https://www.facebook.com/119067444824615/posts/3459353220796004/



Meet the Idol
(บทแรกในเล่ม)
--- 
การพยักหน้าครั้งนั้นทำให้เกิดเป็นหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
 
เมื่อผมบอกกับเฌอปรางอารีย์กุลกัปตันวงBNK48 ว่าหากจะเขียนหนังสือสักเล่มเกี่ยวกับเธอเนื้อหาในนั้นคงไม่ได้มีเฉพาะด้านสวยงามแต่ต้องเผยให้เห็นมุมเปราะบางบาดแผลความล้มเหลวและด้านสีเทาของหญิงสาวที่คนจำนวนมากมองว่าเป็น‘ไอดอล’ ด้วย
 
“หนังสือเล่มนี้ต้องมีความเป็นมนุษย์ถึงจะน่าอ่าน” ผมวงเล็บกับตัวเองในใจไว้ว่า(ไม่ใช่หนังสือที่เขียนถึงนางฟ้าไร้ที่ติ) เฌอปรางมองหน้าผมเหมือนจะมีคำถามว่า“ด้านไม่สวยงามที่พี่หมายถึงมันคือแค่ไหน” แต่ไม่ได้ถามออกมาเธอพยักหน้าแล้วบอกว่า“ได้สิก็ลองดูค่ะ”
...
 
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบและพูดคุยแบบตัวเป็นๆกับไอดอลสาวที่มีแฟนคลับติดตามผลงานตามช่องทางโซเชียลมีเดียเฉียดล้านคนแม้เธอไม่ได้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มคุ้นตาในแบบที่พบเห็นบนเวทีหรือในเอ็มวียอดหลายล้านวิวแต่มาในมาดเด็กสาวที่ห่มร่างด้วยเสื้อผ้าหลวมโพรกสเว็ตเตอร์ตัวใหญ่กางเกงยีนส์แต่งหน้าบางๆทว่าก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่แผ่ลามออกมาจากตัวเธอนาทีนั้นผมไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรส่วนหนึ่งอาจเป็นความมั่นใจเต็มร้อยความกล้าหาญที่ไม่มีวี่แววกลัวกังวลคนแปลกหน้าอีกส่วนอาจมาจาก‘ความเป็นเฌอปราง’ ซึ่งมีออร่าซูเปอร์สตาร์จากชื่อเสียงทั้งที่ตัวเธอเองมิได้พยายามเปล่งประกายมันออกมา
 
คุยด้วยไม่กี่คำก็สัมผัสได้ว่าคนคนนี้เป็นคนมั่นใจกล้าคิดกล้าพูดและด้วยบุคลิกเช่นนี้อาจทำให้คนอยู่ใกล้บางคนรู้สึกว่าเธอใส่ใจความรู้สึกคนอื่นน้อยไปสักนิด“สิ่งที่หนูอยากมีเพิ่มคือempathy” เธออยากมีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น“แปลว่าคิดว่าตัวเองใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นน้อยเกินไปอย่างนั้นเหรอ” ผมถาม“ใช่เฌอรู้ตัวแต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วนะคะ” เธอยิ้มยอมรับในจุดบกพร่อง
 
ใช่ครับ, ผมเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำถามว่า“เฌอปรางมีข้อเสียอะไรบ้าง” เป็นเหมือนอุปกรณ์ที่หยั่งลงไปภายใต้ภาพลักษณ์น่ารักสดใสหน้าตาสะสวยคิดดีเรียนเก่งความพยายามเป็นเลิศและความดีงามอีกสารพัดที่เรามองเห็นกันผ่านสื่อและสิ่งที่ไอดอลแสดงออกให้เราเห็นว่าเธอยินดีเผยด้านอื่นๆของตัวเองมากน้อยแค่ไหนแล้วผมก็พบว่าความน่าสนใจของเฌอปรางคือความกล้าหาญนี่เอง
 
ว่าแต่, เธอได้ความกล้าหาญที่ว่านี้มาจากไหนอะไรเป็นสิ่งที่ก่อร่างสร้าง‘ไอดอล’ คนหนึ่งขึ้นมากระทั่งเป็นในแบบที่เราเห็นกันอยู่การพบกันครั้งแรกเป็นเพียงแค่ทำความรู้จักเบื้องต้นนาทีนั้นผมไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะสามารถสร้างบทสนทนาที่ชวนให้ไอดอลสาวเปิดเผยเรื่องราวในชีวิตหรือความรู้สึกที่แท้จริงได้มากน้อยเพียงใดแต่หลังจากการพูดคุยกันไม่นานนักผมรู้สึกได้ว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมายซ่อนอยู่ภายใต้บุคลิกอาโนเนะเหมือนเด็กซึ่งเก็บซ่อนความเป็นผู้นำแบบผู้ใหญ่เอาไว้ไม่มิดขอเพียงแค่เธอยินดีเล่าเรื่องราว‘ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง’ เราคงมีเรื่องให้คุยกันมากมายและเพื่อนผู้อ่านคงได้รู้จัก‘เฌอ’ มากกว่าที่เคยเห็น
...
 
ผมทราบดีว่าการเขียนหนังสือ‘เฌอปราง’ ไม่ใช่ภารกิจง่ายดายเพราะมีโอตะหรือแฟนคลับมากมายรออ่านอยู่สัมผัสได้ถึงความคาดหวังน้ำหนักหลายตันบนบ่าแต่ทันทีที่ตกปากรับคำผมตั้งใจกับตัวเองว่าจะทำให้ดีที่สุดซึ่งในวันแรกที่พบกันผมก็บอกเล่าความกังวลใจไปเช่นกันเฌอปรางตอบกลับมาว่า“สิ่งที่เราทำมันจะมีคนชอบและไม่ชอบเสมอค่ะเราไม่มีทางไปบังคับจิตใจใครได้พี่แค่เขียนให้ดีที่สุดในแบบที่พี่คิดถ้ามันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” นั่นคือคำพูดของหญิงสาวอายุ23 ปีบอกกับผู้ชายวัย41 ปี
 
นาทีนั้นผมเริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของโอตะที่ได้รับพลังพิเศษจากไอดอลขณะเดียวกันผมก็สนใจเหลือเกินว่าเด็กสาวคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนในการพูดแนะนำคนที่หายใจอยู่บนโลกนี้มานานกว่าเธอเกือบหนึ่งเท่าแล้วผมก็ได้คำตอบว่ามันไม่เกี่ยวเลยว่าใครจะแก่กว่าหรือเด็กกว่าคนบางคนมีพลังบางชนิดที่ส่งมอบให้คนอื่นได้จริงๆเหมือนเส้นทางชีวิตได้บ่มเพาะเขามาให้มีคุณสมบัตินั้น
 
ในความเป็นเด็กสาวธรรมดาเฌอปรางก็มีความเป็นไอดอล
ในความเป็นไอดอลเฌอปรางก็มีความเป็นเด็กสาวธรรมดา
หนังสือเล่มนี้วิ่งเล่นอยู่ระหว่างสองพื้นที่อันน่าอัศจรรย์นั้น

--------------------------------------------------------------------------------


.
.
เตรียมพบกับ‘SOFT POWER’ 

หนังสือเล่มแรกที่จะพาไปรู้จักตัวตนและอีกด้านของ‘ความไม่สมบูรณ์แบบ’ ของเฌอปราง อารีย์กุลหรือ เฌอปรางBNK48 ผ่านปลายปากกาของนิ้วกลม

Pre-Oder 25 สิงหาคม2563 


.
.
ข้างในเล่มมี ภาพประกอบสวยๆ ของเฌอปรางทั้งนั้น ของมันต้องมี