รถโดนยึดโดยที่มีจดหมายแจ้งมูลค่าหนี้มาแล้ว แต่พอขายทอดตลาดได้เงินมากกว่ามูลค่าหนี้กลับหาเหตุแจ้งให้เราจ่ายเพิ่ม

เรื่องคือผมขาดการผ่อนชำระค่ารถซูซูกิ เซียส ปี 2015 กับธนาคารเกียรตินาคินจนมีการยึดรถในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563

หลังจากนั้น วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 มีจดหมายส่งมาว่ามูลค่าหนี้ทั้งหมด 194,566 บาท รวมค่าติดตามทวงถาม 5,000 บาท และค่าจิปาถะอื่นๆ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 201,622.75 บาท  ในจดหมายก็มีแจ้งการให้เราใช้สิทธิซื้อรถกลับคืน รวมถึงแจ้งวันประมูลรถเรียบร้อย

ซึ่งวันที่ประมูลรถครั้งแรกคือ 30 กรกฎาคม 2563  รถก็สามารถปล่อยประมูลได้ในราคา 210,000 บาท

โดยธนาคารส่งจดหมายมาหาผมวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 แจ้งว่ารถขายได้ 210,000   แต่มูลค่าหนี้ทั้งหมดคือ 227,780 บาท  เพราะมีค่าขาดประโยชน์อีกเดือนละ 8,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนกว่า ที่ผมขาดส่งไป     คิดแล้วมีส่วนต่างที่ผมต้องชำระเพิ่มคือ 17,780 บาท

ผมพยายามติดต่อกลับไปที่ธนาคารเพื่อชี้แจงว่า จดหมายที่แจ้งในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563  แจ้งไว้ว่ามูลค่าหนี้คือ 201,622.75 บาทซึ่งมันเป็นยอดที่รวมกับ 3 เดือนสุดท้ายที่ขาดส่งไปอยู่แล้ว   แต่พอรภขายได้ทำไมถึงมีการเพิ่มยอดค่าขาดประโยชน์เข้าไปอีก แทนที่ผมจะได้ค่าส่วนต่าง 8พันกว่าบาท  กลายเป็นว่าผมต้องเสียเงินเพิ่ม

ทางธนาคารก็โยนให้ฝ่ายกฎหมาย  ฝ่ายกฎหมายก็ทวงเงินอย่างเดียว  และพยายามตีมึนว่าไม่รับรู้เรื่องจดหมายวันที่ 18 กรกฎาคม 2563  แต่หน้าที่เค้าคือมาตามยอดหนี้ที่ผมต้องจ่ายอีก 17,780 บาท

จะบอกว่าเป็นค่าทำสีรถ ค่าซ่อมบำรุง ก็ควรแจ้งในจดหมายแจ้งมูลค่าหนี้   เพราะคุณเอารถไปตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2563  คุณใช้เวลา 8 วันไปการตรวจรถ แล้วออกจดหมายแจ้งมูลค่าหนี้มาในวันที่ 18 กรกฏาคม 2563  แสดงว่า มีการพิจารณามูลค่าหนี้กันมาเรียบร้อยแล้ว    แต่พอขายรถได้ กลับมามัดมือชกว่ามีค่าขาดประโยชน์อีก 27,089 บาท

ในกรณีนี้ผมจะทำยังไงถึงจะได้ค่าส่วนต่าง 8พันกว่าบาทคืนได้บ้างครับ    แค่เจอโควิทจนเสียรถไปก็แย่แล้ว  ยังมาโดนตีมึนเอาเปรียบแบบนี้อีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่