คำนาม คือ เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และชื่อเฉพาะต่างๆ
คน : boy,girl,teacher สัตว์ : ant,bird,cat สิ่งของ : bag,cart,table สถานที่ : market,school,hotel ชื่อเฉพาะ : Bangkok,Peter
ถ้าเห็นลงท้ายด้วยคำเหล่านี้จะเป็นคำนาม
ity,ment,ness,ation,hood,ship
คำนามแบ่งเป็น คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้
คำนามนับได้เรียกว่า Countable Noun แบ่งเป็น เอกพจน์ (Singular) และพหูพจน์ (Plural)
คำนามพหูพจน์ส่วนใหญ่เติม S ท้ายคำ เช่น pen-pens,ticket-tickets
มีบางส่วนที่ต้องเปลี่ยนตามกฎไวยากรณ์ ดังนี้
วิธีเปลี่ยนคำนามนับได้เอกพจน์เป็นพหูพจน์
1.ถ้าลงท้ายด้วย s,ss,x,sh,ch และ z ให้เติม es
2.ถ้าลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นพยัญชนะให้เติม es (ยกเว้นคำนามที่ข้างหน้า o เป็นพยัญชนะสามารถเติม s ได้เลย)
3.ถ้าหน้า o เป็นสระให้เติม s ได้เลย
4.ถ้าลงท้ายด้วย y แล้วหน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i เเล้วเติม es
5.แต่หากข้างหน้า y เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย
6.ถ้าลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe นั้นเป็น v แล้วเติม es ( ยกเว้นคำนามที่ข้างหน้า f เป็นพยัญขนะให้เติม s ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนเป็น v )
7.ถ้าหน้า f หรือ fe เป็นสระให้เติม s ได้เลย
8.คำนามเอกพจน์ที่เปลี่ยนรูปไปเมื่อเป็นพหูพจน์ เช่น man-men (ยกเว้นคำนามบางคำที่มาจากภาษาละตินหรือกรีก จะมีรูปพหูพจน์ตามแบบภาษาดั้งเดิม เช่น crisis-crises (ฉุกเฉิน)
9.คำนามเหล่านี้จะมีรูปเหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ deer,fish,sheep,salmon,swine
10.คำนามเหล่านี้มีรูปพหูพจน์ แต่ต้องใช้อย่างเอกพจน์ new,headquarters,means,folks,ashes,statistics,ethics,United Nations,tatics,alms
คำนามนับไม่ได้ ( Uncountable Noun )
1.สิ่งที่มีมากมายจนเรานับไม่หมด เช่น rice,sand,sugar
2.สิ่งที่รูปร่างไม่คงที่ เช่น water,coffee
3.สิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น love,freedom
บางครั้งคำนามนับไม่ได้จะใช้คำบ่งชี้ (Determiner) some/any/a little/mush เพื่อแสดงว่ามากน้อยแค่ไหน
คำนาม คืออะไร?????????
คน : boy,girl,teacher สัตว์ : ant,bird,cat สิ่งของ : bag,cart,table สถานที่ : market,school,hotel ชื่อเฉพาะ : Bangkok,Peter
ถ้าเห็นลงท้ายด้วยคำเหล่านี้จะเป็นคำนาม
ity,ment,ness,ation,hood,ship
คำนามแบ่งเป็น คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้
คำนามนับได้เรียกว่า Countable Noun แบ่งเป็น เอกพจน์ (Singular) และพหูพจน์ (Plural)
คำนามพหูพจน์ส่วนใหญ่เติม S ท้ายคำ เช่น pen-pens,ticket-tickets
มีบางส่วนที่ต้องเปลี่ยนตามกฎไวยากรณ์ ดังนี้
วิธีเปลี่ยนคำนามนับได้เอกพจน์เป็นพหูพจน์
1.ถ้าลงท้ายด้วย s,ss,x,sh,ch และ z ให้เติม es
2.ถ้าลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นพยัญชนะให้เติม es (ยกเว้นคำนามที่ข้างหน้า o เป็นพยัญชนะสามารถเติม s ได้เลย)
3.ถ้าหน้า o เป็นสระให้เติม s ได้เลย
4.ถ้าลงท้ายด้วย y แล้วหน้า y เป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i เเล้วเติม es
5.แต่หากข้างหน้า y เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย
6.ถ้าลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe นั้นเป็น v แล้วเติม es ( ยกเว้นคำนามที่ข้างหน้า f เป็นพยัญขนะให้เติม s ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนเป็น v )
7.ถ้าหน้า f หรือ fe เป็นสระให้เติม s ได้เลย
8.คำนามเอกพจน์ที่เปลี่ยนรูปไปเมื่อเป็นพหูพจน์ เช่น man-men (ยกเว้นคำนามบางคำที่มาจากภาษาละตินหรือกรีก จะมีรูปพหูพจน์ตามแบบภาษาดั้งเดิม เช่น crisis-crises (ฉุกเฉิน)
9.คำนามเหล่านี้จะมีรูปเหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ deer,fish,sheep,salmon,swine
10.คำนามเหล่านี้มีรูปพหูพจน์ แต่ต้องใช้อย่างเอกพจน์ new,headquarters,means,folks,ashes,statistics,ethics,United Nations,tatics,alms
คำนามนับไม่ได้ ( Uncountable Noun )
1.สิ่งที่มีมากมายจนเรานับไม่หมด เช่น rice,sand,sugar
2.สิ่งที่รูปร่างไม่คงที่ เช่น water,coffee
3.สิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น love,freedom
บางครั้งคำนามนับไม่ได้จะใช้คำบ่งชี้ (Determiner) some/any/a little/mush เพื่อแสดงว่ามากน้อยแค่ไหน