สิ้นสุดยุคสมัย?ไร้เงา'เมสซี-โรนัลโด้'ในรอบรอง UCL ในรอบ 15 ปี & จากรอบแรกถึงรอบชิง : 10ชัยชนะขาดลอยที่สุดใน UCL

สิ้นสุดยุคสมัย? ไร้เงา'เมสซี-โรนัลโด้'ในรอบรอง UCL ครั้งแรกในรอบ 15 ปี

ศึกถ้วยใบใหญ่ของยุโรปไร้เงาของสองยอดนักเตะแห่งยุคเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี
 
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่มีสองยอดนักเตะแห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

จอมทัพชาวอาร์เจนตินา ต้องผิดหวังในการคว้าแชมป์ยุโรปหลังโดน บาเยิร์น มิวนิค ไล่ถล่มไปแบบขาดลอย 8-2 ขณะที่ ยูเวนตุส ของดาวเตะโปรตุเกสตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปก่อนแล้วหลังพ่าย โอลิมปิค ลียง

หลังการตกรอบของ อาซูลกรานา ทำให้ แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาลนี้จะไม่มี โรนัลโด้ หรือ เมสซี วาดลวดลายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2004-05

นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2006-07 ที่ไม่มีทีมจากสเปนผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย 



credit : www.goal.com/th

กอบกู้หรือแยกย้าย?'ปากเป็ด' ฉงน "เมสซี่" คิดอะไรในใจ

ริโอ เฟอร์ดินานด์ นักวิจารณ์ชื่อดังสงสัยว่า ลิโอเนล เมสซี่ กำลังคิดอย่างไรกับเรื่องอนาคตกับบาร์เซโลน่า หลังจากที่ "ต่างดาว" โดนบาเยิร์น มิวนิค สอนบอลไล่ถล่ม 8-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทีมดังจากสเปน ตกรอบก่อนรองชนะเลิศรายการยุโรปถ้วยใหญ่ โดยคาดว่าความพ่ายแพ้สุดอัปยศจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากกับบาร์เซโลน่า

เมสซี่ ในวัย 33 ปี ยังเหลือสัญญากับต้นสังกัดจนถึงปีหน้า แต่เฟอร์ดินานด์ชี้ว่ายอดแข้งของโลกอาจไม่อยู่ช่วยสร้างทีมขึ้นมาอีกครั้ง

"คำถามตอนนี้คือ เมสซี่ กำลังคิดอะไรอยู่? กลับบ้านไปคืนนี้เขาจะคิดเรื่องอะไร?

"ระดับผลงานที่สโมสรแสดงออกมาและขุมกำลังที่พวกเขามีในเวลานี้เมื่อเทียบกับทีมอื่น ๆ ในยุโรป นั่นคือคำถามข้อใหญ่ที่เขาคงคิดถึง

"เขามีเวลาจะมานั่งรอหรือเปล่า? ชีวิตนักเตะฟุตบอลมันผ่านไปเร็วมากเลยนะ เขาจะอยู่ที่ไหนในสองปีหลังจากนี้ซึ่งจะยังสามารถมีอิทธิพลกับเกมด้วยแนวทางการเล่น

"เขาจะอยากทำแบบนั้นโดยไม่มีลุ้นคว้าแชมป์รายการใหญ่ ๆ ได้หรือเปล่า? ผมไม่รู้เลย"



cr : www.soccersuck.com

"บาร์โตเมว" รับต่างดาวเตรียมปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่หลังพ่ายพี่เสือเละเทะ

โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรบาร์เซโลน่า บอกว่าพวกเขาเตรียมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงทีมอย่างเร่งด่วน หลังจากแพ้ บาเยิร์น มิวนิค ยับเยิน 8-2 ตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก
 
เกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย แข่งกันที่ประเทศโปรตุเกส "ต่างดาว" ทำผลงานสุดอัปยศ โดน "เสือใต้" กระซวกไส้แตกและร่วงตกรอบไป

ทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขามือเปล่าเพราะว่าวทุกแชมป์ ซึ่งหลังเกมบาร์โตเมวออกมาบอกว่า

"มันเป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยินมาก ผมอยากจะยินดีกับบาเยิร์นที่เล่นได้ยอดเยี่ยม พวกเขาสมควรได้เข้ารอบรองชนะเลิศ"

"เราไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดหรือใกล้เคียงเลย วันนี้มันคือหายนะและตอนนี้เราต้องมีการตัดสินใจหลายอย่าง"

"เราคิดไว้บางเรื่องแล้ว แต่วันนี้ไม่ใช่เวลาที่จะประกาศ"

"เราอยากจะขอโทษแฟนบอล สมาชิกสโมสร และชาวบาร์เซโลนิสต้าทั่วโลก"

มีรายงานว่า กีเก้ เซเตียน เตรียมโดนเด้งออกจากตำแหน่งกุนซือ

เมื่อถามจี้ถึงการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นนั้นเกี่ยวกับอะไร บาร์โตเมวบอกแค่เพียงว่า "ผมจะยังไม่บอกว่าอะไร เพราะบางอย่างตัดสินใจแล้วและบางอย่างจะมีการตัดสินใจเร็วๆนี้"

"วันนี้คือเวลาที่เราต้องไตร่ตรอง พรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจะพยายามดึงดึงของแฟนบอลบาร์เซโลน่าทุกคนคืนมา และเราจะตัดสินใจกันต่อไปในสัปดาห์หน้า"


 
cr : www.soccersuck.com

จากรอบแรกถึงรอบชิง : 10 ชัยชนะขาดลอยที่สุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก



ชัยชนะในแต่ละรอบที่มากสุดของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือคู่ระหว่างทีมใด สกอร์เท่าไหร่? เรารวบรวมมาให้แล้ว!

รอบแบ่งกลุ่ม : ลิเวอร์พูล 8-0 เบซิคตัส
06/11/2007, เกมที่ 4 ของรอบแบ่งกลุ่ม


เรอัล มาดริด 8-0 มัลโม
08/12/2015, เกมที่ 6 ของรอบแบ่งกลุ่ม



รอบ 16 ทีมสุดท้าย : บาเยิร์น มิวนิค 7-0 บาเซิล
13/03/2012, รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง



บาเยิร์น มิวนิค 7-0 ชัคตาร์ โดเนตส์ค
11/03/2015, รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง
 


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7-0 ชาลเก้
12/03/2019, รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง



รอบ 8 ทีมสุดท้าย : บาเยิร์น มิวนิค 8-2 บาร์เซโลนา
14/8/2020, รอบ 8 ทีมสุดท้าย (แข่งนัดเดียว)



แมนฯยูไนเต็ด 7-1 โรมา
10/04/2007, รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกสอง



รอบรองชนะเลิศ : บาเยิร์น มิวนิค 4-0 บาร์เซโลนา
23/04/2013, รอบรองชนะเลิศ เลกแรก



บาเยิร์น มิวนิค 0-4 เรอัล มาดริด
29/04/2014, รอบรองชนะเลิศ เลกสอง



รอบชิงชนะเลิศ : เอซี มิลาน 4-0 บาร์เซโลนา
18/05/1994,รอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงเอเธนส์ 



credit : www.goal.com/th

 พี่เสือ155ตุง!เปิดสถิติน่าสนใจหลังเกมบาเยิร์นขยี้บาร์เซโลน่าแบบไม่ไว้หน้า 
 
ถือเป็นเกมที่ชวนขนลุกยามค่ำคืนอย่างแท้จริง หลังจากที่ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ระเบิดฟอร์มสุดโหด ไล่กระซวก บาร์เซโลน่า ยับเยินด้วยสกอร์ 8-2 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่า หลังเกมนี้มีเรื่องให้พูดถึงมากมาย รวมถึงเรื่องสถิติที่น่าสนใจด้วย แต่จะมีสถิติอะไรบ้างนั้น เรามาดูกัน 

บาเยิร์น มิวนิค 

 - 155 : จำนวนประตูรวมทุกรายการของ บาเยิร์น ในฤดูกาลนี้ จากการลงเล่น 50 นัด (บุนเดสลีกา 100, เดเอฟเบ โพคาล 16 และ แชมเปี้ยนส์ ลีก 39) ซึ่งเฉลี่ยตกเกมละ 3.1 ประตู!!! ขณะที่ฤดูกาล 2012/13 ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์นั้น พวกเขาทำได้ 151 ประตู จาก 54 เกม 
 - 8 : เป็นครั้งแรกสำหรับ บาเยิร์น ที้ทำได้ถึง 8 ประตูในเกมเดียวถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก
 - 8 : นอกจากนี้ บาเยิร์น ยังถือเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ถึง 8 ประตูในเกมรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก
 - 26 : การคุมทีมลงเตะ 6 เกมแรกในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ของกุนซือ ฮันซี่ ฟลิค นั้น เจ้าตัวพา บาเยิร์น ทำได้ถึง 26 ประตู ซึ่งมากกว่ากุนซือคนอื่นๆ อย่างน้อย 5 ประตู สำหรับบรรดาโค้ชที่ทำทีมลงเตะถ้วย "บิ๊กเอียร์" 6 นัดแรก  
  - 9 : 3 เกมหลังสุดในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ มีส่วนร่วมกับประตูถึง 9 ลูก (ยิง 4, แอสซิสต์ 5)
 - 9 : บาเยิร์น คว้าชัยรวดทั้ง 9 เกมในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ แถมยิงได้ถึง 39 ตุง และเสียแค่ 8 ลูก 
 - 54 : ฤดูกาลนี้ เลวานดอฟสกี้ กระทุ้งไปแล้ว 54 ประตู จาก 45 เกมรวมทุกรายการ 
 - 50 : จำนวนประตูในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เจ้าตัวยิงได้ในสีเสื้อของ "เสือใต้" ซึ่งมาจากการลงเล่นเพียงแค่ 60 นัด 
 - 1 : เลวานดอฟสกี้ เป็นแข้ง "เสือใต้" คนแรก ที่ทำประตูในเกมถ้วยยุโรป 8 นัดติด โดยสถิติสูงสุดเดิมคือ 7 เกมติดที่ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ทำเอาไว้ตอนเล่นในถ้วย ยูฟ่า คัพ เมื่อฤดูกาล 1995/96
- 113 : โธมัส มุลเลอร์ กลายเป็นนักเตะชาวเยอรมัน ที่ลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก มากสุดในประวัติศาสตร์ โดยแซงหน้า ฟิลิปป์ ลาห์ม ที่ลงเล่น 112 นัด 
 - 20 : เกมนี้ บาเยิร์น มีการผ่านบอลแบบสร้างโอกาสจบสกอร์ได้ถึง 20 ครั้ง ขณะที่ บาร์ซา ทำได้แค่ 5 หน 
 - 7 : นอกจากทำได้ 1 ประตูแล้ว เกมนี้ โยชัว คิมมิช แบ็กขวาตัวเก่ง ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นจบสกอร์ได้ถึง 7 ครั้ง ซึ่งมากสุดในสนาม 
 - 3 : การเข้ารอบของ บาเยิร์น ทำให้กลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีกุนซือจากชาติเดียวกันถึง 3 รายในรอบตัดเชือก ซึ่งประกอบไปด้วย ฮันซี่ ฟลิค (บาเยิร์น), โธมัส ทูเคิ่ล (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) และ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ (แอร์เบ ไลป์ซิก) ที่เป็นชาวเยอรมันล้วนๆ 
 
 บาร์เซโลน่า
 - 0 : การตกรอบของ บาร์ซ่า ครั้งนี้ ทำให้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2006/07 ที่ไม่หลงเหลือสโมสรจากสเปนในรอบ 4 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก 
 - 1 : ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2004/05 ที่เราจะไม่ได้เห็น ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในรอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก
 - 6 : การปราชัยด้วยสกอร์ 2-8 ทำให้ บาร์เซโลน่า แพ้คู่แข่งด้วยช่องว่าง 6 ประตู เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เคยแพ้ เอสปันญ่อล ในเกมลีกเมื่อเดือนเมษายน ปี 1951
 - 8 : เป็นครั้งแรกที่ บาร์เซโลน่า เสียถึง 8 ประตูในเกมเดียว นับตั้งแต่ปี 1946 ที่เคยแพ้ เซบีย่า 0-8 ในเกม โกปา เดล เรย์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย
 - 13 : นับเป็นหนแรกในรอบ 13 ปีที่ บาร์เซโลน่า จบซีซั่นแบบมือเปล่า หรือนับตั้งแต่ฤดูกาล 2006/07 
 - 1,952 : ประตูที่ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงให้ บาร์เซโลน่า ไล่ขึ้นมาเป็น 2-4 ถือเป็นการทำประตูเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นอกสังเวียนแข้ง คัมป์ นู หนแรกของเจ้าตัว นับตั้งแต่ที่บุกไปยิงใส่ อาแอส โรม่า (สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก) เมื่อเดือนกันยายนปี 2015 ซึ่งนับจากเกมดังกล่าวจนถึงประตูที่ยิงใส่ บาเยิร์น เกมนี้ เจ้าตัวใช้เวลาในสนามถึง 1,952 นาที และมีโอกาสยิงที่ไม่เป็นประตูถึง 69 ครั้ง 
 


cr ; www.siamsport.co.th
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่