💀🗡💀THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#20 สัปดาห์ที่ 8 : 17-21 ก.ค. "นรกมีจริง" โดย ถุงมือ "เฉียด"💀🗡💀

กระทู้คำถาม
เจสันเจสันเจสันเจสันเจสัน
ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 2 สำหรับสัปดาห์นี้ครับ ^^

นี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับ "นรกภูมิ" ก่อนหน้านี้เคยมีมาแล้วเมื่อปีสองปีก่อน กรรมการก็จำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของถุงมือและเจ้าของเรื่องในครั้งนั้น ดูเหมือนจะใช้ชื่อเรื่องว่า "นรกภูมิ" เลยถ้าจำไม่ผิด ซึ่งเป็นเรื่องของไอ้หนุ่มสารเลวไม่รักดี ผู้แม้มีโอกาสได้เห็นสภาพยรกก่อนล่วงหน้าก็ยังไม่วายทำชั่วเพราะคิดว่าเป็นแค่ความฝัน ใครสนใจลองเสิร์ชหาดูครับ

แต่เรื่องนี้ เป็นลักษณะผู้มีประสบการณ์ "เฉียดตาย" และได้พบได้เห็นมา...กรรมการเลยตั้งชื่อ จขถม. ว่า ถุงมือ "เฉียด" ครับ

ตามมาดูกัน ว่า "นรก" ของเขา เป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่เขาจะฟื้น...อมยิ้ม19เม่าตาสว่าง

อมยิ้ม19
..........ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด พอลืมตาขึ้นทุกสิ่งยังคงมืดมิดไปหมด มืดเหมือนมีบางอย่างปิดตาทั้งสองข้างของผมไว้ หรือว่าผมตาบอดไปแล้ว

บรรยากาศรอบกายสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ผมรู้สึกหนาวมาก ความหนาวทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในสมองหลังจากที่ได้สติก็คือ ความกลัว  

          ใช่ ! ผมกลัวตาย ความกลัวอื้ออึงอยู่ในสมองแล้ววนเวียนตลอดทั่วร่างกาย ผมขนลุกซู่ รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือว่าผมตายไปแล้วจริงๆ  

          ยัง ! ผมยังรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของแขนขา ตัวตน และศีรษะ

          ดีใจ ! ผมดีใจมากที่ยังไม่ตาย ผมเริ่มรู้สติ แต่มันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เพราะพบว่าตัวเองนอนหงายอยู่บนเตียงหรือแท่นอะไรสักอย่าง ที่ซึ่งผมนอนอยู่นี้มันแข็งกระด้าง โดยทั้งมือและเท้าถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา

          นี่เป็นสถานที่แปลกประหลาด ที่ซึ่งผมไม่เคยพบมาก่อน ใครจับผมมา และจับมาทำอะไร ผมตั้งคำถามขณะจิตสำนึกค่อยๆ กลับคืนมา พยายามนึกย้อนไปในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลย มันเลือนรางและยิ่งพยายามคิดก็ยิ่งงุนงง

          ผมเริ่มขยับร่างกายและดิ้นรนแต่ไม่เป็นผล นอกจากแขนขาจะอ่อนแรงแล้ว ยังรู้สึกได้ว่าในปากและลำคอมีอะไรสักอย่างจุกแน่นอยู่ มันน่ารำคาญมาก ผมพยายามขากและไอแต่มันไร้ซึ่งเสียง

          ขณะที่ไอและหายใจติดๆ ขัดๆ อยู่นั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น มันดังคล้ายเสียงสัญญาณเตือนภัย ในความมืดมิดนอกจากเสียงครางเบาๆ เหมือนเสียงคร่ำครวญของปีศาจ ผมได้ยินเสียงเปิดประตูโลหะขนาดใหญ่ที่คาดว่าทั้งหนาและหนัก ต่อมามีเสียงฝีเท้าย่างก้าวอย่างแผ่วเบา มันตรงเข้ามาหาผม
  
          ด้วยความกลัวสุดขีดผมพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่มันไร้ผลโดยสิ้นเชิง ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงครืดคราดในลำคอ และเสียงครวญครางของเจ้าปีศาจนั่น ผมลองยกศีรษะและส่ายหน้าหวังดิ้นรนให้พ้นพันธนาการ แต่ทำไม่ได้เพราะร่างกายทุกส่วนของผมอ่อนเปลี้ยไร้ซึ่งกำลัง และความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย

          ชั่วขณะผมได้ยินเสียงเหมือนมีใครคุยกันแต่มันเบามาก และเป็นภาษาที่ผมฟังไม่เข้าใจ จากนั้นผมเริ่มจมดิ่งลงสู่ความมืด และแล้วสติสัมปชัญญะของผมก็ดับวูบลงไปอีกครั้ง

          นานเท่าใดมิอาจทราบได้ผมตื่นขึ้นมาอีก แต่เหมือนฝันร้ายผมยังคงอยู่ในสภาพเดิม การพันธนาการยังคงแน่นหนา หนังตาหนักจนลืมไม่ขึ้น เสียงเจ้าปีศาจนั่นยังครวญครางอย่างน่ารำคาญอยู่ใกล้ๆ ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเกิดขึ้นทันที คราวนี้ผมดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์เท่าที่จะทำได้ แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันจบลงด้วยการดับวูบสิ้นสติ

          ผมต้องทนทุกขเวทนาเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้วันเวลา ที่จริงผมไม่อาจทราบได้เลยว่านานกี่วันกี่เดือน หรือว่าบางทีอาจจะเป็นแรมปีแล้ว แต่มันยาวนานมากและซ้ำซากจนยากจะจดจำได้ว่าเกิดขึ้นกี่ครั้งกี่หน หรือว่าผมตายไปแล้วจริงๆ เพียงแต่ดวงจิตยังคงเชื่อว่าตัวเองมีชีวิตอยู่

          ห้วงเวลาอันมืดมิดนี้ยิ่งนานยิ่งน่าสะพรึง ความหิวซ้ำเติมผมทุกครั้งที่ได้สติ ผมหิวโหยอยากดื่มอยากกิน ปากคอแห้งผากท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนอดอยากมานานเป็นชาติ การคืนมาของสติอันน้อยนิดนั้นแลกมาด้วยความทุกข์ทรมานใหญ่หลวง ผมยอมหมดสิ้นสติไปเสียเลย ดีกว่ารู้สึกตัวแล้วตกอยู่ในขุมนรกอันเย็นยะเยือกและมืดมิดแห่งนี้

          "นรกภูมิ" ใช่แล้ว ต้องเป็นนรกแน่ๆ ผมระลึกขึ้นมาได้ สถานที่แห่งนี่ช่างเหมือนกับนรกอันเย็นยะเยือกขุมหนึ่ง ซึ่งผมเคยอ่านเจอในหนังสือวรรณคดี หรือว่าที่นี่ก็คือ นรกโลกันตร์

          ตลอดชั่วชีวิตในชาตินี้ผมไม่เคยทำผิดร้ายแรงใดๆ ผมมีจิตใจอันเป็นกุศล และมักถือศีลอยู่เป็นระยะ ทำไมผมต้องมาเผชิญกับเวรกรรมเช่นนี้ด้วย การไตร่ตรองเกิดขึ้นได้เพียงชั่วขณะ ไม่นานสติของผมก็ดับวูบลงไปอีก

          “สว่างแล้ว !” 

           ผมตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล แปลกมากที่ครั้งนี้ โลกดูสดใสเหลือเกิน แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องมาจากทางหน้าต่างห้องนอน กลิ่นหอมกรุ่นของดอกแก้วโชยมาตามสายลม ชุดผ้าปูที่นอนสีน้ำทะเล และหมอนที่ผมใช้หนุนนอนเป็นประจำยังคงอุ่นนุ่มเหมือนเดิม หรือว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเพราะ ผมฝันไป

          บ้าน ! ที่นี่คือบ้าน บ้านของผม นี่ห้องนอนนั่นโต๊ะทำงาน และแฟ้มกองโตนั้นก็คืองานที่ค้างคา มันเป็นเอกสารที่ต้องแปลส่งหัวหน้าในวันพรุ่งนี้ ขอบคุณที่ทุกอย่างเป็นเพียงฝันร้าย ฝันอันแสนร้ายกาจและทุกข์ทรมาน อย่าให้ผมต้องฝันร้ายเช่นนี้อีกเลย คิดว่าคงต้องรีบไปปรึกษาจิตแพทย์แล้ว ในชีวิตไม่เคยฝันอะไรที่น่าสะพรึงกลัวปานนี้มาก่อน

          แต่ ! ทันใดนั้น ทุกสิ่งรอบตัวกลับมืดมิดลงอีก แล้วเสียงกรีดร้องก็เริ่มดังขึ้น

          ไม่ ! ผมกลับมาอยู่ในห้องขังนั้นอีกแล้ว ร่างกายยังคงถูกพันธนาการเช่นเดิม การนอนอยู่บนแท่นทรมานในคราวนี้ย่ำแย่กว่าทุกครั้ง เพราะที่คอดูเหมือนถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ โซ่เส้นนั้นฝังตรึงแน่นอยู่กับลำคอ มันเหมือนโซ่ล่ามสุนัขที่รั้งด้วยสายจูง
  
          ขณะพยายามจะขยับศีรษะ ความรู้สึกเจ็บแปลบจู่โจมบริเวณคอหอยอย่างกะทันหัน นี่คือความเป็นจริงที่ผมสามารถรับรู้ได้ การนอนอยู่ในบ้านของผมเมื่อครู่ต่างหากที่เป็นเพียงแค่ความฝัน เสียงครวญครางของเจ้าปีศาจนั่นยังคงหลอกหลอนผมไม่จบไม่สิ้น

          “ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมยอมแล้ว ผมกลัวแล้วครับ เมตตากรุณาผมด้วย ถ้าหากให้โอกาสอีกครั้ง ผมจะทำบุญเจริญศีลภาวนาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกๆ ท่านอย่างสม่ำเสมอ” บนความเจ็บปวดรวดร้าว ผมร่ำร้องขอความเห็นใจอยู่ในใจ
  
          แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นแม้แต่น้อย ผมเหมือนสุนัขที่ถูกล่ามอยู่อย่างโดดเดี่ยว หิวโหย และหนาวเหน็บในความมืดมิด ด้วยความสิ้นหวังผมร้องไห้อย่างไร้เสียง และตะโกนอย่างเงียบงัน
  
          เวรกรรม ! นรกชัดๆ บาปกรรมของผมคงหนักหนามาก เจ้ากรรมนายเวรถึงตามมาเอาคืนผมได้อย่างหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้ เสียงฝีเท้าแผ่วเบามุ่งตรงมาที่ผมอีกแล้ว ผมเชื่อว่าเจ้าของฝีเท้านี้คงเป็นกรรมดีที่มาคอยช่วยแบ่งเบาความทุกข์ลำเค็ญในนรกภูมินี้ จากนั้นไม่นานสติของผมก็จมดิ่งแล้วดับวูบลง ก่อนสิ้นสติผมภาวนาว่าขออย่าได้ตื่นขึ้นมารับกรรมเช่นนี้อีกเลย

          “คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ” 

          ผมได้ยินเสียงเรียกอย่างแผ่วเบา มันดังมาจากสถานที่อันไกลโพ้น แต่นั่นเปรียบเสมือนเปลวเทียนท่ามกลางลมพายุ มันคือความหวังอันน้อยนิด  

          ผมบอกกับตัวเองว่า ขอความช่วยเหลือสิ ผมร่ำร้องตะโกนออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียงว่า
  
          “ผมอยู่ที่นี่ครับ อยู่ในสถานที่อันแสนโหดร้ายทารุณ อยู่กับความเจ็บปวดสุดจะทานทน มีแต่ความทุกข์ทรมานแสนเข็ญ ความหิวโหยและหนาวเหน็บ ผมได้แต่รอคอยอย่างสิ้นหวังในความมืด ต้องเผชิญกับการตายแล้วเกิด การตื่นแล้วดับ สลับกันไปไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที กรุณาช่วยผมด้วยครับ”

          “ครืดๆ ครืดๆ” 

          ผมได้ยินเสียงอีกแล้ว ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าทุกครั้ง แต่ยังคงเป็นเสียงเสมหะในลำคอกับเสียงครวญครางของเจ้าปีศาจนั่น

          แล้วท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น แสงสีขาวสาดส่องมาที่ร่างกายของผม มันสว่างขึ้นทีละน้อยจนในที่สุดพบว่าเป็นดวงแสงสีขาวนวล บุญคงน้อมนำให้ผมพบกับความสว่าง ผมคงกำลังจะหลุดพ้นจากขุมนรกแล้ว ผมคำนึงอย่างตื่นเต้นดีใจสุดชีวิต แต่ร่างกายของผมยังคงหนักอึ้ง และเจ็บปวดเมื่อยขบไปทุกส่วนสัด

          ถึงอย่างไรผมรู้สึกได้ว่ายังคงนอนอยู่บนแท่นทรมานเดิม  นี่ผมยังไม่พ้นเคราะห์กรรมที่ตามมาทันอย่างนั้นหรือ ?

          ในที่สุดหลังจากพยายามอยู่ชั่วครู่ผมก็สามารถลืมตาขึ้นได้ ด้วยความประหลาดใจ ผมพบสิ่งมีชีวิตสองตนในชุดสีขาวล้วน มันปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด นี่อาจเป็นเทพเทวาหรือว่ามนุษย์ต่างดาว ขณะนัยน์ตาพร่ามัวผมเห็นภาพลางๆ บนหน้ากากกระจกของตัวประหลาดตนหนึ่ง มันสะท้อนภาพใบหน้าของผม
  
          เมื่อพยายามมองทะลุผ่านหน้ากากกระจกนั้น ผมเห็นใบหน้าคนสวมแว่นตาใส่มาสก์มีแววตาเป็นมิตร ผมเหลือบตามองท้องฟ้าแต่พบว่ามันเป็นฝ้าเพดาน และแสงขาวนวลที่เห็นก็คือไฟนีออนส่องสว่างบนแผ่นฝ้านั่นเอง
  
          แล้วพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องมิดชิดไม่มีหน้าต่าง ผนังทุกด้านทาสีขาวล้วน มีเสียงครางของเครื่องดูดอากาศบนฝ้าเพดาน และสิ่งมีชีวิตสองตนนั้นก็คือ มนุษย์
  
          ผมยังไม่ตาย ! จิตสำนึกบอกผมว่าผมกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล สองท่านนี้คงเป็นแพทย์หรือพยาบาลที่ทำการดูแลรักษาผมอยู่

          “คุณพิชัย คุณได้ยินเสียงของหมอไหม ?” เสียงทุ้มๆ น่าจะเป็นเสียงของผู้ชายวัยกลางคนดังขึ้น คราวนี้ผมได้ยินชัดเจน ผมดิ้นรนตอบรับเพื่อแสดงว่าผมยังมีชีวิตอยู่และรู้สติดี

          “อย่าต่อต้านเครื่องนะครับ ผ่อนคลายครับ เรากำลังช่วยคุณอยู่”

          “อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ ถ้าได้ยินเสียงของหมอ ก็ให้กระพริบตาถี่ๆ ค่ะ ลองดูนะคะ” เสียงของหมอผู้หญิงดังขึ้นตามมา

          คราวนี้ผมกระพริบตาอย่างไม่คิดชีวิต ความรู้สึกยินดีเอ่อล้นท้นใจ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความปีติ ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมป่วย และกำลังได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล จิตสำนึกบอกผมเช่นนั้น

          “ดีครับ พอแล้ว” หมอผู้ชายบอกผม แต่นอกจากกระพริบตา ผมอยากจะกระโดดจากเตียงโผไปกอดท่านเลยทีเดียว

          “คุณพิชัยครับ คณะแพทย์ของเรา กำลังพยายามช่วยคุณอยู่อย่างเต็มที่ ขอความร่วมมืออย่าต่อต้านการรักษานะครับ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้บนตัวคุณอาจจะสร้างความรำคาญบ้าง แต่มันจะช่วยให้คุณรอดชีวิตครับ” หมอผู้ชายอธิบายช้าๆ

          “คุณหมดสติไปนานร่วมเดือนแล้ว เป็นเพราะหลายสาเหตุ แต่โชคดีมากที่คุณฟื้นคืนมาได้”

          “ผลการวินิจฉัยพบว่า คุณติดเชื้อโควิด–19 แล้วหมดสติไป เป็นเพราะภาวะปอดอักเสบรุนแรง ระดับค่าออกซิเจนในเลือดต่ำมาก”

          ในความเงียบและชะงักงันชั่วขณะ ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

          “ในขณะที่เราใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวกแทนการหายใจปกติ เราได้ให้ยานอนหลับอย่างแรงกับยาคลายกล้ามเนื้อแก่คุณ ส่วนแผลที่คอของคุณนั้นเป็นแผลผ่าตัดเพื่อติดตั้งเครื่องที่ว่านี้ คุณจะไม่มีเสียงพูด และรู้สึกอึดอัดรำคาญอยู่บ้าง” หมอผู้หญิงช่วยอธิบายต่อ ขณะที่หมอผู้ชายเริ่มตรวจร่างกายของผม
  
          ผมเข้าใจได้ถึงสาเหตุที่เจ็บคอหอยพูดออกเสียงไม่ได้ และการหลับๆ ตื่นๆ อย่างทุกข์ทรมาน ส่วนเสียงของเจ้าปีศาจนั่นคงเป็นเสียงเครื่องช่วยหายใจที่หมอว่า

          “ในนี้เป็นห้องปลอดเชื้อแรงดันอากาศลบ มันอาจทึบและดูอึดอัด แต่เราจะย้ายคุณออกไปจากห้องนี้ในไม่ช้า ขณะนี้ผลการตรวจพบว่าร่างกายของคุณปลอดเชื้อโควิดแล้วค่ะ”

(มีต่ออีกนิดครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่