ประวัติศาสตร์ที่มาของการบ้านางงามของฟิลิปปินส์มีสาเหตุลึกกว่าที่คิด



มีหลายคนสงสัยว่าเหตุใดประเทศฟิลิปปินส์จึงได้คลั่งไคล้นางงามนัก จากประวัติศาสตร์ของปินส์จะเห็นได้ชัดว่านางงามนั้นมีนัยยะมากกว่านั้น
หากแต่มันคือการได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าอาณานิคมอย่างที่ไม่เคยมีลูกอาณานิคมประเทศใดเคยได้รับมาก่อนเช่นฟิลิปปินส์
ช่วงยุคอาณานิคมของอเมริกาตอนต้นจนถึงช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลอาณานิคมอเมริกันได้จัดให้มีเทศกาลพิเศษเรียกว่า
Manila Canival เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและฟิลิปปินส์ที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งสองประเทศไม่ว่าจะด้าน
ความก้าวหน้าทางการค้าอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของฟิลิปปินส์ ไฮไลท์ของงานคือการจัดประกวดคาร์นิวัลควีน หรือนางงามมะนิลาซึ่งนำมาซึ่งนัยยะแอบแฝงในการสร้างกระแสระบบวรรณะอาณานิคมที่ในเวลาต่อมาพัฒนามาเป็นการประกวดนางงามระดับชาติของฟิลิปปินส์ที่ฝังรากลึกในค่านิยมของคนในประเทศ



เทศกาลจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2451 ผู้จัดงานดั้งเดิมคือพันเอกชาวอเมริกันชื่อกัปตันจอร์จที. แลงฮอร์นผู้ซึ่งขอเรี่ยไรชาวฟิลิปปินส์ 50,000 เปโซเพื่อสร้างห้องจัดแสดงชนเผ่าอิโกรอตพื้นเมืองของฟิลิปปินส์ที่อยู่ในสภาพเปลือยกายครึ่งท่อง แต่ทว่าผู้ว่าการเจมส์สมิธ ผู้ว่าราชการของมะนิลานั้นไม่เห็นด้วยและได้มีการเปลี่ยนแผนการแสดงชนพื้นเมืองแปลกประหลาดตามแผนเดิมให้กลายเป็นเทศกาลงานเฉลิมฉลองความก้าวหน้าของชาวฟิลิปปินส์- อเมริกันในหมู่เกาะนี้แทน รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์คาเมรอน ฟอร์บส์ รับหน้าที่จัดเตรียมและขอ 15,000 แทน 50,000 จากที่ประชุม

 เขาวางแผนที่จะเพิ่มเงินอีก 15,000 เพื่อแคมเปญสมัครการประกวด Miss Carnival Queen ประวัติศาสตร์นางงามที่เริ่มขึ้นครั้งแรก
สถานที่จัดงานมะนิลาคาร์นิวัลคือสนามวอลเลซเก่าซึ่งอยู่ถัดจากสวนลูเนต้าในปัจจุบัน ถูกครอบครองโดยหอสมุดแห่งชาติฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน
ในช่วงสองสัปดาห์ของงานรื่นเริงใน Wallace Field มีกำแพงล้อมรอบด้วยไม้ Sawali และมีซุ้มที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแสงไฟและเครื่องประดับประดาต่างๆ มีการนำเสนอการแสดงที่หลากหลายเช่นละครสัตว์ นักแสดงตลกละครตลกและการนำเสนอละครที่ยิ่งใหญ่ของ Borromeo Lou การแสดงที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคโดยดารานำเช่น Atang de la Rama, เคตี้ เดอ ลาครูซ, คานูปลิน ดิโอนีเซีย คาสโตร 



ค่าเข้าชมมีตั้งแต่ 50 centavos ขึ้นไปและสามารถซื้อหน้ากาก แตรและคอนเฟ็ตตี้ได้ที่ประตูเข้างาน เด็ก ๆ สามารถสวมชุดตัวตลกฮาร์รีควินและ
หมวกในขณะที่ผู้สูงอายุสวมชุดโดมิโนหรือชุดแฟนซีสวยงามต่างๆมาร่วมงาน
ซึ่งคล้ายกับงานวันปีใหม่ที่มีความสนุกสนานห้อมล้อมไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงซุบซิบในกรุงมะนิลาเก่าที่ครุไปด้วยเสียงบีบแตร &มีการโยนคอนเฟตตี้หลากสี



คาร์นิวัลควีนส์หรือนางงามมะนิลาคาร์นิวัลคือ
ไฮไลท์ของงานมะนิลาคาร์นิวัลคือการครองตำแหน่งราชินีแห่งคาร์นิวัลโดย Billiken มาสคอตคาร์นิวัล คาเมรอน ฟอร์บส์ และผู้ส่งเสริมงานรื่นเริงได้จัดตั้งการประกวด Carnival Queen ที่ได้รับการคัดเลือกจากการซื้อบัตรลงคะแนน
ในยุคแรกฟอร์บส์จำกัด การลงแข่งขันเฉพาะในหมู่ของลูกสาวของผู้มีตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดจากเมืองหลวงของมะนิลาเท่านั่นซึ่งทั่งหมดล้วนเป็นหญิงสาวเลือดเม็สติโซส (ผู้มีเลือดผสมผู้ดีเก่าต่างชาติเช่น ลูกครึ่งสเปนที่มีมารดาเกิดจากแคว้นในสเปน, ลูกครึ่งเลบานอนที่มีบิดานักธุระกิจชาวเลบานอนกับมาดาฟิลิปปินส์หรือไม่ก็ชาวฟิลิปปินส์เชื้อสายอเมริกัน)


แต่ในที่สุดกฏการสมัครก็เปลี่ยนไปและรับสมัครนางงามคาร์นิวัลควีนจากจังหวัดอื่นๆของประเทศซึ่งสร้างกระแสแรงจูงใจให้เด็กสาวชาวฟิลิปปินส์สนใจเรื่องการประกวดนางงามตั้งแต่นั่นมาเพราะมันเปรียบเสมือนหน้าตาระดับสากลเมื่อสาวชาวพื้นเมืองได้มีโอกาสร่วมมีเกียรติสูงสุดในการเป็นนางงามในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่เฉพาะในหมู่สาวเลือดผสมสเท่านั่น
นางงามจะได้รับการโหวตผ่านระบบบัตรลงคะแนนเงินหรือคูปอง

Carnival Queens แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายที่สวยงามที่สุดและมีขบวนพาเหรดของแต่ละคนในชุดต่างวัฒนธรรมที่ตัดเย็บอย่างสวยงามวิจิตร ตั้งแต่แบบอียิปต์โบราณ แบบสยามไปจนถึงชุดแนวเจ้าหญิงในนิยายอาหรับราตรี เจ้าหญิงเชเฮราซาร์ต
งานมะนิลาคาร์นิวัลครั้งแรกในปี 2451 ได้มีการเลือกราชินีสองคนที่เป็นตัวแทนของความงามฝั่งเอเชีย oriental โดย นางงามคาร์นิวัล ลูกผสมสเปนชื่อ
ปูร่า วิเลนโนว่า

 ปูร่า วิเลนโนว่า คนกลางที่ตัวสูงสุดในรูป


มาจอร์รี่ซ้าย ปูร่าขวา

โดย มาจอร์รี่ โคลตัน จาก Illinois เป็นตัวแทนฝั่งนางงามตะวันตก ......ที่มะนิลาคาร์นิวัล ในปีพ. ศ. 2455 เป็นครั้งแรกนอกเหนือจากราชินีแห่งงานรื่นเริงการประกวดได้มีการเลือกผู้หญิงสี่คนเพื่อเป็นตัวแทนของ ลูซอน วิสายา มินดาเนา ในปีพ. ศ. 2456 ผู้หญิงสามคนที่เป็นตัวแทนของเกาะลูซอ วิสยาส และมินดาเนาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ชนะงานเทศกาลมะนิลา( ทั้งหมดเป็นสาวฟิลิปปินส์ที่มีเลือดผสมต่างชาติสเปนหรือตะวันตก) ผู้หญิงอเมริกันคนแรกและคนเดียวที่ได้รับชัยชนะในฐานะ Carnival Queen Filipine คือ Mela Kamakee Fairchild (เกิดที่โอ๊คแลนด์แคลิฟอร์เนียในปี พ.ศ. 2441) ในงานคาร์นิวัลมะนิลา และในพ.ศ. 2460  ราชินีสองคนได้รับเลือก......ในปีพ. ศ. 2469 เพื่อเลือกคนสุดท้ายที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งคาร์นิวัล (โซคอร์ โรเฮนสัน) และมิสฟิลิปปินส์แท้คนแรก (Anita Agoncillo Noble)

เจีย บัลโมรี่ สาวเลือดเมสติโซสที่งามที่สุด




เจีย บัลโมรี่ นางงามตัวแทนลูซอนที่เป็นหนึ่งในคาร์นิวัลควีนที่โด่งดังมากอันดับหนึ่งเพราะเธอเกิดในฟิลิปปินส์แต่มีรูปตรงตามตีมความงามแบบเม็ตติซ่าแบบฝรั่งมาที่สุดด้วยเชื้อสายจากทางปู่ที่มาจากแคว้นเซวิลล่าในสเปนผนวกสายลูซอนอิสลามในฟิลิปปินส์จากทางบรรพบุรุษฝั่งแม่


คาร์เมน เดล โรซาริโอ

คาร์เมน เดล โรซาริโอได้รับการประกาศให้เป็นมิสมินดาเนา พ.ศ. 2478 "คาร์เมลิง" ชื่อเล่นของเธอ......เดลโรซาริโอนันเข้าร่วมการประกวดอย่างเสียมิได้ด้วยการดันจากเพื่อนของพ่อของเธอซึ่งเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ที่สนบสนุนการตีพิมพ์ประกวดนางงาม ทั้งทีพ่อของเธอไม่เห็นด้วยนักในคราแรกกับการประกวดโชว์ความงามเพราะหญิงมีสกุลไม่ควรเอาความงามออกไปโชว์  เธอเองก็ดูมีท่าทีในคราวแรกว่าไม่น่าจะชนะแต่ก็ชนะอย่างม้ามืด คาร์เมนเป็นลูกสาวผู้มีตระกูลที่เรียบร้อยดังผ้าพับ และปู่ของเธอป็นนักเคมีชั้นนำในวงการวิทยาศาสตร์ของฟิลิปปินส์ที่มีเชื้อสายสเปน ผลงานการบุกเบิกของเขาเกี่ยวกับนิปาปาล์มและผลิตภัณฑ์ของเขาได้รับรางวัลชนะเลิศจากงาน World’s Fair ปี 1881 ในปารีส ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักในฐานะบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ของฟิลิปปินส์

ชาริตี้ โอ โครว์ Miss Luzon Filipine 1933

Miss Luzon ปี 1933 Charity O' Crow เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ่อของเธอเป็นครูชาวอเมริกันที่ได้รับคัดเลือกให้ไป สอนในฟิลิปปินส์และได้รับมอบหมายให้ปฏิรูประบบโรงเรียนของรัฐในประเทศ ในขณะที่ได้รับมอบหมายใน Iloilo เขาได้พบและแต่งงานกับ Asuncion ซึ่งเป็นหญิงชาวฟิลิปปินส์ที่มีเลือดเสปน พวกเขามีลูกด้วยกันห้าคน (Carmen, Carrie, Charity, Celeste, Catherine) และลูกชายสองคน (Clem, Carl)
ที่องค์กรการกุศล St. Bridget’s Academy ใน Batangas ซึ่งตอนนั้นพ่อของเธอเป็นเหรัญญิกประจำจังหวัด จากนั้นเธอก็ย้ายไปที่มะนิลาซึ่งเธอเรียนจบมัธยมปลายที่วิทยาลัยเซนต์สโคลาสติก้าในปี 2475 จากนั้นเธอก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ซึ่งเธอได้รับเลือกให้เป็น“ สาวมหาลัยที่สวยที่สุด” ตำแหน่งความงามของเธอทำให้เธอได้รับความสนใจจากผู้จัดงานคาร์นิวัลที่เกณฑ์เธอเป็นผู้สมัครเข้าร่วมงานมะนิลาคาร์นิวัลในปี พ.ศ. 2476

นีเวียส กอนซาเลส Miss พังงาสี



เนฟอายุเพียง 14 ปีเมื่อสวมมงกุฎ Carnival Queen of Pangasinan ความงามของเธอเป็นที่รู้จักและชื่นชมแม้กระทั่งในมะนิลา Margarita Moran หลานสาวของเธอเดินตามรอยเท้าของเธอด้วยการเป็น Miss BB ฟิลิปปินส์ปี 1973 และตามด้วยมิสยูนิเวิร์สปี 1973 
Nieves เนฟ เกิดในปี 1905 ในครอบครัวชนชั้นปกครองที่เป็นเจ้าของไร่องุ่นขนาดใหญ่และถือครองที่ดินใน Rosales, Pangasinan แนวคิดของการประกวดนางงามไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับครอบครัวกอนซาเลส ออกุสโต้ ที่หัวสมัยใหม่แบบ ลูกพี่ลูกน้องคนแรกของ เนฟ ได้แต่งงานกับ Manolita Barretto Miss Manila carnival ดังนั้นในปี 1919  เนฟจึงถูกส่งเข้าประกวดบ้าง

 มิสฟิลิปปินส์แห่งมะนิลาคาร์นิวัล พ.ศ. 2470
หลุยส์ซ่า เฟอร์นานเดซ มารังสิกาน



ภายใต้การอำนวยการของ Librada Avelino ได้ทำการค้นหา Escolarina ที่น่ารักที่สุด การเพิ่มรายชื่อเป็นปีที่สองจาก Tayabas, Luisa Fernandez Marasigan Lucing เป็นลูกสาวของ Francisco Marasigan แห่ง Gumaca และ Andrea Fernandez จาก Macalelon แอนเดรียมีเชื้อสายสเปนและลูก ๆ ของ Marasigan ทั้ง 8 คนล้วนมีลักษณะเป็นลูกครึ่ง แต่ Luisa ดูเหมือนจะได้รับมรดกที่ดีที่สุดของการผสมผสานระหว่างคอเคเชียน และ ตะวันออก ลักษณะที่ดึงดูดใจที่สุดของเธอคือดวงตาที่ชวนฝันของเธอซึ่งทำให้เธอมีความงามที่เต็มไปด้วยอารมณ์
ภาพหลุยส์ซ่าในงานแต่งงาน



คาร์เมน เซาดาเรียก้า


ผู้ชนะในที่สุดคือสาวงามชาวมะนิลาอายุ 17 ปีชื่อ Carmencita“ Chita” Zaldarriaga ผู้พิชิตงานคาร์นิวัลด้วยความงามแบบคาสติเลียน (แคว้นคาสตีลชาวบาส) ดูเด่นชัดมากในตัวเธอจากทางย่าของเธอชื่อ Atanasia Dominguez ภรรยาม่ายของ Joaquin Bayot ลูกชายชื่อ Francisco Maria เป็นปู่ของ Chita สิต้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่