วันนี้ขอมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสักวันครับ

โยมิอุริแลนด์ และฮานะบิโยริ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเครือเดียวกัน คือ YOMIURILAND ตั้งอยู่ติดกัน หากเดินทางไปลงที่สถานี KEIO Yomiuriland หากเดินไปขึ้นชัตเติ้ลบัส (ฟรี วิ่งทุก 15 นาที) จะไปที่ฮานะบิโยริ แต่ถ้าขึ้นบันไดไปนั่งกระเช้าลอยฟ้า (เที่ยวเดียว 300 เยน ไปกลับ 500 เยน) จะข้ามไปที่ โยมิอุริแลนด์ครับ แต่ถ้าใครมีตั๋วคอมโบก็จะเที่ยวทั้งสองที่ได้โดยไม่ต้องแยกทางเข้ากันครับ

มาดูส่วนของสวนดอกไม้ ฮานะบิโยริ #hanabiyori กันก่อน

ภายในสวนจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ จากทางเข้า


ทางซ้ายจะเป็นโซนเนินชมวิว (Sky-Viewing Hill) มีระเบียงชมวิวริมผา สระน้ำและศิลาสลัก กับทุ่งดอกทานตะวันขนาดย่อม ถ่ายรูปพาโนรามาก็สวย ถ่ายกับดอกทานตะวันก็แจ่ม


ตรงกลางเป็นสวนหย่อมแห่งสีสัน (Alley of Colors) ล้อมรอบอาคาร Hana Biyori Hall ซึ่งจะมีการจัดการแสดงแสงสีเสียงทุก ๆ ชั่วโมง สำหรับการแสดงในวันที่ไปเป็นการแสดง Flowers & Digital Art Show ใช้เวลาแสดง 7 นาที พร้อมยังมีเวลาจัดสถานที่เตรียมการแสดง ส่วนนอกเวลาแสดงจะเปิดม่าน เพดานทึบแสง และฉากผ้าม่านออกให้สว่าง หลังฉากฉายโปรเจคเตอร์เป็นเวิร์คช็อปจัดดอกไม้ในขวด ตู้ปลา ตู้ตัวนาก ร้านสตาร์บั๊คพร้อมที่นั่งแบบท่ามกลางต้นไม้ต่าง ๆ หรือจะนั่งโต๊ะที่มีน้ำพุไหลก็ยังได้ มีต้นไม้ในกระถางห้อยลงมาจากเพดานด้วย ภายในมีห้องน้ำ แต่ถ้าใครเกิดอยากเข้าตอนที่ข้างในจัดการแสดงอยู่ ไปเข้าที่ตู้คอนเทนเนอร์ได้ครับ ภายในสะอาดเหลือเชื่อด้วย


ทางขวาเป็นโซนสวนป่าศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Forest) สำหรับช่วงที่ไปเป็นช่วงที่จัดงานกระดิ่งลมพอดี เป็นจุดน่าถ่ายรูปมาก ยิ่งถ้าสวมยูกาตะมายิ่งเหมาะ เลยไปอีกจะเป็นสวนญี่ปุ่น อุโบสถกับเจดีย์พระธาตุบนเนิน และรูปปั้นต่าง ๆ เกี่ยวทางพระพุทธศาสนา บรรยากาศร่มรื่น มีเสียงน้ำตกและธรรมชาติ ให้ความเป็นวิถีเซนอย่างยิ่ง

หากเดินทะลุไปด้านหลังก็จะไปในส่วนของสวนสนุกได้ครับ จุดเชื่อมจะลอดใต้รถไฟเหาะอันใหญ่ของที่นี่ครับ แล้วจะไปโผล่ที่สวนบาร์บีคิว Ju-Ju

มาดูในส่วนของ โยมิอุริแลนด์ #yomiuriland กันบ้าง

ถ้ามาจากทางฮานะบิโยริ หลังเลย Ju-Ju มาก็จะพบร้านมากมายคล้ายบ้านในป่า เลยมาหน่อยจะเป็นลานกว้าง Sun Square ที่มีรูปปั้นมาสคอตสุนัขขนาดใหญ่ ส่วนทางซ้ายจะเป็น Flag Street ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นต่าง ๆ ครับ ทางขวาจะไปชิงช้าสวรรค์ ถ้าตรงไปจะไปที่ทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากับทางเข้าสวนน้ำครับ

แต่ไฮไลต์ของที่นี่คือเครื่องเล่น Bandit ที่เห็นได้จากแทบทุกที่ในทั้งสองส่วน เพราะรางรถไฟเหาะนี้มันสูงและใหญ่มาก แถมตั๋วเครื่องเล่นยังแพงที่สุด คือ 1,000 เยน จุดติดต่อขึ้นนั่งอยู่ก่อนถึง Flag Street มีสองแบบให้เลือก คือ Splash (มีการยิงน้ำพุ อาจจะเปียกเล็กน้อย) กับแบบธรรมดา นั่งไม่ทันถึง 5 นาทีก็จบครับ แต่สูงจริงอะไรจริง เขาบอกช่วงโควิด-19 ไม่ให้กรี๊ดกัน คนก็ยังกรี๊ดกันเต็ม ๆ (เงียบอยู่คนเดียว)

ใน Flag Street มีให้เล่นหลายอย่างครับ ทั้งเรือไวกิ้งที่เรียกว่า Looping Starship รถไฟเหาะตีลังกา MOMOnGA ที่ให้เลือกได้ว่าจะเอาแบบนั่งหรือยืน โปตาร์ท บ้านผีสิง  Hyu~doro ที่จัดธีม “กระเป๋าของทาเอะซัง” เป็นเรื่องสยองที่แต่งขึ้นครับ...
ว่าแล้วก็จัดแปลเรื่องให้เลยสักคร่าว ๆ นะครับ 5555

ทาเอะซังเป็นพนักงานใหม่ในบริษัทที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มี “เพื่อน” เป็นตุ๊กตาที่เธอพกมาและเก็บไว้ในล็อคเกอร์ประจำ จนเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบความโลกส่วนตัวสูงของเธอนำเอาตุ๊กตาไปซ่อน เธอหยุดงานไปหลายวัน จนกลับมาใหม่พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ บอกว่าเจอ “เพื่อนใหม่” แล้ว
จากนั้นคนในบริษัทก็ค่อย ๆ หายสาบสูญไปทีละคน จนคนที่เอาตุ๊กตาไปซ่อนเริ่มสงสัยว่าในกระเป๋านั้นมีอะไร แต่ยังไม่ทันจะได้รู้ ทาเอะซังก็จับเธอทำเป็น “เพื่อน” ไปอีกคน... 

หากเดินจนทะลุ Flag Street ไปก็จะเป็นประตูออกทิศตะวันออก แต่หากเลี้ยวซ้ายก่อนก็จะเป็นโซน Ran Ran ที่มีเครื่องเล่นอย่าง Drop Zone สองแบบ ม้านั่งหมุนครึ่งวงกลมที่ชื่อ Hashibiro GO! ที่ทำเอาท้องไส้ปั่นป่วนเพราะมันบีบหน้าท้องสุด ๆ ...
ถึงจุดนี้แทบเป็นลมจากเครื่องเล่นอันสุดท้าย สวนน้ำก็ไม่ได้เตรียมชุดมา เลยขอนั่งกระเช้าลอยฟ้ากอนโดล่ากลับอย่างทุรนทุราย เพราะสวนฮานาบิโยริปิดตอน 5 โมงเย็น เดินผ่านไม่ได้แล้ว

ชมวิวบนกระเช้าไปพลาง ๆ ลงปุ๊บ เดินลงบันไดหน่อยก็ถึงสถานี KEIO Yomiuriland แล้วครับ กลับมานอนซมให้อวัยวะภายในกลับที่เดิมก่อนสักงีบครับ
แต่รวม ๆ แล้วก็สนุกมากครับ ใช้เวลาทั้งวันคุ้มเลยครับ