ถูกอัดด้วยผู้โดยสารจำนวนมากถึง 1,086 คน (บางรายงานแสดงตัวเลขสุดสุดถึง 1,122 คน เนื่องจากมีผู้อพยพหญิงหลายคนแอบนำเด็กทารกซ่อนไว้ในห่อผ้าขึ้นไปด้วย) ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่า 2 เท่า ที่เครื่องบินรุ่นนี้จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ โดยในเที่ยวบินนี้มีเด็กทารก 2 คน ที่คลอดออกมาระหว่างเครื่องกำลังบินอยู่ ทำให้ตัวเลขผู้โดยสารไปจบที่จำนวน 1,088 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเป็นประวัติการณ์ที่จะมีเที่ยวบินใดเที่ยวบินหนึ่งจะทำลายสถิติลงได้
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เทลอาวีฟ พนักงานคนหนึ่งของสายการบิน EL AL บรรยายภาพไว้ว่า “เมื่อประตูเครื่องบินถูกเปิดออก ฉันต้องผงะ!! เมื่อพบกับทะเลแห่งผู้คนอัดแน่นอยู่ทุกหนทุกแห่ง"
12) บทสรุปของเหตุการณ์นี้ คือ เครื่องบินโบอิ้งลำแรกบินออกในเวลาเที่ยง ตามด้วยส่วนที่เหลือ จนเครื่องบิน 27 ลำ บินอยู่ในอากาศ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้สามารถขนส่งชาวยิว Beta Israel ทั้งชาย หญิง คนแก่ และเด็ก ทั้งหมดเกือบ 15,000 คน ใน 41 เที่ยวบิน โดยใช้เวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง นับเป็นเหตุการณ์แรกและเหตุการณ์เดียวที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่สามารถจัดการขนส่งจำนวนมากในเวลาอันสั้นขนาดนี้
ตามเวลาท้องถิ่น 17.00 น. ที่สนามบินกรุงเทลอาวีฟ เครื่องบินลำแรกลงจอด เด็กๆได้ถูกนำออกมาก่อน นักข่าวคนหนึ่งกล่าวว่า
“ทุกคนดูเหนื่อยและหวาดกลัว ผู้คนหนีออกจากประเทศโดยไม่เหลืออะไรเลย นอกจากเสื้อผ้าที่สวมอยู่ เด็กอยู่ใกล้ชิดกับแม่ ชายหนุ่มอุ้มพ่อสูงวัยขึ้นบ่า และทั้งคู่ก้มลงจูบผืนดินของอิสราเอล” ในขณะที่ผู้โดยสารเดินออกไปนายกรัฐมนตรี Yitzhak Shamir และเจ้าหน้าที่ของรัฐคนอื่นๆให้การทักทายพวกเขา
ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่ช่วยชีวิตผู้คนได้นับหมื่นคนอย่างไม่ต้องสงสัย และนับเป็นภารกิจทางการอพยพผู้คนในเวลาอันสั้น ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดภารกิจหนึ่งในโลก
(( ภารกิจหนีตาย )) เที่ยวบิน B747 กับการขนส่งผู้โดยสารจำนวนมากที่สุดตั้งแต่โลกนี้เคยมีมา!!!
“ฉันจำภาพเหล่านั้นในแอดดิสอาบาบาได้อย่างชัดเจน” นักบินคนหนึ่งเล่า “มีผู้คนจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ กำลังเดินไปที่เครื่องบินโดยจัดเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 200 คน และมีแพทย์ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”
ตามเวลาท้องถิ่น 17.00 น. ที่สนามบินกรุงเทลอาวีฟ เครื่องบินลำแรกลงจอด เด็กๆได้ถูกนำออกมาก่อน นักข่าวคนหนึ่งกล่าวว่า “ทุกคนดูเหนื่อยและหวาดกลัว ผู้คนหนีออกจากประเทศโดยไม่เหลืออะไรเลย นอกจากเสื้อผ้าที่สวมอยู่ เด็กอยู่ใกล้ชิดกับแม่ ชายหนุ่มอุ้มพ่อสูงวัยขึ้นบ่า และทั้งคู่ก้มลงจูบผืนดินของอิสราเอล” ในขณะที่ผู้โดยสารเดินออกไปนายกรัฐมนตรี Yitzhak Shamir และเจ้าหน้าที่ของรัฐคนอื่นๆให้การทักทายพวกเขา