หนังเก่าเล่าใหม่
162: Indiana Jones and the Last Crusade (Steven Spielberg, 1989)
Indiana Jones and the Last Crusade ความพิเศษของภาค 3 ที่เราชื่นชอบคือตัวละคร ศจ.เฮนรี โจนส์ (ฌอน คอนเนอรี่) พ่อของ อินเดียน่า โจนส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ความเข้ากันของตัวละครสองตัวนี้ทำให้ อินเดียน่า โจนส์ ภาคนี้อยู่ในความทรงจำมากกว่าภาคอื่น หนังเล่าเรื่องราวในปี 1938 เมื่อ อินเดียน่า โจนส์ ต้องออกตามหาพ่อตัวเองที่หายตัวไประหว่างการสืบหา 'จอกกาลิซ' จอกศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูใช้ในพระกระยาหารมื้อสุดท้าย จอกศักดิ์สิทธิ์นี้คือจอกที่รองรับพระโลหิตของพระองค์ตอนถูกตรึงกางเขน ซึ่งได้หายสาบสูญไปเกินพันปีที่แล้ว เบาะแสล่าสุดของการมีจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงคือ ตำนานที่เล่าขานต่อกันว่า อัศวินสามพี่น้องแห่งสงครามครูเสดเป็นผู้พิทักษ์เอาไว้ คนพี่คนแรกได้เสียชีวิตไปก่อน ส่วนอัศวินคนที่สองก่อนตายก็ได้เปิดเผยความลับให้บาทหลวงรูปหนึ่งฟัง ส่วนคนที่สามน้องคนสุดท้องไม่มีใครได้พบเจออีก เรื่องราวเล่าว่าน้องคนที่สามคือคนที่คอยปกป้องจอกนี้อยู่
ความน่าสนใจของสมบัติล้ำค่าจอกศักดิ์สิทธิ์ที่นำพาให้ผู้คนออกตามหาก็คือ ใครได้ครอบครองและดื่มน้ำจากจอก คนผู้นั้นจะเป็นอมตะ หลังจากอินเดียน่า โจนส์ ได้รับรู้ว่าพ่อตัวเองหายตัวไป เขาจึงเริ่มตามหาร่องรอยเบาะแสต่าง ๆ ที่พ่อทิ้งสมุกบันทึกไว้ให้ การผจญภัยครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ช่วงเวลาในเรื่องยังตรงกับช่วงที่นาซีมีอำนาจและยิ่งใหญ่ในขณะนั้น ทำให้ อินเดียน่า โจนส์ เข้าไปผัวพันกับทหารนาซีที่ต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์เช่นกันและถูกไล่ล่าอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีองค์กรลึกลับที่คอยกำจัดใครก็ตามที่พยายามตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ทั้งโจนส์ลูกและโจนส์พ่อ จึงต้องหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์จับพลักจับผลูเสี่ยงตายหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็ผจญภัยออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เรื่องราวในภาคนี้ ยังทำให้ตัวละคร อินเดียน่า โจนส์ มีมิติมากขึ้นด้วยการเล่าเรื่องราวย้อนวัยเด็ก และจุดเริ่มต้นการเป็นอินเดียน่า โจนส์ สีสันต่าง ๆ ที่บอกเล่าถึงตัวตนและความคิดความเชื่อมั่นต่าง ๆ ของคุณค่าทรัพย์สมบัติ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่หนังเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้เราเห็นมุมมองด้านอื่น ๆ ของตัวละครตัวนี้ ซึ่งทำให้คาแรกเตอร์ของอินเดียน่า โจนส์ เป็นตัวละครในโลกภาพยนตร์ที่คนจดจำ และเมื่อนึกถึงหนังผจญภัยล่าขุนทรัพย์ อินเดียน่า โจนส์ ก็มักจะถูกนึกถึงเป็นเรื่องแรก ๆ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครประกอบต่าง ๆ ที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ภาคนี้มีความสนุกครบรสมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า พล็อตเรื่อการผจญภัยตามหาสมบัติ ยังคงสนุกสนานไม่ว่าจะผ่านไปในยุคสมัยไหน เรายังคงตื่นเต้นกับเรื่องราวหรือการไขปริศนาต่าง ๆ และ Indiana Jones and the Last ก็มีพร้อมด้วยปริศนาที่รอการแก้ไข แม้ว่าเมื่อหยิบจับกลับมาดูใหม่ หลาย ๆ ส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้จะดูเชยไปแล้วก็ตาม แต่แง่งามของวิธีการเล่าเรื่อง การตัดสลับเหตุการณ์ และการจัดวางองค์ประกอบพร้อมสรุปจบถึงคุณค่าของสิ่งของหรือสมบัติยังคงแจ่มชัด สะท้อนผ่านเรื่องราวที่สนุกสนาน ทุก ๆ ฉากในภาคนี้สำคัญต่อพล็อตเรื่องทั้งหมด ท้ายสุด Indiana Jones and the Last จึงเป็นภาคที่เราค่อนข้างชื่นชอบและประทับใจ...
.
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 162: Indiana Jones and the Last Crusade (Steven Spielberg, 1989)
162: Indiana Jones and the Last Crusade (Steven Spielberg, 1989)
Indiana Jones and the Last Crusade ความพิเศษของภาค 3 ที่เราชื่นชอบคือตัวละคร ศจ.เฮนรี โจนส์ (ฌอน คอนเนอรี่) พ่อของ อินเดียน่า โจนส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ความเข้ากันของตัวละครสองตัวนี้ทำให้ อินเดียน่า โจนส์ ภาคนี้อยู่ในความทรงจำมากกว่าภาคอื่น หนังเล่าเรื่องราวในปี 1938 เมื่อ อินเดียน่า โจนส์ ต้องออกตามหาพ่อตัวเองที่หายตัวไประหว่างการสืบหา 'จอกกาลิซ' จอกศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูใช้ในพระกระยาหารมื้อสุดท้าย จอกศักดิ์สิทธิ์นี้คือจอกที่รองรับพระโลหิตของพระองค์ตอนถูกตรึงกางเขน ซึ่งได้หายสาบสูญไปเกินพันปีที่แล้ว เบาะแสล่าสุดของการมีจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงคือ ตำนานที่เล่าขานต่อกันว่า อัศวินสามพี่น้องแห่งสงครามครูเสดเป็นผู้พิทักษ์เอาไว้ คนพี่คนแรกได้เสียชีวิตไปก่อน ส่วนอัศวินคนที่สองก่อนตายก็ได้เปิดเผยความลับให้บาทหลวงรูปหนึ่งฟัง ส่วนคนที่สามน้องคนสุดท้องไม่มีใครได้พบเจออีก เรื่องราวเล่าว่าน้องคนที่สามคือคนที่คอยปกป้องจอกนี้อยู่
ความน่าสนใจของสมบัติล้ำค่าจอกศักดิ์สิทธิ์ที่นำพาให้ผู้คนออกตามหาก็คือ ใครได้ครอบครองและดื่มน้ำจากจอก คนผู้นั้นจะเป็นอมตะ หลังจากอินเดียน่า โจนส์ ได้รับรู้ว่าพ่อตัวเองหายตัวไป เขาจึงเริ่มตามหาร่องรอยเบาะแสต่าง ๆ ที่พ่อทิ้งสมุกบันทึกไว้ให้ การผจญภัยครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ช่วงเวลาในเรื่องยังตรงกับช่วงที่นาซีมีอำนาจและยิ่งใหญ่ในขณะนั้น ทำให้ อินเดียน่า โจนส์ เข้าไปผัวพันกับทหารนาซีที่ต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์เช่นกันและถูกไล่ล่าอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีองค์กรลึกลับที่คอยกำจัดใครก็ตามที่พยายามตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ทั้งโจนส์ลูกและโจนส์พ่อ จึงต้องหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์จับพลักจับผลูเสี่ยงตายหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็ผจญภัยออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เรื่องราวในภาคนี้ ยังทำให้ตัวละคร อินเดียน่า โจนส์ มีมิติมากขึ้นด้วยการเล่าเรื่องราวย้อนวัยเด็ก และจุดเริ่มต้นการเป็นอินเดียน่า โจนส์ สีสันต่าง ๆ ที่บอกเล่าถึงตัวตนและความคิดความเชื่อมั่นต่าง ๆ ของคุณค่าทรัพย์สมบัติ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่หนังเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้เราเห็นมุมมองด้านอื่น ๆ ของตัวละครตัวนี้ ซึ่งทำให้คาแรกเตอร์ของอินเดียน่า โจนส์ เป็นตัวละครในโลกภาพยนตร์ที่คนจดจำ และเมื่อนึกถึงหนังผจญภัยล่าขุนทรัพย์ อินเดียน่า โจนส์ ก็มักจะถูกนึกถึงเป็นเรื่องแรก ๆ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครประกอบต่าง ๆ ที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ภาคนี้มีความสนุกครบรสมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า พล็อตเรื่อการผจญภัยตามหาสมบัติ ยังคงสนุกสนานไม่ว่าจะผ่านไปในยุคสมัยไหน เรายังคงตื่นเต้นกับเรื่องราวหรือการไขปริศนาต่าง ๆ และ Indiana Jones and the Last ก็มีพร้อมด้วยปริศนาที่รอการแก้ไข แม้ว่าเมื่อหยิบจับกลับมาดูใหม่ หลาย ๆ ส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้จะดูเชยไปแล้วก็ตาม แต่แง่งามของวิธีการเล่าเรื่อง การตัดสลับเหตุการณ์ และการจัดวางองค์ประกอบพร้อมสรุปจบถึงคุณค่าของสิ่งของหรือสมบัติยังคงแจ่มชัด สะท้อนผ่านเรื่องราวที่สนุกสนาน ทุก ๆ ฉากในภาคนี้สำคัญต่อพล็อตเรื่องทั้งหมด ท้ายสุด Indiana Jones and the Last จึงเป็นภาคที่เราค่อนข้างชื่นชอบและประทับใจ...
.
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/