ไม่คิดว่าตัวเองจะอยากเขียนอะไรหลังจากดูซีรีส์เรื่องนี้จบ แต่ความรู้สึกนึกคิดต่างๆก็พรั่งพรูออกมาถามตอบกับตัวเอง คนหลายๆคนที่เราพบเจอ บ้างครั้งดี บางครั้งแย่ เป็นการแสดงออกที่น่าเกลียด คำพูดร้ายๆ ทำลายน้ำใจคนรอบข้างมีอยู่ให้ถมถืดไป ลองตั้งสติคิด ทำความเข้าใจ คนเหล่านั้น ในด้านมืดชีวิตที่ติดลบ ถูกกระทำ ย่อมมีทัศนคติที่บิดเบี้ยวกับสังคมรอบตัว ทำให้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องสร้างเกราะกำบังไว้เป็นอาวุธที่จะโต้ตอบเมื่อรู้สึกว่าโดนทำร้าย
โกมุนยอง นางเอกของเรื่องผู้โดดเดี่ยว ผลักไสต่อต้านสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้เจ็บปวด
มุนคังแท พระเอกที่เกิดมาต้องแบกภาระหน้าที่และทุกปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความอดทนเป็นสิ่งเดียวที่กดทับ ชีวิต ความฝัน ความสุข ต้องปกปิดความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่
มุนซังแท พี่ชายออทิสติก ที่คนทั่วๆไปยากที่จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิด เพราะอาการของโรคเป็นข้อจำกัดในการแสดงออกที่จะสื่อสารความรู้สึกออกไป
ละครดำเนินเรื่องตัดสลับไปกับนิทานแบบแฟนตาซี ทำให้ไม่ต้องไปคิดถึงความถูกต้อง ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเลื่อนไหลสัมผัสไปกับจินตนาการหม่นๆ นิทานภาพหลอนของโกมุนยอง
ทำให้นึกถึงสายดาร์กฝั่งตะวันตกอย่าง ทิม เบอร์ตัน
ช่วงพีคที่สุดที่พี่ชายมุนซังแทระเบิดความรู้สึกเจ็บฝังใจที่จดจำคำพูดของน้องชายมุนคังแทในวัยเด็กมาตลอดที่น้องชายตะโกนใส่หน้า อยากให้ตายไปซะจะได้ไม่ต้องเป็นภาระดูแล สำหรับเด็กในวัยขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่คิดอย่างนั้น ตอนเราเป็นเด็กคิดอย่างไรก็จะพูดไปแบบนั้น เพราะเรายังไม่ได้เรียนรู้ที่จะแสดงออกซับซ้อนแบบผู้ใหญ่
ถึงจะเป็นเด็ก แต่คำพูดนั้นก็ทำร้ายจิตใจลงไปในช่องว่างของคนที่บกพร่องในชีวิตบาดแผลในความทรงจำกลับมาเป็นอาวุธทำร้ายน้องชายตนเองกลับคืนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสในวันที่เป็นผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่ถูกหล่อหลอมจากความทรงจำที่โหดร้าย มุนคังแทพยายามวิ่งหนี ปิดกั้นความรู้สึกต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบจิตใจที่แหว่งวิ่น โชคดีที่ได้เรียนรู้จากคนไข้ใจพังๆ เหล่านั้น ด้วยความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ รวมทั้งพี่ชายและโกมุนยองเอง ทำให้ทุกคนค่อยๆ ได้เรียนรู้ ยอมรับ สิ่งที่บกพร่องในอดีต และพยายามที่จะก้าวข้ามไปให้ได้
“ถ้าได้เจอผีเสื้อตัวนั้นอีก สัญญาว่าจะไม่ฆ่ามัน” มุนคังแทพูดกับโกมุนยอง
ความเกลียด ความกลัว ความเศร้าที่หล่อหลอมโกมุนยองสร้างเกราะที่ก้าวร้าวรุนแรงต้องถูกทำลายไปกับ ความรัก ความจริงใจของสองพี่น้อง
ต่างคนต่างบกพร่อง มีบาดแผลในใจ เข้าใจกัน เยียวยาซึ่งกันและกัน เติมเต็มกันและกัน เป็นการดำเนินชีวิตที่สวยงาม
เวลาพบอุปสรรคขวางทางอยู่ข้างหน้าเราไม่รู้ได้หรอกว่าการตัดสินใจในช่วงเวลานั้นถูกหรือผิดมีทางแยก ควรไปทางไหน
แต่ที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกเพื่อให้ชีวิตได้ดำเนินต่อไป ให้ดีกว่าที่แล้วมา
กว่าคนเราทุกคนจะเติบโตมาล้วนผ่านเรื่องราวทุกข์ในชีวิตที่สร้างบาดแผลให้จดจำ วันใดที่รู้จักเยียวยาแผลนั้นเราจะเติบโตทางความคิดจากริ้วรอยแผลเป็นนั้น ด้วยวัยและเวลาจะตกตะกอนอย่างช้าๆ แบบที่ควรจะเป็น
ไม่ว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับ บาดแผลที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป
แตกต่างก็เพียงเราไม่ขมขื่นกับมันอีกแล้ว
ถึงเราจะขาดตกบกพร่อง มีบาดแผลมากมาย เวลาผ่านไป เมื่อเรามองย้อนกลับมา มันอาจจะเป็นอาวุธข้างกายเราที่คอยทิ่มแทงผลักดันให้เราได้เดินทางไปข้างหน้าบนเส้นทางชีวิตอย่างไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
#ItsOkayToNotBeOkay
ความไม่สมบูรณ์แบบที่สวยงาม It’s Okay to Not Be Okay
โกมุนยอง นางเอกของเรื่องผู้โดดเดี่ยว ผลักไสต่อต้านสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้เจ็บปวด
มุนคังแท พระเอกที่เกิดมาต้องแบกภาระหน้าที่และทุกปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความอดทนเป็นสิ่งเดียวที่กดทับ ชีวิต ความฝัน ความสุข ต้องปกปิดความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่
มุนซังแท พี่ชายออทิสติก ที่คนทั่วๆไปยากที่จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิด เพราะอาการของโรคเป็นข้อจำกัดในการแสดงออกที่จะสื่อสารความรู้สึกออกไป
ละครดำเนินเรื่องตัดสลับไปกับนิทานแบบแฟนตาซี ทำให้ไม่ต้องไปคิดถึงความถูกต้อง ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเลื่อนไหลสัมผัสไปกับจินตนาการหม่นๆ นิทานภาพหลอนของโกมุนยอง
ทำให้นึกถึงสายดาร์กฝั่งตะวันตกอย่าง ทิม เบอร์ตัน
ช่วงพีคที่สุดที่พี่ชายมุนซังแทระเบิดความรู้สึกเจ็บฝังใจที่จดจำคำพูดของน้องชายมุนคังแทในวัยเด็กมาตลอดที่น้องชายตะโกนใส่หน้า อยากให้ตายไปซะจะได้ไม่ต้องเป็นภาระดูแล สำหรับเด็กในวัยขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่คิดอย่างนั้น ตอนเราเป็นเด็กคิดอย่างไรก็จะพูดไปแบบนั้น เพราะเรายังไม่ได้เรียนรู้ที่จะแสดงออกซับซ้อนแบบผู้ใหญ่
ถึงจะเป็นเด็ก แต่คำพูดนั้นก็ทำร้ายจิตใจลงไปในช่องว่างของคนที่บกพร่องในชีวิตบาดแผลในความทรงจำกลับมาเป็นอาวุธทำร้ายน้องชายตนเองกลับคืนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสในวันที่เป็นผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่ถูกหล่อหลอมจากความทรงจำที่โหดร้าย มุนคังแทพยายามวิ่งหนี ปิดกั้นความรู้สึกต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบจิตใจที่แหว่งวิ่น โชคดีที่ได้เรียนรู้จากคนไข้ใจพังๆ เหล่านั้น ด้วยความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ รวมทั้งพี่ชายและโกมุนยองเอง ทำให้ทุกคนค่อยๆ ได้เรียนรู้ ยอมรับ สิ่งที่บกพร่องในอดีต และพยายามที่จะก้าวข้ามไปให้ได้
“ถ้าได้เจอผีเสื้อตัวนั้นอีก สัญญาว่าจะไม่ฆ่ามัน” มุนคังแทพูดกับโกมุนยอง
ความเกลียด ความกลัว ความเศร้าที่หล่อหลอมโกมุนยองสร้างเกราะที่ก้าวร้าวรุนแรงต้องถูกทำลายไปกับ ความรัก ความจริงใจของสองพี่น้อง
ต่างคนต่างบกพร่อง มีบาดแผลในใจ เข้าใจกัน เยียวยาซึ่งกันและกัน เติมเต็มกันและกัน เป็นการดำเนินชีวิตที่สวยงาม
เวลาพบอุปสรรคขวางทางอยู่ข้างหน้าเราไม่รู้ได้หรอกว่าการตัดสินใจในช่วงเวลานั้นถูกหรือผิดมีทางแยก ควรไปทางไหน
แต่ที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกเพื่อให้ชีวิตได้ดำเนินต่อไป ให้ดีกว่าที่แล้วมา
กว่าคนเราทุกคนจะเติบโตมาล้วนผ่านเรื่องราวทุกข์ในชีวิตที่สร้างบาดแผลให้จดจำ วันใดที่รู้จักเยียวยาแผลนั้นเราจะเติบโตทางความคิดจากริ้วรอยแผลเป็นนั้น ด้วยวัยและเวลาจะตกตะกอนอย่างช้าๆ แบบที่ควรจะเป็น
ไม่ว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับ บาดแผลที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป
แตกต่างก็เพียงเราไม่ขมขื่นกับมันอีกแล้ว
ถึงเราจะขาดตกบกพร่อง มีบาดแผลมากมาย เวลาผ่านไป เมื่อเรามองย้อนกลับมา มันอาจจะเป็นอาวุธข้างกายเราที่คอยทิ่มแทงผลักดันให้เราได้เดินทางไปข้างหน้าบนเส้นทางชีวิตอย่างไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
#ItsOkayToNotBeOkay