ตามหัวข้อเลยครับ
โดยส่วนตัวผมเอง ผมชอบดูหนังในโรงภาพยนตร์อยู่แล้วครับ แต่จะเลือกดูเฉพาะหนังฟอร์มใหญ่ นักแสดงดังๆแสดง ดูชื่อค่ายหนังและตัวผู้กำกับ เพราะ แต่ก่อนอยากดูเรื่องอะไรดูหมดไม่สนใจคะแนนหนังกับคำวิจารณ์มากนัก แต่พอไปดูจริงๆหลายเรื่องก็ทำผมผิดหวังไปเยอะพอสมควร ช่วง 3-4 ปีหลังเลยเลือกดูหนังหน่อย
ชื่อนักแสดงนำสำคัญมากสำหรับผม เช่นหนังเรื่องไหนขึ้นชื่อนักแสดงนำอย่าง ทอม ครูซ, ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, แบรด พิตต์, ทอม แฮงค์, แมตต์ เดม่อน, เดนเซล วอชิงตัน ผมตีตั๋วเข้าไปดูหนังแบบไม่ยากเลย แต่ก็มีบ้างที่หลายครั้งแม้หนังได้นักแสดงดังคุณภาพไปแสดงแต่ตัวหนังก็เล่าเรื่องไม่สนุกชวนหลับก็มี
สำหรับผมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาก็มีหนังหลายเรื่องที่ดูจาก tralier และคะแนนวิจารณ์ในเว็บ IMDB และ Rotten Tomatoes ดูดี แต่พอไปดูจริงๆกลับผิดหวังมีเรื่องดังต่อไปนี้ครับ
- 007 Spectre (2015)
เป็นหนังเจมส์ บอนด์ ลำดับภาคที่ 24 และเป็นภาคที่ 4 ที่แดเนี่ยล เคร็กแสดงในบทบาทสายลับ 007 เป็นหนังที่ผมคาดหวังเป็นอย่างมากว่ามันจะออกมาดีที่สุด เพราะ หนังสามภาคก่อนหน้า ผมดูจบแล้วชอบมาก โดยเฉพาะภาค Casino Royale กับภาค Skyfall คือ ทำออกมาได้ดีทุกองค์ประกอบสูสีกันมาก ส่วนภาค Quantum Of Solace ที่หลายคนไม่ชอบ แต่ผมกลับชอบภาคนี้นะ ดูแล้วรู้สึกมีจุดที่ชวนติดตาม ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครในหนัง แต่สำหรับหนังบอนด์ภาค Spectre ผมชอบแค่ฉากเปิดเรื่องที่ถ่าย long take หลังจากจบฉากนั้นก็รู้สึกหนังเล่าเรื่องดร็อปลงตลอดเลย
แต่หนังภาคนี้คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes ดีอยู่นะครับ แต่สำหรับผมเอง ผมไม่ชอบภาคนี้เท่าไหร่ หลายอย่างมันไม่ค่อย make sense และเนื้อหาของหนังมันเดาทางง่ายไป ถ้าเทียบกับตัวหนังสามภาคแรกเล่าเรื่องได้เจ๋งกว่าเยอะ + ออกแบบฉากแอ็คชั่นได้ดีกว่า
- A Good Day To Die Hard (2013)
เป็นหนัง Die Hard ลำดับภาคที่ 5 ที่ผมคาดหวังว่ามันจะออกมาดี เพราะ ตัวหนังสี่ภาคแรกผมดูวนบ่อยมาก ชอบมากๆ เนื้อเรื่องสนุก แอ็คชั่นมัน หนังบันเทิงเต็มที่ แต่พอภาคนี้แค่พล็อตเรื่องก็ไม่ผ่านแล้ว มันหลุด concept เดิมของหนังชุดนี้ไปอย่างสิ้นเชิง หนังพยายามแต่เร้าสถานการณ์ให้นำไปสู่ฉากแอ็คชั่นมากเกินไปจนเนื้อเรื่องดูดร็อปลงเรื่อยๆ แถมหนังเดาทางง่ายมาก บทแย่ ฉากแอ็คชั่นก็ดูเว่อร์เกินตัวหนังสี่ภาคแรกมากไป จากหนังแอ็คชั่นตำรวจปราบผู้ร้ายกลายเป็นหนังคู่หูพ่อลูกสายลับกู้โลกไปแล้ว ผมไม่อินกับเนื้อหาและฉากแอ็คชั่นในหนังภาคนี้เลยครับ ผิดหวังมาก
- The Mummy (2017)
เป็นหนังในรอบหลายปีที่ทอม ครูซแสดงที่ผมดูแล้วรู้สึกหนังมันไม่สนุกเลย ปกติเป็นแฟนหนังทอม ครูซมาตั้งแต่ยุค Top Gun ติดตามผลงานการแสดงหนังของแกมาตลอด มีน้อยเรื่องมากที่ดูแล้วไม่สนุก ไม่ชอบ แต่ก็มีหนังเรื่องนี้แหละ ที่ผมดูแล้วไม่อินและไม่รู้ว่าทีมงานผู้สร้างหนังดึงเอานักแสดงแม่เหล็กของวงการอย่างทอม ครูซมาฆ่าในหนังเรื่องนี้รึเปล่า
ดูไปก็แบบ...เมื่อไหร่จะจบ หนังจะมาแนวไหนกันแน่ จะมาแนวสยองก็ไปไม่สุด แอบมีซีนคอมเมดี้แฝง แต่ก็ไม่เข้ากับตัวหนัง และก็มีฉากแอ็คชั่นที่โปรยมาว่าทอมแสดงเองทุกฉากเช่นเคยเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ แต่ไปดูจริงๆฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้มันดูธรรมดาไปแถมใส่มาไม่ถูกจังหวะในหนัง บางซีนมาฮาแต่ใส่แอ็คชั่นแบบขัดๆลงไป นี่มันอะไรกัน จักรวาล Dark Universe พอกันที แค่เปิดหนังจักรวาลเล่นเอาทอม ครูซมาแสดงแต่ทำดูมั่วๆไงไม่รู้ ผมผิดหวังมากกับหนังเรื่องนี้ครับ อยากย้อนเวลาเอาเวลา 2 ชั่วโมงที่ดูไปคืนมา
- Justice League (2017)
เป็นหนึ่งในตราบาปของผมเลยที่ตัดสินใจไปดูหนังเรื่องนี้ คือ โดยรวมหนังเรื่องนี้ไม่มีจุดไหนที่ดูแล้วชวนง่วงเลยนะ แต่บทหนัง ตัวละครต่างๆ มันปูบทอะไรต่างๆไม่ดีเลย ตัวเป็นแฟนหนังซุปเปอร์ฮีโร่ค่าย DC นะ และก่อนหน้านี้ได้ดู Man Of Steel กับ Batman V Superman : Dawn Of Justice แล้วคือชอบมาก เลยคาดหวังกับหนังภาคต่อนี้ที่จั่วมาว่าจะรวมพลซุปเปอร์ฮีโร่ฝั่ง DC แบบในหนัง The Avengers ของค่าย Marvel แต่ดูไปดูมา คือ หนังพยายามเล่าเรื่องในมุมมองที่เอียงไปทาง Marvel เยอะ ใส่มุกตลก เนื้อหาดาร์กๆที่เป็นจุดขายของค่าย DC ไม่มีเลย แถมหลายตัวละครในเรื่องทำอะไรดูไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร ผมไม่ติดอะไรกับ CGI ของหนวดพี่ซุปนะ แต่ติดปัญหาตรงบทหนังที่แย่นี่แหละและมนต์เสน่ห์ของหนัง DC เดิมๆมันหายไป ผิดหวังมาก
- Once Upon A Time In Hollywood (2019)
เป็นหนังของผู้กำกับ เควนติน ทารานติโน่ ที่ผมชอบน้อยที่สุดในจำนวน 9 เรื่องที่แกกำกับ คือ ผมดูไปแล้วรู้สึกตัวหนังมันไม่มีจุดให้ชวนติดตามเลย หนังเล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยไปเรื่ิอยๆ ช่าๆ น่าเบื่อมาก เหมือนหนังขายฉากการทำโปรดักชั่นมากกว่าขายเนื้อเรื่อง การแสดงของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ กับ แบรด พิตต์ ในหนังเรื่องนี้ผมมองว่าก็แสดงงั้นๆแหละ ถ้าเทียบกับผลงานการแสดงหนังเก่าๆของทั้งคู่ คือ ผ่านการแสดงบทที่แสดงอารมณ์ได้ดีกว่าเรื่องนี้เยอะ ยังงงๆอยู่ว่า แบรด พิตต์ชนะออสการ์จากหนังเรื่องนี้ได้ไง เห็นบทที่แกแสดงไม่มีอะไรเลย เดินไปเดินมา เก๊กหน้าหล่อๆ ฟิตหุ่นโชว์กล้าม นอกนั้นไม่มีอะไรให้จดจำเลยกับหนังเรื่องนี้สำหรับผม ผิดหวังพอสมควร
- The Post (2017)
เป็นหนังที่ขึ้นชื่อว่า ทอม แฮงค์ แสดงนำ และกำกับโดย สตีเว่น สปิลเบิร์ก ซึ่งทั้งคู่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของผลงานอยู่แล้วและผลงานก่อนหน้าที่ทั้งคู่ร่วมกันทำก็ออกมาดีเลิศไร้ที่ติ แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมดูจบแล้วรู้สึกมันขาดๆเกินๆไงไม่รู้ ตัวหนังเล่าเรื่องได้แบบไม่กระจ่าง ดูมีปมเยอะและแตกปมเหล่านั้นให้คนดูเข้าใจได้ไม่ดีพอ หนังอิงจากการเมืองในยุค 70 ของประเทศสหรัฐอเมริกาและสร้างมาจากเหตุการณ์จริงของเรื่องราวการตีแผ่เอกสารลับแต่หนังเล่าเรื่ิองผูกปมระหว่างตัวละครมากไป มันไ่ม่โฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่งให้ชัดเจน ผมดูไปส่ายหน้าไป เพราะ ดูไม่เข้าใจเลย ขนาดตั้งใจดูนะ เป็นหนังที่น่าผิดหวังสำหรับผมเรื่องหนึ่งเลย ปกติดูหนังของทอม แฮงค์น้อยเรื่องมากที่จะไม่ชอบ
- Glass (2019)
หนังภาคต่อจากเรื่อง Unbreakable และ Spilt ซึ่งสองเรื่องก่อนทำไว้ดีมาก แต่มาภาคนี้ผมชอบแค่ครึ่งแรกของหนังเท่านั้น ช่วงหลังหนังทำไม่สนุกเลยสำหรับผม หลายอย่างมันไม่ make sense เอาซะเลย แถมตัวละครที่เชียร์มาทั้งเรื่องกลับเอาไปยำเละซะไม่ให้คนดู feel good บ้างเลย การหักมุมจบของหนังเรื่องนี้ ถ้าเทียบกับมาตรฐานเดิมของผู้กำกับ เอ็ม ไนท์ ชลามานฮาน ก็ถือว่าเรื่องนี้ยังไม่พีคและทำผมเซอร์ไพร์สได้อย่างหนังเรื่อง The Sixth Sense กับเรื่อง Unbreakable ที่ทำตอนจบหักมุมได้เหนือชั้นกว่ามาก เรื่องนี้มันไม่ถึงกับแย่ แต่ผมว่าครึ่งเรื่องหลังมันไม่สนุกเลยดูแล้วอารมณ์อินมันไปไม่สุด แอบผิดหวัง
ก็มีประมาณนี้ครับสำหรับผม ที่ไปดูในโรงภาพยนตร์แล้วรู้สึกผิดหวัง แล้ว้พื่อนๆมีเรื่องอะไรกันบ้างมาแชร์กันครับ
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีหนังเรื่องไหนบ้างที่คุณคาดหวังว่าจะออกมาดีแต่พอดูในโรงภาพยนตร์จริงๆกลับรู้สึกผิดหวัง
โดยส่วนตัวผมเอง ผมชอบดูหนังในโรงภาพยนตร์อยู่แล้วครับ แต่จะเลือกดูเฉพาะหนังฟอร์มใหญ่ นักแสดงดังๆแสดง ดูชื่อค่ายหนังและตัวผู้กำกับ เพราะ แต่ก่อนอยากดูเรื่องอะไรดูหมดไม่สนใจคะแนนหนังกับคำวิจารณ์มากนัก แต่พอไปดูจริงๆหลายเรื่องก็ทำผมผิดหวังไปเยอะพอสมควร ช่วง 3-4 ปีหลังเลยเลือกดูหนังหน่อย
ชื่อนักแสดงนำสำคัญมากสำหรับผม เช่นหนังเรื่องไหนขึ้นชื่อนักแสดงนำอย่าง ทอม ครูซ, ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, แบรด พิตต์, ทอม แฮงค์, แมตต์ เดม่อน, เดนเซล วอชิงตัน ผมตีตั๋วเข้าไปดูหนังแบบไม่ยากเลย แต่ก็มีบ้างที่หลายครั้งแม้หนังได้นักแสดงดังคุณภาพไปแสดงแต่ตัวหนังก็เล่าเรื่องไม่สนุกชวนหลับก็มี
สำหรับผมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาก็มีหนังหลายเรื่องที่ดูจาก tralier และคะแนนวิจารณ์ในเว็บ IMDB และ Rotten Tomatoes ดูดี แต่พอไปดูจริงๆกลับผิดหวังมีเรื่องดังต่อไปนี้ครับ
- 007 Spectre (2015)
เป็นหนังเจมส์ บอนด์ ลำดับภาคที่ 24 และเป็นภาคที่ 4 ที่แดเนี่ยล เคร็กแสดงในบทบาทสายลับ 007 เป็นหนังที่ผมคาดหวังเป็นอย่างมากว่ามันจะออกมาดีที่สุด เพราะ หนังสามภาคก่อนหน้า ผมดูจบแล้วชอบมาก โดยเฉพาะภาค Casino Royale กับภาค Skyfall คือ ทำออกมาได้ดีทุกองค์ประกอบสูสีกันมาก ส่วนภาค Quantum Of Solace ที่หลายคนไม่ชอบ แต่ผมกลับชอบภาคนี้นะ ดูแล้วรู้สึกมีจุดที่ชวนติดตาม ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครในหนัง แต่สำหรับหนังบอนด์ภาค Spectre ผมชอบแค่ฉากเปิดเรื่องที่ถ่าย long take หลังจากจบฉากนั้นก็รู้สึกหนังเล่าเรื่องดร็อปลงตลอดเลย
แต่หนังภาคนี้คะแนนในเว็บ Rotten Tomatoes ดีอยู่นะครับ แต่สำหรับผมเอง ผมไม่ชอบภาคนี้เท่าไหร่ หลายอย่างมันไม่ค่อย make sense และเนื้อหาของหนังมันเดาทางง่ายไป ถ้าเทียบกับตัวหนังสามภาคแรกเล่าเรื่องได้เจ๋งกว่าเยอะ + ออกแบบฉากแอ็คชั่นได้ดีกว่า
- A Good Day To Die Hard (2013)
เป็นหนัง Die Hard ลำดับภาคที่ 5 ที่ผมคาดหวังว่ามันจะออกมาดี เพราะ ตัวหนังสี่ภาคแรกผมดูวนบ่อยมาก ชอบมากๆ เนื้อเรื่องสนุก แอ็คชั่นมัน หนังบันเทิงเต็มที่ แต่พอภาคนี้แค่พล็อตเรื่องก็ไม่ผ่านแล้ว มันหลุด concept เดิมของหนังชุดนี้ไปอย่างสิ้นเชิง หนังพยายามแต่เร้าสถานการณ์ให้นำไปสู่ฉากแอ็คชั่นมากเกินไปจนเนื้อเรื่องดูดร็อปลงเรื่อยๆ แถมหนังเดาทางง่ายมาก บทแย่ ฉากแอ็คชั่นก็ดูเว่อร์เกินตัวหนังสี่ภาคแรกมากไป จากหนังแอ็คชั่นตำรวจปราบผู้ร้ายกลายเป็นหนังคู่หูพ่อลูกสายลับกู้โลกไปแล้ว ผมไม่อินกับเนื้อหาและฉากแอ็คชั่นในหนังภาคนี้เลยครับ ผิดหวังมาก
- The Mummy (2017)
เป็นหนังในรอบหลายปีที่ทอม ครูซแสดงที่ผมดูแล้วรู้สึกหนังมันไม่สนุกเลย ปกติเป็นแฟนหนังทอม ครูซมาตั้งแต่ยุค Top Gun ติดตามผลงานการแสดงหนังของแกมาตลอด มีน้อยเรื่องมากที่ดูแล้วไม่สนุก ไม่ชอบ แต่ก็มีหนังเรื่องนี้แหละ ที่ผมดูแล้วไม่อินและไม่รู้ว่าทีมงานผู้สร้างหนังดึงเอานักแสดงแม่เหล็กของวงการอย่างทอม ครูซมาฆ่าในหนังเรื่องนี้รึเปล่า
ดูไปก็แบบ...เมื่อไหร่จะจบ หนังจะมาแนวไหนกันแน่ จะมาแนวสยองก็ไปไม่สุด แอบมีซีนคอมเมดี้แฝง แต่ก็ไม่เข้ากับตัวหนัง และก็มีฉากแอ็คชั่นที่โปรยมาว่าทอมแสดงเองทุกฉากเช่นเคยเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ แต่ไปดูจริงๆฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้มันดูธรรมดาไปแถมใส่มาไม่ถูกจังหวะในหนัง บางซีนมาฮาแต่ใส่แอ็คชั่นแบบขัดๆลงไป นี่มันอะไรกัน จักรวาล Dark Universe พอกันที แค่เปิดหนังจักรวาลเล่นเอาทอม ครูซมาแสดงแต่ทำดูมั่วๆไงไม่รู้ ผมผิดหวังมากกับหนังเรื่องนี้ครับ อยากย้อนเวลาเอาเวลา 2 ชั่วโมงที่ดูไปคืนมา
- Justice League (2017)
เป็นหนึ่งในตราบาปของผมเลยที่ตัดสินใจไปดูหนังเรื่องนี้ คือ โดยรวมหนังเรื่องนี้ไม่มีจุดไหนที่ดูแล้วชวนง่วงเลยนะ แต่บทหนัง ตัวละครต่างๆ มันปูบทอะไรต่างๆไม่ดีเลย ตัวเป็นแฟนหนังซุปเปอร์ฮีโร่ค่าย DC นะ และก่อนหน้านี้ได้ดู Man Of Steel กับ Batman V Superman : Dawn Of Justice แล้วคือชอบมาก เลยคาดหวังกับหนังภาคต่อนี้ที่จั่วมาว่าจะรวมพลซุปเปอร์ฮีโร่ฝั่ง DC แบบในหนัง The Avengers ของค่าย Marvel แต่ดูไปดูมา คือ หนังพยายามเล่าเรื่องในมุมมองที่เอียงไปทาง Marvel เยอะ ใส่มุกตลก เนื้อหาดาร์กๆที่เป็นจุดขายของค่าย DC ไม่มีเลย แถมหลายตัวละครในเรื่องทำอะไรดูไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร ผมไม่ติดอะไรกับ CGI ของหนวดพี่ซุปนะ แต่ติดปัญหาตรงบทหนังที่แย่นี่แหละและมนต์เสน่ห์ของหนัง DC เดิมๆมันหายไป ผิดหวังมาก
- Once Upon A Time In Hollywood (2019)
เป็นหนังของผู้กำกับ เควนติน ทารานติโน่ ที่ผมชอบน้อยที่สุดในจำนวน 9 เรื่องที่แกกำกับ คือ ผมดูไปแล้วรู้สึกตัวหนังมันไม่มีจุดให้ชวนติดตามเลย หนังเล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยไปเรื่ิอยๆ ช่าๆ น่าเบื่อมาก เหมือนหนังขายฉากการทำโปรดักชั่นมากกว่าขายเนื้อเรื่อง การแสดงของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ กับ แบรด พิตต์ ในหนังเรื่องนี้ผมมองว่าก็แสดงงั้นๆแหละ ถ้าเทียบกับผลงานการแสดงหนังเก่าๆของทั้งคู่ คือ ผ่านการแสดงบทที่แสดงอารมณ์ได้ดีกว่าเรื่องนี้เยอะ ยังงงๆอยู่ว่า แบรด พิตต์ชนะออสการ์จากหนังเรื่องนี้ได้ไง เห็นบทที่แกแสดงไม่มีอะไรเลย เดินไปเดินมา เก๊กหน้าหล่อๆ ฟิตหุ่นโชว์กล้าม นอกนั้นไม่มีอะไรให้จดจำเลยกับหนังเรื่องนี้สำหรับผม ผิดหวังพอสมควร
- The Post (2017)
เป็นหนังที่ขึ้นชื่อว่า ทอม แฮงค์ แสดงนำ และกำกับโดย สตีเว่น สปิลเบิร์ก ซึ่งทั้งคู่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของผลงานอยู่แล้วและผลงานก่อนหน้าที่ทั้งคู่ร่วมกันทำก็ออกมาดีเลิศไร้ที่ติ แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมดูจบแล้วรู้สึกมันขาดๆเกินๆไงไม่รู้ ตัวหนังเล่าเรื่องได้แบบไม่กระจ่าง ดูมีปมเยอะและแตกปมเหล่านั้นให้คนดูเข้าใจได้ไม่ดีพอ หนังอิงจากการเมืองในยุค 70 ของประเทศสหรัฐอเมริกาและสร้างมาจากเหตุการณ์จริงของเรื่องราวการตีแผ่เอกสารลับแต่หนังเล่าเรื่ิองผูกปมระหว่างตัวละครมากไป มันไ่ม่โฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่งให้ชัดเจน ผมดูไปส่ายหน้าไป เพราะ ดูไม่เข้าใจเลย ขนาดตั้งใจดูนะ เป็นหนังที่น่าผิดหวังสำหรับผมเรื่องหนึ่งเลย ปกติดูหนังของทอม แฮงค์น้อยเรื่องมากที่จะไม่ชอบ
- Glass (2019)
หนังภาคต่อจากเรื่อง Unbreakable และ Spilt ซึ่งสองเรื่องก่อนทำไว้ดีมาก แต่มาภาคนี้ผมชอบแค่ครึ่งแรกของหนังเท่านั้น ช่วงหลังหนังทำไม่สนุกเลยสำหรับผม หลายอย่างมันไม่ make sense เอาซะเลย แถมตัวละครที่เชียร์มาทั้งเรื่องกลับเอาไปยำเละซะไม่ให้คนดู feel good บ้างเลย การหักมุมจบของหนังเรื่องนี้ ถ้าเทียบกับมาตรฐานเดิมของผู้กำกับ เอ็ม ไนท์ ชลามานฮาน ก็ถือว่าเรื่องนี้ยังไม่พีคและทำผมเซอร์ไพร์สได้อย่างหนังเรื่อง The Sixth Sense กับเรื่อง Unbreakable ที่ทำตอนจบหักมุมได้เหนือชั้นกว่ามาก เรื่องนี้มันไม่ถึงกับแย่ แต่ผมว่าครึ่งเรื่องหลังมันไม่สนุกเลยดูแล้วอารมณ์อินมันไปไม่สุด แอบผิดหวัง
ก็มีประมาณนี้ครับสำหรับผม ที่ไปดูในโรงภาพยนตร์แล้วรู้สึกผิดหวัง แล้ว้พื่อนๆมีเรื่องอะไรกันบ้างมาแชร์กันครับ