ไทยติดโควิดเพิ่ม 5 ราย จากโอมาน/ตุรกี/อินโดนีเซียและสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด โดยเดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine โดยมาจากประเทศโอมาน 1 ราย ตุรกี 1 ราย อินโดนีเซีย 2 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย ส่วนในประเทศยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 92 สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,402 ราย วันนี้มีรายงานผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 7 ราย รวมจำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,229 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยา บาล 115 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย มีรายละเอียดดังนี้....✏
1.รายแรก เดินทางกลับจากโอมาน เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางถึงไทยวันที่ 17 ส.ค.63 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย) และเข้าพักใน State Quarantine ใน จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 ส.ค.ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
2.รายที่ 2 เดินทางกลับจากตุรกี เป็นหญิงไทย อายุ 47 ปี อาชีพพนักงานสปา เดินทางถึงไทยวันที่ 19 ส.ค.เข้าพักใน State Quarantine ใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
3.รายที่ 3-4 เดินทางมาจากอินโดนีเซีย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 27 ปีและหญิงไทย อายุ 20 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 20 ส.ค.เข้าพักใน state quarantine ใน จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 23 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
4. รายที่ 5 เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา เป็นชายไทย อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 23 ส.ค.โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่าให้ประวัติว่าเคยป่วยเป็น covid 19 จึงตรวจหาเชื้อในวันที่ 23 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันสะสมแบ่งตามพื้นที่ ดังนี้ กรุงเทพฯ และนนทบุรี 1,834 ราย / ภาคเหนือ 95 ราย / ภาคกลาง 617 ราย / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย / ภาคใต้ 744 ราย
นอกจากนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้รายงาน จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมใน สถานกักกันโรคของรัฐที่ส่วนกลางและจังหวัด Stage and Local Quarantine Sites ถึง 25 สิงหาคม 2563 พบผู้ป่วยแล้ว 465 ราย
https://siamrath.co.th/n/177303
ครม. เคาะงบฯ 1พันล้านบาท ให้ไทยผลิต-ร่วมลงทุนกับนานาชาติในการผลิตวัคซีนโควิด-19
25 ส.ค.63 ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข ขอจัดสรรงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อให้ไทยได้ลงทุนกับนานาชาติในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดและบริษัทในประเทศอังกฤษ ว่า
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อนุมัติงบประมาณเงินกู้สนับสนุน 1 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่เราสามารถดำเนินการเองได้โดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่กำลังดำเนินการผลิต อีกช่องทางหนึ่งคือ ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด โดยการทำข้อตกลงเพื่อให้เขาดำเนินการจัดสรรโควต้า เมื่อได้วัคซีนต้นแบบแล้ว อาจจะมีเงื่อนไขว่าให้เขาจำหน่ายให้เราในราคาต้นทุน และอีกส่วนหนึ่งคือไทยผลิตเองโดยใช้งบประมาณไม่มาก โดยมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ส่งเสริม
ทั้งนี้โดยรวมคือ ใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท ที่ครม.ได้อนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง 3 ส่วนดังกล่าวข้างต้นสามารถดำเนินการไปได้ ส่วนไหนสามารทำได้ก่อนให้ดำเนินการ ซึ่งในส่วนของไทยที่จะผลิตเองนั้น จะทำให้ไทยมีวัคซีนได้เร็วสุดกลางปีนี้ ช้าสุดกลางปี 2564 และในส่วนที่จะร่วมกับต่างประเทศ เชื่อว่าจะดำเนินการได้เร็วเช่นได้
https://www.komchadluek.net/news/regional/441425?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_ข่าวทั่วไป
ค่อนข้างชัวร์ ! ผลวิจัยเบื้องต้น พบ"สารสกัดฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์รักษาโควิดได้ "เตรียมเข้าสู่วิจัยขั้นที่2 อาสาสมัคร 60 คนในเดือนก.ย.
25 ส.ค.63 - นายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าการวิจัยฟ้าทะลายโจรกับการรักษาไวรัสโควิด-19 ว่า....📌
พบว่าสามารถรักษาได้ โดยจากการทดลองเบื้องต้น พบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดจากเซลล์หนึ่งไปสู่อีกเซลล์ได้ในร่างกายมนุษย์ จึงเข้าสู่การทดลองในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย-ปานกลาง จำนวน 6 คน โดยได้เตรียมใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรในความเข้มข้น 3 เท่า(180 มิลลิกรัม/วัน) และ 5 เท่าจากปกติ(ในสารสกัดฟ้าทะลายโจร มีสารแอดโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) 20 มิลลิกรัม) แต่ผลปรากฏว่าใช้ในระดับความเข้มข้น 3 เท่า ก็พบว่าอาการดีขึ้น โดยเฉพาะอาการไอ ทั้งในส่วนปริมาณการไอและความรุนแรงของอาการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญภายใน 3 วัน พอเข้าสู่ช่วง 5 วัน อาการอื่นๆ ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และทำการตรวจ RT-PCR ก็พบว่าผลเป็นลบ ถึง 2 คน หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ก็ตรวจ RT-PCR อีกครั้ง พบว่าทั้ง 6 คน ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถยืนยันในการรักษาได้ เพราะเป็นการวิจัยในระยะเบื้องต้น
ในส่วนการวิจัยต่อระยะที่ 2 ที่จะเริ่มต้นเดือนกันยายน 2563 จำนวน 60 คน โดยจะทำในพื้นที่โรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี โรงพยาบาลชลบุรี และโรงพยาบาลสมุทรปราการ ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่ความเข้มข้น 3 เท่าเหมือนเดิม ส่วนอีกกลุ่มจะได้รับเม็ดยาหลอก ในระยะเวลา 5 วันเท่ากัน เพื่อเปรียบเทียบในการรักษาหากพบว่าส่วนที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจรมีอาการดีขึ้นมากกว่าอีกกลุ่ม ก็อาจจะบอกได้ว่ายาฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องรอผลการวิจัยที่ชัดเจนกว่านี้ ดังนั้นหากประชาชนมีอาการเป็นไข้หวัด เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้รีบรับประทานฟ้าทะลายโจรในขนาดปกติก่อน หากทานต่อเนื่อง 2-5 วันไม่ดีขึ้น ก็จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
http://www.thaipost.net/main/detail/75515
🔴มาลาริน/25ส.ค.ไทยพบโควิด 5 ราย จากตปท. ครม. อนุมัติ1พันล้านให้ใช้ผลิตวัคซีน ค่อนข้างชัวร์! ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดคืบ
ไทยติดโควิดเพิ่ม 5 ราย จากโอมาน/ตุรกี/อินโดนีเซียและสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด โดยเดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine โดยมาจากประเทศโอมาน 1 ราย ตุรกี 1 ราย อินโดนีเซีย 2 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย ส่วนในประเทศยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 92 สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,402 ราย วันนี้มีรายงานผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 7 ราย รวมจำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,229 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยา บาล 115 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย มีรายละเอียดดังนี้....✏
1.รายแรก เดินทางกลับจากโอมาน เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางถึงไทยวันที่ 17 ส.ค.63 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย) และเข้าพักใน State Quarantine ใน จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 ส.ค.ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ
2.รายที่ 2 เดินทางกลับจากตุรกี เป็นหญิงไทย อายุ 47 ปี อาชีพพนักงานสปา เดินทางถึงไทยวันที่ 19 ส.ค.เข้าพักใน State Quarantine ใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
3.รายที่ 3-4 เดินทางมาจากอินโดนีเซีย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 27 ปีและหญิงไทย อายุ 20 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 20 ส.ค.เข้าพักใน state quarantine ใน จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 23 ส.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
4. รายที่ 5 เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา เป็นชายไทย อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 23 ส.ค.โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่าให้ประวัติว่าเคยป่วยเป็น covid 19 จึงตรวจหาเชื้อในวันที่ 23 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันสะสมแบ่งตามพื้นที่ ดังนี้ กรุงเทพฯ และนนทบุรี 1,834 ราย / ภาคเหนือ 95 ราย / ภาคกลาง 617 ราย / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย / ภาคใต้ 744 ราย
นอกจากนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้รายงาน จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมใน สถานกักกันโรคของรัฐที่ส่วนกลางและจังหวัด Stage and Local Quarantine Sites ถึง 25 สิงหาคม 2563 พบผู้ป่วยแล้ว 465 ราย
https://siamrath.co.th/n/177303
ครม. เคาะงบฯ 1พันล้านบาท ให้ไทยผลิต-ร่วมลงทุนกับนานาชาติในการผลิตวัคซีนโควิด-19
25 ส.ค.63 ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข ขอจัดสรรงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อให้ไทยได้ลงทุนกับนานาชาติในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดและบริษัทในประเทศอังกฤษ ว่า
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อนุมัติงบประมาณเงินกู้สนับสนุน 1 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่เราสามารถดำเนินการเองได้โดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่กำลังดำเนินการผลิต อีกช่องทางหนึ่งคือ ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด โดยการทำข้อตกลงเพื่อให้เขาดำเนินการจัดสรรโควต้า เมื่อได้วัคซีนต้นแบบแล้ว อาจจะมีเงื่อนไขว่าให้เขาจำหน่ายให้เราในราคาต้นทุน และอีกส่วนหนึ่งคือไทยผลิตเองโดยใช้งบประมาณไม่มาก โดยมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ส่งเสริม
ทั้งนี้โดยรวมคือ ใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท ที่ครม.ได้อนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง 3 ส่วนดังกล่าวข้างต้นสามารถดำเนินการไปได้ ส่วนไหนสามารทำได้ก่อนให้ดำเนินการ ซึ่งในส่วนของไทยที่จะผลิตเองนั้น จะทำให้ไทยมีวัคซีนได้เร็วสุดกลางปีนี้ ช้าสุดกลางปี 2564 และในส่วนที่จะร่วมกับต่างประเทศ เชื่อว่าจะดำเนินการได้เร็วเช่นได้
https://www.komchadluek.net/news/regional/441425?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_ข่าวทั่วไป
ค่อนข้างชัวร์ ! ผลวิจัยเบื้องต้น พบ"สารสกัดฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์รักษาโควิดได้ "เตรียมเข้าสู่วิจัยขั้นที่2 อาสาสมัคร 60 คนในเดือนก.ย.
25 ส.ค.63 - นายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าการวิจัยฟ้าทะลายโจรกับการรักษาไวรัสโควิด-19 ว่า....📌
พบว่าสามารถรักษาได้ โดยจากการทดลองเบื้องต้น พบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันการติดจากเซลล์หนึ่งไปสู่อีกเซลล์ได้ในร่างกายมนุษย์ จึงเข้าสู่การทดลองในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย-ปานกลาง จำนวน 6 คน โดยได้เตรียมใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรในความเข้มข้น 3 เท่า(180 มิลลิกรัม/วัน) และ 5 เท่าจากปกติ(ในสารสกัดฟ้าทะลายโจร มีสารแอดโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) 20 มิลลิกรัม) แต่ผลปรากฏว่าใช้ในระดับความเข้มข้น 3 เท่า ก็พบว่าอาการดีขึ้น โดยเฉพาะอาการไอ ทั้งในส่วนปริมาณการไอและความรุนแรงของอาการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญภายใน 3 วัน พอเข้าสู่ช่วง 5 วัน อาการอื่นๆ ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และทำการตรวจ RT-PCR ก็พบว่าผลเป็นลบ ถึง 2 คน หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ก็ตรวจ RT-PCR อีกครั้ง พบว่าทั้ง 6 คน ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถยืนยันในการรักษาได้ เพราะเป็นการวิจัยในระยะเบื้องต้น
ในส่วนการวิจัยต่อระยะที่ 2 ที่จะเริ่มต้นเดือนกันยายน 2563 จำนวน 60 คน โดยจะทำในพื้นที่โรงพยาบาลบางละมุง จ.ชลบุรี โรงพยาบาลชลบุรี และโรงพยาบาลสมุทรปราการ ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่ความเข้มข้น 3 เท่าเหมือนเดิม ส่วนอีกกลุ่มจะได้รับเม็ดยาหลอก ในระยะเวลา 5 วันเท่ากัน เพื่อเปรียบเทียบในการรักษาหากพบว่าส่วนที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจรมีอาการดีขึ้นมากกว่าอีกกลุ่ม ก็อาจจะบอกได้ว่ายาฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องรอผลการวิจัยที่ชัดเจนกว่านี้ ดังนั้นหากประชาชนมีอาการเป็นไข้หวัด เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้รีบรับประทานฟ้าทะลายโจรในขนาดปกติก่อน หากทานต่อเนื่อง 2-5 วันไม่ดีขึ้น ก็จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
http://www.thaipost.net/main/detail/75515