สาเหตุแห่งการทำโฆษณา ด้วย digital media จึงทรงพลังยิ่ง | โคตรเซียนการตลาด | episode 18

กระทู้สนทนา

สาเหตุแห่งการทำโฆษณา ด้วย digital media จึงทรงพลังยิ่ง
สำหรับเครื่องมือที่เรียกได้ว่าเป็นนวตกรรมเปลี่ยนโลกธุรกิจอย่างแท้จริง
เรียกได้ว่าเป็นการปฎิวัติการทำธุรกิจในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตั้งแต่สมัยทีวีเลยก็ว่าได้

เนื่องด้วยเหตุเพราะว่าไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถที่จะเผยแพร่อะไรซักอย่างออกไปได้ด้วยตัวเองทั้งหมด

โดยที่ไม่ต้องพึ่งใครอีกเลย 

แค่เพียงคุณนั้นมีโทรศัพท์ internet และ หรือ บัตรเครดิต
ในกรณีที่คุณนั้นต้องการเพิ่มการเข้าถึง

ซึ่งในปัจจุบันคุณแค่ไปเปิดบัญชี กสิกร และให้เค้านั้นสมัคร kcyber 
คุณก็จะสามารถเปิดใช้งานบัตร
kweb shoppingcard ที่จะสามารถใช้แทนบัตรเครดิตได้ทันที
เรื่องบัตรเครดิตจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

และคุณนั้นก็สามารถที่จะสร้างและเผยแพร่เรื่องราวใดๆก็ได้ตามที่คุณนั้นต้องการ 

ขอเพียงแค่ไม่ผิดกฏนโยบายของระบบ

คุณก็สามารถที่จะนำส่งเรื่องราวเหล่านั้น 
ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีให้คุณน้นเลือกสรรได้อย่างมากมาย
โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นโฆษณา เสียด้วยซ้ำ 
ตามแต่ที่คุณนั้นต้องการและมองว่าตอบโจทย์ในสิ่งที่คุณต้องการ

ซึ่งเมื่อมองในมุมของธุรกิจ 
นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ 
จากในสมัยก่อนที่การที่ธุรกิจจะเผยแพร่ข่าวสารอะไรออกไปนั้น 

ช่างยากเย็นเหลือเกิน 

ไม่ว่าจะเป็น tv วิทยุ นิตยสาร หนังสือพิมพ์
ล้วนมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา และ ราคา ที่แพง

ไม่สามารถที่จะเล่าเรื่องอะไรเพิ่มเติมได้มากมาย 
นอกเสียจากมุ่งไปที่วัตถุประสงค์หลัก
นั่นก็คือการขาย

แต่ปัจจุบันเราได้มี digital media ที่ผู้คนนั้นหลงไหลกันสุดๆ
ต่างพากันจดจ้องจ้องมองเข้าไปยังโลกดิจิตอลที่เฉิดฉายแสง
สีสันออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพกพา

เพราะว่ามีเรื่องราวที่ใครก็สามารถที่จะเผยแพร่ออกไปได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการอะไรให้ยุ่งยาก

ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่เสียเงิน 

ทำให้ผู้คนสามารถที่จะทำ content อะไรก็ได้ 
มากเท่าไหร่ ก็ได้ และจะเลือกโฆษณาหรือไม่โฆษณานั้นก็สุดแล้วแต่

ซึ่งเมื่อมีเนื้อหาที่ออกมาตรง และมากมาย ต่อผู้บริโภคนั้น
ก็จะเกิดภาวะเสพติด กล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหล่านั้น 
เฉกเช่นในปัจุจุบัน
เพราะเพียงแค่เลือก control กดติดตามและเลิกติดตามเพียงเท่านั้น
และระบบ machine learning เกื้อหนุน
ในหน้า feed ของคุณนั้นมีแต่เรื่องราวที่คุณนั้นสนใจ

และคาดว่าจะมากขึ้นไปเรื่อยๆเพียงแต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบ device และพัฒนา โปรแกรม ในเรื่องของรูปแบบและประสิทธิภาพ

แต่คงจะลากยาวกันไปด้วยระบบ digital อย่างแน่นอน

เพราะว่าระบบ digital นั้น เป็นพื้นที่ไม่จำกัด 
ตามหน่วย harddisk ที่เจ้าของระบบอย่าง google และ Facebook นั้น มีสำรองอยู่อีกอย่างมากมาย

ตราบใดที่ยังมีผู้ใช้บริการระบบของเค้าอยู่ 

ซึ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน

อันเพราะว่าการเข้าถึงในปัจจุบันนั้นมากล้น พุ่งทะยาน ด้วยสาเหตุดังที่เรานั้นบอกไป

และระบบก็เอาสิ่งที่เรียกว่า ข้อมูล และ พฤติกรรม เหล่านั้น
มาขายผู้ลงโฆษณายังไงล่ะ

สิ่งนี้เรียกว่า win win win situation 
ผู้ให้บริการได้ค่าโฆษณา
ผู้มาลงโฆษณาได้ผลลัพธ์
ผู้เล่นได้ล่องลอยอยู่ในโลกที่ตัวเองนั้นต้องการ
ซึ่งนี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ระบบนี้เติบโต

เพราะผู้เล่นได้เข้าใช้งานฟรี ไม่ว่าจะเป็น google และ Facebook 
chrome andriod profile page group ล้วนฟรีทั้งสิ้น

เพื่อระบบจะสร้าง traffic
และที่เหนือกว่านั้นคือ ระบบ digital นั้น
สามารถที่จะ track ข้อมูล ทั้งสิ้น อะไรก็ตามที่วิ่งอยู่ในระบบของเค้าหล่าวนั้นล้วน track ได้ทั้งสิ้น เพราะ base สุดท้ายก็คือ 0 กับ 1 นั่นเอง

นำมาประมวลผล และแยกรายละเอียดได้อย่างละเอียดที่สุด
 
นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อแต่เป็นไปแล้ว

ที่พลิกโฉมหน้า media อย่างแนบเนียน

ด้วยการที่เรานั้นสามารถที่จะจำกัดความสนใจของตัวโฆษณาของเรา
และระบบก็จะไปหาคนที่น่าจะชอบโฆษณาของเรา 
และสอดแทรกเข้าไปอย่างแนบเนียนที่สุด
และผลลัพธ์ที่เกิดก็คือ
1 ไม่ดูเป็นโฆษณาแบบยัดเยียด 
2 กลุ่มเป้าหมาย active เพราะเป็นเรื่องที่เค้านั้นสนใจ

จึงเป็นสาเหตุให้การลงโฆษณาของผู้ที่จ่ายเงินให้ระบบนั้น
ประสบความสำเร็จ
ในช่วงแรก

เพราะว่าอะไร

เพราะว่าคนมาลงโฆษณายังไม่เยอะยังไงล่ะ

แต่ช่วงที่ 2
ก็คือเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา 
ที่เมื่อคนกลุ่มแรกรวยกันไปแล้ว 
ก็ทยอยทำตามกลายเป็นมาแข่งขันกัน bid 
ทำให้ค่าโฆษณาแพงขึ้นเป็นก้าวกระโดด

และมาถึง
ช่วงที่ 3 ที่เป็นการปฎิวัติการทำธุรกิจ
ผ่านช่วง ไวรัส ที่เผยโฉมหน้าการทำธุรกิจในยุคต่อไป
เพราะว่าการทำ offline ไม่แน่นอนอีกต่อไป 
หลากหลายธุรกิจทาง offline ต้องทยอยปิดหน้าร้าน
หรือเลิกกิจการไปเลย อย่างมากมาย 
และในปัจจุบันนี้สถานการณ์ก็ยังไม่คลี่คลายและมองไม่เห็นจุดจบ

จึงเป็นสาเหตุให้ จากธุรกิจที่จริงจังเรื่องการทำ digital จริงจังมากขึ้น
ธุรกิจที่ไม่จริงจังก็หันมาจริงจัง 
และธุรกิจที่ไม่เคยทำ ก็หันมาทำ

จึงเข้าสู่ยุคใหม่ของการทำธุรกิจ 
ที่ถ้าเป็นในภาวะปกติการที่จะมาถึงจุดนี้
อาจต้องใช้เวลาถึง 10 ปี 

แต่ในปัจจุบันจากวิกฤต lockdown ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน ด้วยความถี่รายวัน
ให้ตบเท่าเข้าสู่โลกดิจิตอลอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้
ไม่งั้นอยู่บ้านทั้งวันจะทำอะไร ด้วยความถี่ทุกวัน และแทบจะทำวันนี้
ได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้ของผู้คน 
จากติด ให้ติดมาก 
จากติดน้อย ให้ติดมากขึ้น 
จากไม่เคยเล่นเลยให้เข้ามาเล่น
และที่สำคัญที่สุดคือ พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ 
จากผู้ที่ไม่เคยก็ต้งอมาซื้อ

เรียกได้ว่าในปัจจุบันคนที่ไม่เคยซื้อของออนไลน์ก็เหลือเพียงแค่คนที่ไม่มีเงินเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจบนโลกดิจิตอลจึงได้ผ่านยุคที่ 
ยิงๆไปเถอะ เดี๋ยวก็มีคนซื้อ
ไปแสนไกล

จริงๆยุคหลัง หลังจากการมาของ shopping app มาถึงที่มีระบบคืนเงินนั้น

ก็ทำให้การทำธุรกิจบนโลกดิจิตอลยากมากขึ้น

คือคุณไม่สามารุถที่จะไปขายโต้งๆได้อีกต่อไป 
เพราะกลุ่มเป้าหมายก็จะไป search ในพวก shopping app
ที่โหมจัดโปรไมชั่นกันอย่างกระหน่ำเพื่อดึงคนไปให้เกิดพฤติกรรมการซื้อของจากระบบว่าได้สินค้าจริง
และถ้าไม่พอใจหรือไม่ได้สินค้าก็คืนเงินจริง

และเจอสินค้าที่ต่อท่อตรงมาจากจีนในราคาถูกกว่าคุณครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

เพราะเค้ามีคนงานยังไงล่ะ 
เค้าจึงไม่กลัวที่จะต้องมานั่งpackของเอง 
ได้กำไรนิดหน่อยก็เอาหมด

แล้วยังไง

คุณนั้นก็ต้องทำสิ่งที่เหนือกว่าการไปทำโฆษณาขายโต้งๆยังไงล่ะ

และที่เรานั้นอยากที่จะนำเสนอคุณก็คือสิ่งที่เรียกว่า 
กลยุทธ์ 
ที่หลายๆคนหัวเราะเยาะว่า

อย่ามาโม้เลย มันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เนื้อหาสวยหรูที่ทำไม่ได้จริง

การทำธุรกิจจะไปมีอะไรนอกเสียจากการเพิ่มคุณภาพและปรับลดราคาลง

ซึ่งแท้จริงแล้วนั่นเป็นรูปแบบของการทำธุรกิจในยุคแรกตะหากล่ะ
ยุคแรกคือการผลิต และเมื่อมีคนผลิตมาก จึงวิวัฒน์
ยุคสองคือการขาย และเมื่อมีคนขายมาก จึงวิวัฒน์
ยุคสาม คือการตลาด และเมื่อมีคนการตลาดมาก จึงวิวัฒน์
ยุคที่สี่คือการ branding

ซึ่งเราจะมาเน้นกันที่ยุค 3 และ 4 

เพราะด้วยเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมดังที่เรานั้นได้บอกไปข้างบนทำให้เรานั้นสามารถที่จะ target กลุ่มเป้าหมาย
และนำส่ง storytelling ด้วย content marketing เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ค่อยๆซึมซับรายละเอียด

ที่บอกเล่าถึงความยอดเยี่ยมของสินค้าและบริการของเราได้

คุณคิดว่าคนที่ซื้อกระเป๋า louis vuitton เค้าเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นก่อนซื้อมั้ยล่ะ 
(อาจมีแต่เป็นส่วนน้อนแน่นอน)

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องการนั้นก็คือ
การ branding ด้วยหลักการตลาด

อันมีกลยุทธ์อยู่อย่างมากมายที่สามารถที่จะนำมาไล่เรียง และนำไปใช้ได้จริง

หามิใช่คำพูดสวยหรูที่เรียงรายอยู่ในหนังสือสอนการทำการตลาดที่หน้าปกมีภาพอันสวยงามของผู้สอน

แต่เนื้อหาข้างในใแต่สอนยิง ads 

ซึ่งการทำ digital marketing นั้น แท้จริงก็คือ digital + marketing
digital media คือส่วนหนึ่งของ digital ซึ่งไม่ได้ไปแตะในส่วนของ marketing เลยซักนิด

เพราะฉะนั้น จึงมีมากมายที่ไปหลงเชื่อผู้ไม่รู้จริงที่ประโคมเสื้อผ้าหน้าผม ต้องการที่จะเฉิดฉายในอะไรซักอย่าง

ซึ่งในที่นี้ก็คือการเอา digital marketing มาเป็นพรอบ 

และมาพ่นแต่เรื่องการยิง ads เพราะว่าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ
ใดๆทั้งสิ้น

เพียงแค่มากดๆปุ่มให้ดูก็ได้เฉิดฉายอยู่ในหน้าหนังสือหรือตามเวทีต่างๆ

เนื่องมาจากที่ฐานะดีอยู่แล้วหรือได้คู่ครองที่มีฐานะ 
ก็ตามแต่
หรือด้วยการระดมยิง ads เพื่อโปรโมทตัวเองต่อผู้ที่ไม่รู้เรื่อง marketing

ซึ่งก็เป็นเรื่องของเค้า

แต่ที่เรามาบอกก็คือ

เรามีวิธีที่แตกต่างกว่านั้น

คือเรานั้นจะใช้สิ่งที่เรียกว่า กลยุทธ์ทางการทำการตลาด เพื่อปลายทางด้านการขาย
นำส่งข้อมูลสินค้าหรือบริการของคุณ ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ตาม marketing funel ด้วยหลักการ customer journey
โดยนำส่ง content ไปอย่างหลากหลายรูปแบบ 
แต่ตรงตาม customer persona หลากหลายกลุ่ม
เพื่อผลลัพธ์ปลายทางคือยอดขาย
โดยใช้ digital media นั่นเอง

ซึ่งวิธีการที่เป็นส่วนผสม หรือสาร ในกลยุทธ์นี้นั้นที่เราเลือกขึ้นมาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย

ซื้อด้วยคุณค่า หามิใช่ คุณภาพและราคา เป็นหลัก

ก็คือการทำ content marketing ด้วย storytelling เพื่อ branding โดยเน้นปลายทางที่การขาย ด้วย digital media นั่นเอง

ซึ่งเรานั้นได้มีการทำ รายละเอียด เพื่อแจกแจงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียดและเป็นหมวดหมู่

จากความรู้ที่เรานั้น
ได้เรียนจบมาทางด้านการตลาดโดยตรง
ได้ search google ศึกษามา
ได้ search youtube ศึกษามา
ได้ ซื้อคอร์สออนไลน์ ศึกษามา
ได้ซื้อหนังสืออ่านมา

มาผสมกับประสบการณ์การทำงานทางด้าน การตลาด การขาย digital marketing อย่างยาวนาน

มาสรุปเป็นเนื้อหาให้คุณนั้นสามารถที่จะดูจบแล้วเข้าใจได้ทันที 
สามารถที่จะเอาไปใช้จริงได้ทันที

ถ้าคุณบอกว่างั้นผมไปซื้อหนังสือมาอ่านเองก็ได้
เราก็จะบอกว่าเอาเลย

ถ้าคุณนั้นไม่ใช่หนอนหนังสือหรือเป็นพวกฝักใฝ่ในเรื่องการตลาด
โหยหากัดกินเรื่องการตลาดอย่างขาดไม่ได้ปานจะลงแดง 
เราให้ไม่เกิน 3 หน้า หรือ 3 วัน

สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่