เหมือนเดิมนะครับ ผมเขียน review มาโดยไม่ได้ sponsor จากใคร จ่ายเองพักเอง เป็น 100% consumer review ครับ
แต่ที่เขียนยาว เพราะว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ผมรักจริงๆ ไปบ่อยกว่าที่อื่น  
วันนี้จะพามาชมห้อง Authors' suite ที่ Mandarin Oriental Bangkok กับเล่าเรื่องโรงแรมให้ฟังนิดหน่อยนะครับ
หลังจาก lifting up COVID-19 lockdown โรงแรมต่างๆ ในไทยก็เริ่มเปิดให้บริการพร้อมมี promotion หลากหลายนะครับ
ผมเองก็ยังไม่ได้มีแผนไปท่องเที่ยวทีไหนเลย อย่างน้อยก็ตั้งใจว่าไม่ไปต่างประเทศแน่นอนจนกว่าจะมีวัคซีนครับ ช่วงนี้ก็เลยมี staycation ในเมืองไทยไปก่อนครับ

ก่อนไปอ่าน ผมฝาก page ผมไว้ด้วยหน่อยนะครับ
ไป follow ไป like กันได้นะครับ 🙏😄
https://m.facebook.com/travellingboardingtime/

จุดมุ่งหมายของ staycation ที่ผมเลือกรอบนี้ก็เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในเมืองไทยครับ แถมก็ยังมีชื่อเสียงระดับโลก มีผู้มีชื่อเสียงรวมทั้งราชวงศ์และประมุขต่างๆ ของหลายประเทศเคยมาพักที่นี่ ตัวโรงแรมก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากครับ

ตัวโรงแรมมีสองฝั่งแม่น้ำ ฝั่งพระนครก็เป็นฝั่งโรงแรมที่มีสองตึก ผมก็ไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้เขาเรียกอะไร แต่ผมเรียก author’s wing หรือ garden wing แล้วก็อีกตึกที่สูงกว่าผมเรียก river wing หรือ main wing ฝั่งนี้เป็นที่ตั้งของตัวโรงแรม ห้องอาหาร Lord Jim’s ห้องอาหารมิชลินสองดาว Le Normandie ห้องอาหารที่บริการทั้งวันชื่อ Veerandah แล้วก็ Riverside Terrace ริมน้ำ ที่ส่วน buffet ริมน้ำตอนค่ำยังไม่เปิดบริการ (แล้วก็ยังมีห้องอาหารจีน The China House ห้องอาหารอิตาเลียน Ciao ซึ่งตอนนี้เป็น seasonal closed อยู่) มีอีกห้องที่เปิดใหม่พร้อมกับการ renovate ตึก river wing ใหม่เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นชื่อ Kinu by Takagi
แล้วยังมี Jazz bar ที่เยี่ยมที่สุดในไทยคือ Bamboo Bar รวมทั้งที่ฝั่ง garden wing ก็ยังมี Author’s lounge ที่ให้บริการ afternoon tea ครับ
อีกฝั่งที่ต้องนั่งเรือข้ามฟากไปเป็นฝั่งห้องอาหารศาลาริมน้ำ มี Oriental spa ที่โด่งดังของโรงแรม ได้รางวัลมากมาย บริการดี (ไว้ผมพาไปชมห้องนวดแบบ suite ครับ) และ Fitness center ครับ
ปัจจุบันโรงแรมมีการ renovate ไปแล้วสองช่วง

ช่วงแรกทำห้องใหม่ที่ garden wing ก่อนครับ เสร็จไปสักพักแล้วครับ ห้องพักที่ตึกนี้ถ้าจำไม่ผิดเมื่อก่อนใช้คำว่า premier room ครับ มีห้องเล่นระดับสองแบบ แต่ตอนนี้ทำใหม่แล้วครับ มีห้องสองแบบคือ garden room (แต่ตอนนี้โรงแรมเปลี่ยนชื่อเป็น Chaophraya room แล้ว) กับ Garden suite ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Chaophraya suite แล้ว ห้องยังมี layout การเล่นระดับหลายแบบเหมือนเดิมครับ แต่ตกแต่งใหม่สวยมากๆ ดูสว่างและทันสมัยครับ แล้วก็ audiovisual system เป็นแบบ online แล้ว (เมื่อก่อนเป็นระบบยืม DVD มาเปิด ซึ่งผมชอบมากๆ ครับ มัน classic ดีมาก)
แล้วตอนที่ยังเป็นตึกเก่าก่อน renovate จะมีห้องที่ตกแต่งแบบเก่ามาก เตียงเป็นแบบมีขาสี่ขา ห้องน้ำ ห้องแต่งตัวเป็นแบบโบราณหมดเลย ผมจำชื่อไม่ได้แม่นทั้งหมด แต่น่าจะมีห้องสี่ห้องเรียกว่า Heritage authors’ suite คือ Joseph Conrad, Somerset Maugham, Noel Coward แล้วก็ James Michener แถมห้องฝั่งสวนริมๆ อีกห้องชื่อ Adisorn lodge room
ห้องฝั่งนี้ ต่างชาติ และคนญี่ปุ่นชอบมาพักนะครับ

ผมเสียดายเหมือนกันที่ไม่มีห้องแบบโบราณแบบนี้แล้ว แต่ห้องทั้งหมดที่อยู่ชั้นสองของ Authors’ lounge ถูกเปลี่ยนเป็นห้องใหญ่ๆ สองห้องที่ connect กันได้ คือ Ambassador two-bedroom suite กับ Royal suite
หลังจากโรงแรม renovate ฝั่ง garden wing เสร็จ ก็มีทำฝั่ง river wing ครับ ซึ่งเป็นตึกสูง มีห้องพักหลายแบบมากๆ ถ้าผมจำไม่ผิด กำหนดการช้าไปพอสมควรเลยครับ ทั้งการเปิดห้องพักและห้องอาหาร Lord Jim’s แล้วเปิดมาไม่นานก็เจอ COVID-19 อีก ได้รับผลกระทบไปทั้งหมดเลย
ห้องพักฝั่ง river wing นี้หลังตกแต่งใหม่ทั้งหมด ห้องเล็กที่สุดเปลี่ยนชื่อเป็น deluxe premier room แทนชื่อเดิม มีการขยายขนาดของห้องออกไปนิดหนึ่งครับ

บางห้องมีระเบียงเล็กๆ ก็เรียกว่า deluxe balcony room แล้วก็มีการแบ่ง category ของห้องใหม่ แยกย่อยไปกว่าเดิมเยอะมากครับ เช่นตำแหน่งของห้อง executive suite เดิมก็เปลี่ยนเป็นห้อง premier one-bedroom suite ตกแต่งสีแดงสวยมากๆ ครับ แล้วก็กว้างขึ้นมากๆ ด้วย
สองห้องที่ยังเหมือนเดิมแต่ตกแต่งใหม่คือห้อง State room และ Authors’ suite (ผมจะเล่าต่อในส่วนต่อไป) ที่เป็นห้องที่หันหน้าเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นมุมห้องที่ผมว่าสวยที่สุด (ไม่นับห้องใหญ่สุดชั้นบนสุดที่ตอนนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จครับคือห้อง Oriental two-bedroom suite)
อีกสองห้องที่ผมไม่เคยพักแต่เคยเข้าไปชม อยู่ฝั่งท้ายของโรงแรม จะได้วิวแม่น้ำแบบเฉียงๆ คือ Mandarin room และ Selandia suite (ชั้นบนสุด) และมีฝั่งหนึ่งของห้อง mandarin room ได้ข่าวว่าจะเปลี่ยนเป็นห้อง Junior suite แต่ผมยังไม่เห็นเหมือนกันครับ
ชั้นบนสุดยังมีห้องที่มีความเป็นไทยมากๆ เรียกว่า Siam suite ได้ข่าวว่าก็ยังมีอยู่ ส่วนห้องชั้นบนที่มีชื่อเป็นชื่อเรือเช่น Otago, Melita, Vesatri, Natuna ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนชื่อไหมครับ

กลับมาที่ห้อง State room นะครับ ตอนนี้ floor ที่มี State room ยังไม่ได้เปิดบริการครับ (น่าจะไม่นานแล้ว)
State room อยู่แค่ชั้น 9 เพราะฉนั้นมีชั้นละ 2 ห้องครับห้องแบบนี้วิวฝั่งขวาจะเป็น French Embassy และ Icon Siam ครับ
อีกฝั่ง ถ้าไม่เปลี่ยนจะเป็นเลข _12 เช่น 812 912 ห้องแบบนี้วิวทางซ้ายจะเห็น swimming pool แล้วก็เห็น garden wing แล้วก็วิวไปทางเอเชียทีค ไปทางสะพานตากสิน (ไว้เปิดให้พักแล้วมีโอกาส ผมค่อยหาภาพมาให้ชมนะครับ)

ส่วน Authors’ suite นั้นมีหลายแบบนะครับ แต่มีแค่ 10 ห้อง แต่ละห้องจะตกแต่งไม่เหมือนกัน แม้ว่า layout จะเหมือนกัน มันเหมือนเป็น theme room ครับ ตั้งชื่อห้องตามนักเขียนต่างๆ เช่น Jim Thompson
ห้องแต่ละแบบ น้ำหนักและสัดส่วนความ contemporary หรือ modern หรือไทยๆ ก็แล้วแต่เอกลักษณ์ของแต่ละห้องครับ
ตำแหน่งห้องก็จะเหมือน state room คือห้องที่ลงท้ายด้วย 12 จะอยู่ฝั่งมองไปทางสะพานตากสิน ห้องที่ลงท้ายด้วย 10 จะหันไปทาง French embassy และ Icon Siam แต่ว่าห้อง Authors’ suite จะมีระเบียงที่กว้างมากครับ เพราะฉนั้นออกมายืนที่ระเบียง วิวจะดี กว้าง และเห็นไปทั้งสองฝั่งครับ แต่ว่าจะมองไกลไปทางไหนมากกว่าเท่านั้นเองครับ

ห้อง Authors' suite ถ้าผมจำไม้ผิดนะครับ ปัจจุบันชื่อของ 10 ห้องนี้มี
Jim Thompson
Gore Vidal
Wibur Smith
Barbara Cartland
Captain Andersen
Graham Greene
SEA write
John Le Carre
Normal Mailer แล้วก็ห้องใหม่คือห้อง Adisorn (แทนห้องเดิม) ที่ท่านเป็นหนึ่งในเจ้าของเก่าของโรงแรมครับ ห้องนี้น่าสนใจนะครับว่าจะตกแต่งออกมาเป็นอย่างไร เพราะว่าท่านชอบ pipe มาก ผมหวังว่าจะได้เห็นสมบัติของท่านมาโชว์ในห้อง

ห้อง Authors’ suite ที่ตกแต่งใหม่ ก็ใช้ระบบ AV ใหม่ครับ มีการใช้กระจกในห้องนอนมากขึ้น ทำให้ห้องดูกว้างมาก เตียงนอนของที่นี่นอนหลับสบายจริงๆ นะครับ อ่างอาบย้ำยังเป็นแบบเดิม แต่ sleeper แล้วก็ amenity เปลี่ยนไป
ผมเอาภาพ Authors’ suite ชื่อ Captain Andersen มาให้ชมกับภาพห้องอื่นๆ นะครับ ที่เคยไปพักมาส่วนหนึ่ง
แล้วยังมี Authors’s suite อีกหลายห้อง ไว้ผมเอามาให้ชมอีกนะครับ
เสน่ห์การให้บริการของ Mandarin Oriental Bangkok นั้นเยอะมากครับ โรงแรมคงมีระบบในการจดจำแขก และความชอบของแขกไว้เลย ไปไหนก็จะมีพนักงานเรียกทักทายด้วยชื่อ เวลาผมไปพัก เกือบทุกครั้งก็ไม่ต้องแจ้งว่า ผมชอบมะม่วงมากๆ ก็จะมีมะม่วงสุกปอกไว้ให้ที่ห้อง ห้องผมไม่ต้อง turn down แต่พนักงานก็จะถามซ้ำทุกครั้งเพื่อความแน่ใจหรือเผื่อผมเปลี่ยนใจ
Butler ประจำห้องถ้าเป็นคนที่เจอกันบ่อยก็จะจำรายละเอียดผมได้ พี่พนักงานที่ Front รวมทั้ง conceige รวมทั้งที่ห้องอาหาร เกือบทุกคนก็จะจำผมได้ ทักทาย แล้วให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เจอคนที่คุ้นเคยทุกๆ ครั้งเลยครับ
พนักงานร้านอาหารทุกห้องที่พบเจอ พนักงานที่สปา ก็น่ารักมากๆ ผมก็อยากชื่นชมทุกๆ คนตั้งแต่ระดับ manager ที่ผมเคยเจอจนถึงพี่พนักงานแผนกอื่นๆ ทุกคนเลยครับ


ป้ายหน้าห้องครับ


เปิดมาในห้อง มุมซ้ายเป็น counter bar  ครับ ทำให้บรรยากาศเหมือนในเรือครับ ห้องอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นตู้นะครับ มีห้องนี้ล่ะครับ ที่แปลกตาไป


มองไปทางขวาตรงข้าม counter bar  เป็นเหมือนโต๊ะทานข้าวครับ
ลืมบอกว่า มีห้องน้ำแขก (powder room) ด้วยครับ


มองย้อนไปที่โต๊ะทานข้าว (หรือนั่งทำงาน)


ห้องนั่งเล่นครับ ใหญ่โต สวยงามมากครับ


มองย้อนไปครับ จากทีวี


ห้องนอน สวยมากครับ


เตียงกว้าง หลับสบาย


Charger ที่หัวเตียงครับ


ของหวานครับ ช้างนั่น ทานได้นะครับ เป็น chocolate




การจดจำแขกที่นี่คือสุดยอดแล้ว เขาจะจำได้ว่าผมชอบมะม่วงมากๆ ครับ ทุกครั้งที่มาพัก จะมีมะม่วงให้เสมอ ขอซ้ำ butler ก็ปอกให้อีกนะครับ ที่สุดแล้วสำหรับการบริการ ผลไม้ที่ให้บนห้อง อยากทานบอก butler ได้เลยครับ เขาจะปอกให้เลย




ประวัติของห้องครับ


ระเบียง นั่งสบายมากครับ รับลม ชมวิว มองไปได้ทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่ง Shangrila และ Icon Siam  เพราะระเบียงกว้างมากๆ ครับ


ผมชอบวิวจากระเบียงมากๆ ครับ วิวพระอาทิตย์ตกพอดี




ซูมไปทางศาลาริมน้ำครับ


มองไปทาง Icon Siam จากระเบียงห้อง




ช่วงนี้ Peninsula เปิดไฟเป็นรูปหัวใจตลอดครับ


อ่างน้ำยังเหมือนเดิม


แต่ห้องน้ำ ทำใหม่ครับ


amenity เปลี่ยนแบบครับ reusable ครับ


รองเท้า sleeper นุ่ม สบาย สวยงามครับ


มองไปทางสะพานตากสิน จากระเบียงตอนกลางคืนครับ

อีกครั้งนะครับ ผมฝาก page ด้วยนะครับ ไป like ไป follow page ได้นะครับ
ชื่อ Travelling time อิ่มเที่ยว อิ่มท้องครับ
 https://m.facebook.com/travellingboardingtime